TH31839B - ขบวนการเอสเทอริฟิเคชันที่ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาออร์กาโนไทเทเนียมหรือออร์กาโนเซอร์โคเนียม - Google Patents

Abstract

DC60 (25/09/46) ขบวนการสำหรับการเตรียมสารเอสเทอร์ประกอบรวมด้วยเอสเทอริฟิเคชันในภาวะที่มีตัวเร่ง ปฏิกิริยาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาของออร์โธเอสเทอร์หรือออร์โธเอสเทอร์ที่รวมตัวกันแน่น ของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม แอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล อย่างน้อย 2 หมู่ กรด 2-ไฮดรอกซี และด่าง ขบวนการดังกล่าวสามารถที่เอสเทอริฟิเคชัน แบบโดยตรงหรือแบบทรานสเอสเทอริฟิเคชัน และสามารถที่จะเป็นโพลีเอสเทอริฟิเคชันก็ได้ ตัวเร่งปฏิกิริยาดังกล่าวจะผลิตเอสเทอร์ที่มีประสิทธิ ภาพโดยปราศจากความขุ่นมัวในผลิตภัณฑ์สุดท้าย ปริมาณความเหลืองของโพลีเอสเทอร์ลดลงด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเร่งปฏิกิริยาที่รู้จักกัน ขบวนการสำหรับการเตรียมสารเอสเธอร์ประกอบด้วยการสร้างเอสเธอร์ในภาวะที่มีสารเร่ง ปฏิกิริยาซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากปฏิกิริยาของออโธเอสเธอร์หรือออโธเอสเธอร์ที่รวมกันแน่น ของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม แอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล อย่างน้อย 2 หมู่ กรด 2- ไฮดรอกซี และด่าง ขบวนการดังกล่าวสามารถที่เอสเทอริฟิเคชัน แบบโตยตรงหรือแบบทรานเอสเทอริฟิเคชัน และสามารถที่จะเป็นโพลีเอสเทอริฟิเคชันก็ได้ ตัวเร่งปฏิกิริยาดังกล่าวจะผลิตเอสเทอร์ที่มีประสิทธิ ภาพโดยปราศจากความขุ่นมัวในผลิตภัณฑ์สุดท้าย ปริมาณความเหลืองของโพลีเอสเทอร์ลดลงด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเร่งปฏิกิริยาที่รู้จักกัน

Claims (9)

1. ขบวนการสำหรับการเตรียมสารเอสเธอร์ที่ประกอบรวมด้วยการดำเนินปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ในภาวะที่มีตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งเป็นผลิตภํรพของปฏิกิริยาของออร์โธเอสเอสเทอร์ หรือ ออร์โธ เอสเทอร์ ที่รวมตัวกันแน่นของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม , แอลกกฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล อย่างน้อย 2 หมู่ กรด2- ไฮดรอกซีคาร์บอกซิลิก ระหว่าง

2. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่ง ออร์โธเอสเทอร์มีสูตรเป็น M(OR)4 โดยที่ M แทน ไทเทเนียมหรือเซอร์โคแนียมและ R แทนหมู่อิลคิล

3.ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 2 ซึ่ง R คือ 1 ถึง 6 คาร์บอนอะตอม

4. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งออร์โธเอสเทอร์ หรือ เตตรไอไซโพรพอกซีไทเทเนียม , เตตระ n-บิวทอกซีไทเทเนียม , เตตระ -n- โพรพอกซีเซอร์โคเนียม , หรือ เตตระ -n- บิวทอกซีเซอร์โคเนียม

5. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่ง ออร์โธเอสเทอร์ที่รวมตัวกันแน่นที่มีสูตรเป็น R1O[M(OR1)2O[nR1โดยที่ R1 แทนหมู่อัลคิล และ M แทน โลหะที่เลือกจากไทเทเนียมและ เซอร์โคเนียม

6. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 5 ที่ซึ่ง R1 คือ 1 ถึง 6 คาร์บอนอะตอม

7. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 5 หรือ 6 ซึ่ง n มีค่าน้อยกว่า 20

8. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 5 ถึง 7 ซึ่ง n มีค่าน้อยกว่า 10

9. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 5 ถึง 8 ซึ่งออร์โธเอสเทอร์ที่ รวมตัวกันแน่น คือ โพลีบิวทิลไทเทเนท โพลีไอโซโพรพิลไทเทเนท หรือโพลีบิวทิลเซอร์โคเนท 1

0. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งแอลกอฮอล์ที่มีหมู่ ไฮดรอกซิลอย่างน้อย 2 หมู่ คือ ไดไฮดริกแอลกอฮอล์ 1

1. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 10 ซึ่งไดไฮดริกแอลกอฮอล์ คือ 1-2- อีเธนไดออล, 1-2, โพรเพนไดออล ,1,3- โพรเพนไดออล , ไเอธิลบีนไกลคอล หรือ โพลีเอธิลีนไกลคอล 1

2. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 9 ซึ่งแอลกอฮอล์มีหมู่ ไฮดรอกซีอย่างน้อย 2 หมู่า คือ กลีเซอรอล , ไตรเมธิลอลโพรเพน หรือเพนติอิริไธรทอล 1

3. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 10 หรือ 11 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 2 ถึง 12 โมลของ ไดไฮดริกแอลกอฮอล์ ต่อ 1 โมล ของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม 1

4. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 13 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 4 ถึง 8 โมลของไดไฮดริก แอลกฮอล์ต่อ 1 โมลของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม 1

5. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งกรด 2- ไฮดรอกซี คือ กรดแลคติด ,กรดซิตริก , กรดมาลิก และกรดทาร์ทาริก 1

6. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 1 ถึง 4 โมลของกรด 2- ไฮดรอกซี ต่อ 1 โมลของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม 1

7. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 16 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 1.5 ถึง 3.5 โมลของ กรด

2. ไฮดรอกซีต่อ 1 โมลของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม 1

8. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งด่าง คือ โซเดียม ไฮดรอกไซด์ โพแทสเซียม ไฮดรอกไซด์ แอมโมเนียม ไฮดรอกไซด์ โซเดียมคาร์บอเนต แมกนีเซียม ไฮดรอกซไซด์ หรือแอมโมเนีย 1

9. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งตวเร่งปฏิกิริยาเตรียม จากกรดโมโนเบสิก 2- ไฮดรอกซีคาร์บอกซิลิก และปริมาณของด่างที่ใช้อยู่ในช่วง 0.8 ถึง 1.2 โมล ของด่างต่อ 1 โมลของกรด 2- ไฮดรอกซีคาร์บอกซิลิก 2

0. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 18 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยา เตรียมจากกรดไตรเบสิก 2- ไอดรอกซีคาร์บอกซิลิก และปริมาณของด่างที่ใช้จะอยู่ในช่วง 1 ถึง 3 โมล ของด่างต่อ 1 โมลของกรด 2- ไฮดรอกซีคาร์บอกซิลิก 2

1. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 1 ถึง 12 โมลของด่างต่อ 1 โมลของไทเทเนีมหรือเซอร์โคเนียม 2

2. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 21 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีจาก 1 ถึง 4 โมลของด่าง ต่อ 1 โมล ของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม 2

3. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยามีน้ำ และมี pH อยู่ในช่วง 6 ถึง 8 2

4.ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาเตรียม จากการผสมออร์โธเอสเทอร์ หรือออร์โธเอสเทอร์ที่รวมตัวกันแน่นของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม และไดไฮดริก แอลกอฮอล์ส และต่อมาเติมกรด 2- ไอดรอกซีคาร์บอกซิลิก และด่าง 2

5. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 23 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยา เตรียมจากการทำปฏิกิริยาเอสเทอร์ หรือออร์โธเอสที่รวมตัวกันแน่นของไทเทเนียม หรือ เซอร์โคเนียมด้วยกรด 2 -ไอดรอกซีคาร์บอกซิลิค ขจัดเอาแอลกอฮอล์ที่เป็นผลพลอยได้ออกไป และ ต่อมาเติมด่าง และจากนั้นไดไฮดริกแอลกอฮอล์ 2

6. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยปฏิกิริยาของแอลกอฮอล์กับกรดสเตียริก , กรดไอโซสเตียริก, กรดคาปริก , กรดคาปรออิก , กรดพาลมิติก , กรดไอลิอิก, กรดพาลมีโตเลอิก, กรดไตรอะคอนตาโน อิก, กรดเบนโซอิก, กรดเมธิลเบนโซอิก, กรดซาลิไซลิก , กรดฟธาลิก , กรดไอโซฟธาลิก, กรดเทเรฟธาลิก, กรดซีบาสิก , กรดอะดิพิก , กรดอะเซลาอิก, กรดซัคซินิก , กรดฟูมาริก , กรดมาลิอิก กรดแนฟธาลีน, ไดคาร์บอกซิลิก, กรดพาโมอิก , กรดไตรเมลลิติก , กรดซิตริก , กรดไตรมิสิก หรือ กรดไพโรเมลลิติก 2

7. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 25 ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยแอลกอฮอล์กับแอนไฮไดรด์ของกรดไดคาร์บอกซิลิก หรือกรดไตรคาร์ บอกซิลิก 2

8. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยการทำปฏิกิริยาของกรดคาร์บอกซิลิค หรือแอนไฮไดรด์ของสารนั้นด้วย บิวทิลแอลกอฮอล์ , เพนทิลแอลกอฮอล์ , เพนทิลแอลกอฮอล์ , เฮกซิลแอลกอฮอล์ , ออกทิคแอลกอฮอล์ , สเตียริลแอลกอฮอล์ , กลีเซอรอล หรือเพนตะอิริไธรทอล 2

9. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 27หรือ 28 ซึ่งปฏิกิริยาการสร้างเอสเทอร์ประกอบรวมด้วย การทำปฏิกิริยาของ 2- เอธิลเฮกซานอล กับฟะาลิกแอนไฮโดรน์เพื่อเกิดเป็นบิส (2- เอธิลเฮกซิล) ฟธาเลท 3

0. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 25 ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยปฏิกิริยาของเมธิลเอสเทอร์ , เอธิลเอสเทอร์ หรือโพรพิลเอสเทอร์ กับ แอลกอฮอล์ 3

1. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 30 ซึ่งเมธิลเอสเทอร์ , เอธิลเอสเทอร์ หรือโพรพิลเอสเทอร์ คือ เอสเทอร์ของกรดอะไครลิก หรือกรดเมธาไครลิก 3

2.ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 30 หรือ 31 ซึ่งแอลกอฮอล์ คือ บิวทิลแอลกอฮอล์ , เฮกซิล แอลกอฮอล์ , n- ออคทิลแอลกอฮอล์ ,2- เอธิลเฮกวิลแอลกอฮอล์ หรือไดเมธิลอะมิโนเอธานอล 3

3. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1ถึง 25 ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยปฏิกิริยาของเอสเทอร์ 2 ชนิดเพื่อที่จะผลิตเอสเทอร์ 2 ชนิด ที่แตกต่างกัน โดยการแลกเปลี่ยนกันของหมู่แอลคอกซี 3

4. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 25 ซึ่งปฏิกิริยาการสร้าง เอสเทอร์ประกอบรวมด้วยการสร้างโพลีเอสเทอร์ซึ่งประกอบรวมด้วยปฏิกิริยาของกรดเทเรฟธาลิค หรือไดเมธิลเทเรฟธาเลท กับ 1,2- อีเธนไดออล , 1,4- บิวเทนไดออล , 1,3- โพรเพนไดออล , 1,6- เฮกเซน ไดออล , ไตรเมธิลอลโพรพเพนหรือเพนตะอิริไธรทอล 3

5. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 34 ซึ่งกรดเทเรฟธาลิคหรือไดเมธิล เทเรฟธาเลท ทำปฏิกิริยา 1,2- อีเธนไดออล เพื่อเกิดเป็นพรีโพลีเมอร์ ขจัดผลพลอยได้ที่เป็นน้ำหรือเมธานอล และพรีโพลีเมอร์ต่อมาจะถูกให้ความร้อนเพื่อขจัด 1,2- อีเธนไดออล เพื่อเตรียมโพลีเมอร์สายยาว 3

6. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 33 ซึ่งมีปริมาณของตัวเร่ง ปฏิกิริยาอยู่ในช่วง 30 ถึง 1000 ส่วนต่อล้านส่วน โดยคำนวณเป็นส่วนโดยน้ำหนักของไทเทเนียมหรือ เซอร์โคเนีม ซึ่งขึ้นกับน้ำหนักของผบิตภัณฑ์เอสเทอร์ 3

7. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 36 ซึ่มีปริมาณของตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ในช่วง 30 ถึง 450 ส่วนต่อล้านส่วน โดยคำนวณเป็นส่วนโดยน้ำหนักของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม ซึ่งขึันกับ น้ำหนักของผลิตภัณฑ์เอสเทอร์ 3

8. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 36 หรือ 37 ซึ่งมีปริมาณของตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ในช่วง 50 ถึง 450 ส่วนต่อล้านส่วน โดยคำนวณเป็นส่วนโดยน้ำหนักของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม ซึ่งขึ้น กับน้ำหนักของผลิตภัณฑ์เอสเทอร์ 3

9. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิข้อ 1 ถึง 25 ,37 หรือ 35 ซึ่ง ปฏิกิริยาการสร้างเอสเทอร์เป็นการสร้างโพลีเอสเทอร์ และมีปริมาณของตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ในช่วง 5 ถึง 500 ส่วนต่อล้านส่วน โดยคำนวณเป็นส่วนโดยน้ำหนักของไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียมซึ่งขึ้น กับน้ำหนักของผลิตผลโพลีเอสเทอร์ 4

0. ขบวนการตามข้อถือสิทธิข้อ 39 ซึ่งปริมาณของตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ในช่วง 5 ถึง 100 ส่วนต่อล้านส่วน โดยคำนวณเป็นส่วนโดยน้ำหนักของไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนียม ซึ่งขึ้นกับ น้ำหนักของผลิตภัณฑ์โพลีเอสเทอร์