TH8741A3 - อุปกรณ์ล็อคก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ที่ซึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานด้วยโซลินอยด์ - Google Patents

Abstract

DC60 (22/08/56) อุปกรณ์ล็อคก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ที่ซึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานด้วยโซลินอยด์ ตามการประดิษฐ์ นี้ ถูกออกเเบบให้กลไกล็อคทำงานเมื่อได้รับการกระตุ้นจากโซลินอยด์ รวมถึงจัดให้มีระบบกลไกการ ปลดล็อคฉุกเฉินร่วมกับกลไกปลดล็อคปกติ ที่ซึ่งกลไกปลดล็อคดังกล่าวสามารถทำงานปลดล็อคได้ ด้วยการกระตุ้นจากโซลินอยด์หรือการไขปลดล็อคด้วยลูกกุญเเจ โดยไม่จำเป็นต้องออกเเบบกลไก ปลดล็อคฉุกเฉินเฉพาะเเยกออกมาต่างหาก อุปกรณ์ล็อคก้านต่อคันเกียรรถยนต์ที่ซึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานด้วยโซลินอยด์ ตามการประดิษฐ์ นี้ ถูกออกเเบบให้กลไกล็อคทำงานเมื่อได้รับการกระตุ้นจากโซลินอยด์ รวมถึงจัดให้มีระบบกลไกการ ปลดล็อคฉุกเฉินร่วมกับกลไกปลดล็อคปกติ ที่ซึ่งกลไกปลดล็อคดังกล่าวสามารถทำงานปลดล็อคได้ ด้วยการกระตุ้นจากโซลินอยด์หรือการไขปลดล็อคด้วยลูกกุญเเจ โดยไม่จำเป็นดต้องออกเเบบกลไก ปลดล็อคฉุกเฉินเพาะเเยกออกมาต่างหาก

Claims (1)

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :

1.อุปกรณ์ล็อคก้านต่อคันเกียร์รถยนยต์ที่ซึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานด้วยโซลินอยด์ เป็นอุปกรณ์ป้องกัน การโจรกรรที่ซึ่งออกเเบบกลไกสำหรับล็อคก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ โดยมีโซลินนอยด์ทำหน้าที่หลักใน การกระตุ้นให้สลักล็อคเคลื่อนที่ไปทำการล็อคเเละปลดล็อค มีส่วนประกอบหลักคือ ก)ระบบไฟฟ้า สำหรับทำหน้าที่สั่งการเเละควบคุมโซลินอยด์ให้ทำงาน ข)ระบบกลไกการล็อคก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ สำหรับล็อคเกียรรถยนต์ไว้ไม่ให้สามารถใช้ งานได้ตามปกติ ค)ระบบกลไกการปลดล็อคฉุกเฉิน สำหรับทำหน้าที่ปลดล็อคให้สามารถใช้งานเกียร์รถยนต์ ได้ตามปกติในกรณีที่ระบบไฟฟ้าหรือกลไกล็อคบกพร่อง มีลักษณะพิเศษคือ ระบบกลไกการล็อคต่อคันเกียรรถยนต์ที่ซึ่งประกอบไปด้วย ท่อห่อหุ้ม(3)สำหรับห่อหุ้มส่วนกลไกล็อคเเละระบบไฟฟ้าไว้เพื่อป้องกันการทำลาย ที่ ซึ่งถูกประดิษฐ์ให้เป็นกล่องปลายเปิดสองด้าน บริเวณลำตัวด้านหนึ่งถูกเจาะให้เป็นรู(3a)เพื่อรองรับ การประกอบเข้าของปลอกเเม่กุญเเจ(15)เเละเเม่กุญเเจ(10)ตามลำดับ นอกจากดนี้ลำตัวด้านในใกล้ บริเวณปลายเปิดด้านหนึ่งได้ประดิษฐ์ให้มีเสื้อ(3b)สำหรับรองรับการประกอบรวมเข้าของเเกนบัง สกรู(11)โดยที่เสื้อ(3b)ถูกประดิษฐ์มให้มีรู(3b1)ที่มีขนาดสอดเเละรูปลักษณ์สอดคล้องกับลำตัวของ เเกนบังสกรู(11)เเดละเจาะทะลุตลอดควายาวของเเนวเสื้อดังกล่าว รวมถึงประดิษฐ์ให้มีร่อง(3b2) บริเวณลำตัวด้านหนึ่งเพื่อรองรับการร้อยเข้าของเเกนบังคับ(11c) ฝาปิดหน้า(4)ที่ซึ่งถูกประดิษฐ์ให้มีขนาดเเละตัดสอดคล้องกับท่อห่อหุ้ม(3)เพื่อปิด ปลายท่อด้านหน้าไว้ เเละลำตัวถูกประดิษฐ์ให้มีท่อ(41)ยื่นโผล่ออกมาสำหรับรองรับการร้อยสลักด ล็อค(43)เข้าไปภายในรูท่อ(41a)ของท่อดังกล่าว นอกจากนี้ลำตัวท่อ(41)ยังถูกประดิษฐ์ให้มี ลักษณะดัดงอเพื่อหลบไม่ให้กีดขวางการทำงานของอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของรถยนต์ เเละส่วนปลาย ท่อ(41)ได้จัดให้มีเเผ่นเหล็กรูปตัวยู(42)สำหรับครอบเเท่นยึด(8)ไว้เพื่อป้องกันนักโจรกรรมใช้ เครื่องมือถอดสกรูหนอด(83)ออก ฝาปิดหลัง(5)ที่ซึ่งถูกประดิษฐ์ให้มีขนาดเเละหน้าตัดสอดคล้องกับท่อห่อหุ้ม(3)เพื่อปิด ปลายเปิดด้านหนึ่งท่อห่อหุ้ม(3)ไว้ เเกนต่อ(12)เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการบังคับให้เเกนสลักด(13)ทำงานสัมพันธ์กับการ เคลื่อนที่ของปลาย(1a)ของโซลินอยด์(1)ที่ซึ่งประดิษฐ์ให้มีหัวต่อ(12c)สำหรับประกอบรวมเข้ากับ ร่องเหลี่ยม(13b)ของเเกนสลัก(13)ประดิษฐ์ให้มีเเขนต่อ(12d)ยื่นโผล่ออกจากหัวต่อ(12c)ที่ซึ่ง เเขนต่อ(12d)ดังกล่าวถูกประดิษฐ์ให้มีรูปลักษณ์เเละขนาดสอดคล้องกับบร่องยาว(13d)ของเเกนสลัก (13)เเละที่บริเวณส่วนปลายสุดของเเขนต่อ(12d)ยังถูกประดิษฐ์ให้เป็นเดือย(12e)ต่างระดับ ลดหลั่นกันไปเพื่อป้องกันไม่ให้เเกนหลัก(13)เคลื่อนที่ปลดล็อคด้วยตัวของมันเองเมื่อมีเเรงจาก ภายนอกมากระทำกับตัวรถหรืออุปกรณ์ล็อค นอกจากนี้บริเวณลำตัวของเเกนต่อ(12)ยังถูกประดิษฐ์ ให้มีร่อง(12a)สำหรับประกอบเข้ากับปลาย(1a)ของโซลินอยด์(1)รวมถึงประดิษฐ์ให้มีรู(12b) สำหรับร้อยสลัก(18)เข้าไปเพื่อยึดเเกนต่อ(12)ดังกล่าวเข้ากับเเกน(1a)ของโซลินอยด์(1) สลัก(18)ถูกจัดไว้สำหรับยึดเเกนต่อ(12)เข้ากับเเกน(1a)ของโซลินอยด์(1)ด้วยการ ร้อยเข้าสรู(12b)ด้านที่หนึ่งของเเกนต่อ(12)ผ่านรู(1b)ของโซลินอยด์(1)เเล้งผ่านรู(12b)อีกด้าน หนึ่งตามลำดับ เเกนสลัก(13)ที่ซึ่งลำตัว(13a)ถูกประดิษฐ์ให้มีรูปลักษณะเเละขนาดสอดคล้องกับรู(16a) ของเสื้อ(16)เเละบริเวณลำตัวดังกล่าวได้ประดิษฐ์ให้มีร่องเหลี่ยม(13b)เพื่อประกอบหัวต่อ(12c) ของเเกนต่อ(12)เข้าไปในลักษณะสวมคลอนเพื่อให้เเกนต่อ(12)สามารถขยับตัวเข้าไปมาได้ภายหลัง จากการประกอบรวมชิ้นส่วนทั้งสองเข้าด้วยกัน รวมถึงบริเวณร่องเหลี่ยม(13b)ดังกล่าวยังประดิษฐ์ ให้มีรู(13c)สำหรับร้อยสลักเพื่อยึดหัวต่อ(12)เข้ากับเเกนสลักดังกล่าว นอกจากนี้บริเวณลำตัว ด้านล่างจะถูกประดิษฐ์ให้เป็นร่องยาว(13d)จากบริเวณร่องเหลี่ยม(13b)จนเกือบสุดลำตัว(ไม่ทะลุ) สำหรับรองรับการประกอบรวมเข้ากับเเขนต่อ(12d)ของเเกนต่อ(12)ที่ซึ่งบริเวณใกล้ส่วนปลายของ ร่องยาว(13d)ดังกล่าวได้ประดิษฐ์ให้มีรู(13e)สำหรับประกอบสปริง(17)เข้าไป สปริง(17)ถูกจัดไว้สำหรับทำหน้าเที่ดนปลายของเเขนต่อ(12d)ให้ออกมาจากร่องยาว (13d)ของเเกนสลัก(13) เสื้อ(16)สำหรับรองรับการร้อยเข้าของเเกนสลัก(13)ที่ซึ่งลำตัวด้านหนึ่งจะถูกเชื่อมยึดยึด กับท่อห่อหุ้ม(3)ด้านใน เเละประดิษฐ์ให้มีรู(16a)เจาะทะลุสำหรับร้อยเเกนสลัก(13)เข้าไป รวมถึง ประดิษฐ์มให้มีร่องบาก(16b)เพื่อหลบเเกนต่อ(12)ที่ซึ่งประกอบรวมเข้ากับเเกนสลัก(13)ในบริเวณ ดังกล่าว สลักล็อค(43)ที่ซึ่งลำตัวถูกประดิษฐ์ขึ้นจากลวดสลิงเส้นใหญ่เพื่อให้ร้อยเข้าไปภายในรูท่อ (41a)ของท่อ(41)รวมถึงสามารถโค้งงอตามรูปลักษณะของท่อ(41)ดังกล่าวได้ บริเวณส่วนปลาย (43a)ถูกประดิษฐ์ให้มีขนาดเเละรูปลักษณะสอดคล้องกับร่อง(81a)ของเเท่นยึด(8)เเละบริเวรส่วน ปลายอีกด้านหนึ่งจะถูกเชื่อมติดเข้ากับปลาย(13a)ของเเกนสลัก(13) เเกนบังสกรู(11)สำหรับทำหน้าที่ปิดหัวสกรู(20)ไว้เพื่อป้องกันการคลายสกรูดังกล่าวเเล้ว ถอดอุปกรณ์ล็อคออกโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ซึ่งเเกนบังสกรูดังกล่าวถูกประดิษฐ์ให้ลำตัวมีขนาด สอดคล้องกับรู(3b1)และบริเวณลำตัวได้ประดิษฐ์ให้มีเเกนบังคับ(11c)ยื่นโผล่ออกมา โดยเมื่อนำ เเกนสกรู(11)ดังกล่าวไปประกอบรวมเข้ากับเสื้อ(3b)ของท่อห่อหุ้ม(3)เเล้วบริเวณปลาย(11a) จะยื่นโผล่ฟันรู(4b)ของฝาปิดหน้า(4)เพื่อปิดหัวสกรู(20)ไว้ ขณะเดียวกันเเกนบังคับ(11c)ก็จะ ยื่นไปขวางอยู่ด้านหน้าเเกนต่อ(12)ไว้ ส่วนบริเวณปลาย(11b)จะถูกจัดวางให้อยู่ในตำเเหน่งที่ สัมพันธ์กันกับปลาย(21b)ของลูกเบี้ยว(21)กล่าวคือเมื่อกุญเเจ(10)อยู่ในสภาวะล็อค ปลาย (21b)ของลูกเบี้ยว(21)ดังกล่าวจะค้ำไม่ให้ปลาย(11b)ของเเกนบังสกรู(11)สามารถเคลื่อนที่ได้ หรือเมื่อกุญเเจ(10)อยู๋ในสภาวะปลดล็อค ปลาย(21b)ของลูกเบี้ยวดังกล่าวจะอยู่ห่างจากปลาย (11b)ของเเกนบังสกรู(11)เป็นผลให้สามารถกดปลาย(11a)ของเเกนบังสกรูดังกล่าวให้เข้าไปท่อ ห่อหุ้ม(3)เพื่อทำกสนคลายสกรูเเละถอดอุปกรณ์ล็อคออกได้ เเกนยึด(8)ที่ซึ่งเเกนยึดดังกล่าวถูกประดิษฐ์ให้เป็นสองชิ้นคือ เเกนยึดซ้าย(8l)เเละเเกน ยึดขวา(8R)สำหรับยึดเข้ากับก้านต่อคันเกียรรถยนต์ ที่ซึ่งเเกนยึดซ้าย(8l)ถูกประดิษฐ์ให้เป็นร่อง โค้ง(8La)ที่มีขนาดสอดคล้องกับขนาดก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ที่ต้องการยึด เเละบริเวณลำตัวถูก ประดิษฐ์ให้มีรูเกลียว(8Lb)สำหรับร้อยละสกรู(82)เข้าเพื่อยึดเเกนยึดขวา(8R)เข้ากับก้านต่อคันเกียร์ รถยนต์มให้มั่นคง ส่วนเเกนยึดขวา(8R)นั้นก็ถูกประดิษฐ์มให้เป็นร่องโค้ง(8Ra)ที่มีขนาดสอดคล้อง กับขนาดของก้านต่อคันเกียร์รถยนต์ด้วยเช่นกัน เเดละบริเวณลำตัวก็ถูกประดิษฐ์ให้มีรู(8Rb)สำหรับ ร้อยผ่านสกดรู(82)ผ่านไปยังรูเกลียว(8Lb)ของเเกนยึดซ้าย(8L)เพื่อยึดชิ้นส่วนทั้งสองเข้ากับก้าน ต่อคันเกียรรถยนต์ให้มั่นคง นอกจากนี้เเกนยึดขวา(8R)ดังกล่าวยังประดิษฐ์ให้มีรูเกลียว(8Rc) สำหรับรองรับการประกอบเข้าของเดือยเกลียว(81a)ของเเท่นเหล็ก(81)รวมถึงประดิษฐ์ให้มีรูเกลียว (8Rd)สำหรับรองรับการร้อยสกรูหนอน(83)เข้าเพื่อบังคับให้เเท่นล็อค(81)คลายเกลียวออก เเท่นล็อค(81)ที่ซึ่งถูกประดิษฐ์ให้มีเดือยเกลียว(81a)ยื่นโผล่ออกมาจากลำตัวเพื่อ ประกอบเข้ากับรูเกลียว(8Rc)ของเเกนยึดขวา(8R)เเละบริเวณลำตัวถูกประดิษฐ์ให้เป็นร่องล็อค (81b)สำหรับรองรับการสอดขัดเข้าของสลักล็อค(43)เพื่อทำการล็อค