TH55872B - กรรมวิธีสำหรับการเตรียมผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมาก - Google Patents

Abstract

DC60 (11/10/47) การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีสำหรับการเตรียมผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมาก และ กรรมวิธีดังกล่าวถูกนำไปทำการแยกส่วนโดยใช้วิธีโครมาโตกราฟีของมัลโตสไซรัป แล้วตามด้วย การไฮโดรจีเนชันสารดังกล่าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมากที่เป็นของเหลว และอาจเลือกที่จะทำ ให้เป็นของแข็ง หรือตกผลึกมัลติทอล มัลติทอลที่เป็นของเหลว, ที่เป็นของแข็ง และที่เป็นผลึกที่มี ความบริสุทธิ์แตกต่างกันสามารถทำได้โดยเพียงกรรมวิธีเดียว การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีสำหรับการเตรียมผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมาก และ กรรมวิธีดังกล่าวถูกนำไปทำการแยกส่วนโดยใช้วิธีโครมาโตกราฟีของมัลโตสไซรัป แล้วตามด้วย การไฮโดรจีเนชันสารดังกล่าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมากที่เป็นของเหลว และอาจเลือกที่จะทำ ให้เป็นของแข็ง หรือตกผลึกมัลติทอล มัลติทอลที่เป็นของเหลว, ที่เป็นของแข็ง และที่เป็นผลึกที่มี ความบริสุทธิ์แตกต่างกันสามารถทำได้โดยเพียงกรรมวิธีเดียว

Claims (9)

1.กรรมวิธีสำหรับการเตรียมผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมากและกรรมวิธีดังกล่าว คือ ประกอบ รวมด้วยขั้นตอนตามลำดับ a) การทำให้ได้ไซรัป (A) ที่มีมัลโตสอย่างน้อยที่สุด 75% ที่ควรใช้คือมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับสารแห้ง b) การแยกส่วนโดยใช้เทคนิคโครมาโตกราฟี, ภาวะกรรมวิธีของส่วนดังกล่าวถูกเลือก เพื่อให้ได้ส่วน (B) ที่มีมัลโตสมากซึ่งประกอบรวมด้วยมัลโตสของส่วน (B) อย่างน้อยที่สุด 92% เมื่อเทียบกับสารแห้ง c) การไฮโดรจีเนชันโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาส่วน (B) สำหรับทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มี มัลติทอลมากที่เป็นของเหลว (C) d) การเพิ่มสารแห้งของผลิตภัณฑ์ที่มีมัลติทอลมาที่เป็นของเหลว (C) e) อาจเลือกที่จะทำให้เป็นของแข็งหรือการตกผลึก

2. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือไซรัป (A) ถูกเตรียมได้โดยการทำให้ น้ำนมแป้งกลายเป็นของเหลวเพื่อให้ได้ค่าสมมูลของเดกซ์โตรส (dextrose equivalent) ตั้งแต่ 2 ถึง 25 สำหรับทำให้ได้น้ำนมแป้งที่ถูกทำให้กลายเป็นของเหลวและนำน้ำนมแป้งที่ถูกทำให้กลายเป็นของ เหลวแล้วดังกล่าวไปทำขั้นตอนการแซคคาริฟิเคชันโดยมี เบตา-อะมัยเลส และอย่างน้อยที่สุดหนึ่งชนิด ของเอนไซด์สำหรับแตกสายโซ่ที่เลือกจากหมู่ซึ่งประกอบด้วยพูลลูล์ลาเนส,ไอโซ-อะมัยเลส และ ของผสมของสารเหล่านี้ และอาจเลือกที่จะตามด้วยการเติม อัลฟา-อะมัยเลสสำหรับทำให้ได้ไซรัป (A) ที่ มีมัลโตสอย่างน้อยที่สุด 81%เมื่อเทียบกับสารแห้ง

3.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือส่วน (B) ประกอบรวมด้วย มัลโตสอย่างน้อยที่สุด 93% เมื่อเทียบกับสารแห้ง

4.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 1 ถึง 3 ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ คือผลิตภัณฑ์ (C) ประกอบรวมด้วยมัลติทอลอย่างน้อยที่สุด 90%

5.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 1 ถึง 3 ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ คือ ขั้นตอน d) ของ กรรมวิธีดังกล่าวแล้วตามด้วยขั้นตอนตามลำดับดังต่อไปนี้ e) การตกผลึกผลิตภัณฑ์ (C) โดยขั้นตอนการตกผลึกหนึ่งขั้นตอนหรือหลายขั้นตอน สำหรับทำให้ได้อินเทอร์มิเดียทของมัลติทอลที่เป็นผลึก (D) และผลิตภัณฑ์ร่วม มัลติทอลที่เป็นของเหลว (E) ซึ่งอินเทอร์มิเดียท (D) มีสารแห้งของมัลติทอล อย่างน้อยที่สุด 93% และซึ่งประกอบรวมด้วยอย่างน้อยที่สุด 97% เมื่อเทียบกับสาร แห้ง และ f) การทำให้อินเทอร์มิเดียทของมัลติทอลที่เป็นผลึก (D) แห้งสำหรับทำให้ได้ ผลิตภัณฑ์มัลติทอลที่เป็นผลึก (F) อย่างน้อยที่สุด 98.5%สารแห้งและซึ่งประกอบ รวมด้วยมัลติทอลอย่างน้อยที่สุด 97% เมื่อเทียบกับสารแห้ง

6.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 5 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะซึ่งขั้นตอน f) ของกรรมวิธีดังกล่าว ตาม ด้วยการแยกส่วนโดยใช้เทคนิคโครมาโตกราฟีผลิตภัณฑ์ร่วมมัลติทอลที่เป็นของเหลว (E),ภาวะ กรรมวิธีของการแยกส่วนดังกล่าวถูกเลือกเพื่อทำให้ได้ส่วน (G) ที่มีมัลติทอลมาก ซึ่งประกอบรวม ด้วยมัลติทอลอย่างน้อยที่สุด 90% เมื่อเทียบกับสารแห้ง

7.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 5 หรือ 6 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะซึ่งอินเทอร์มิเดียทของมัลติทอลที่ เป็นผลึก (D), ผลิตภัณฑ์ร่วม (E) และ/หรือส่วน (G) และอาจเลือกที่จะผสมกับน้ำสำหรับทำให้ได้ ผลิตภัณฑ์มัลติทอลที่เป็นของเหลว (H) ที่มีมัลติทอลอย่างน้อยที่สุด 97% เมื่อเทียบกับสารแห้ง และที่ มีสารแห้งอย่างน้อยที่สุด 50%

8.กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิที่ 5 ถึง 7 ข้อใดข้อหนึ่งซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่ว่ามัลติทอลที่เป็น ผลึก (F) ที่มีความบริสุทธิ์อย่างน้อยที่สุด 98% ที่ควรใช้คือมีความบริสุทธิ์มากกว่า 99%, ที่ควรใช้ มากกว่าคือ มากกว่า 9

9.5%