TH20360B - กระบวนการสำหรับการเกิดโพลิเมอร์ของโอลิฟินในส่วนสารที่เป็นก๊าซ - Google Patents

Abstract

กระบวนการสำหรับการทำปฏิกิริยาการเกิดโพลีเมอร์ในส่วนสารที่เป็นก๊าซให้แก่โอลีฟืนที่มีสูตรเป็น CH2=CHR ซึ่ง Rคือไฮโดรเจนหรืออนุมูลอัลคิล หรืออาริลที่มีคาร์บอน 1 ถึง 8 อะตอม ซึ่งดำเนินการในปฏิกรณ์หนึ่งชุด หรือมากว่าที่มีชั้นสารฟลูอิดไดซ์ หรือชั้นสารที่คนอยู่ด้วยอุปกรณฺเชิงกล โดยใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่ได้มาจากการทำปฏิกิริยาระหว่างดิเตเนียไฮไลด์ หรือฮาโลอัลกอฮอเลท และอาจเลือกให้มีสารตัวอีเลคตรอนที่ถูกรองรับอยู่บนแมกนีเซียมไดเฮไลด์ที่ว่องไวในการทำปฏิกิริยากับสาร Al-ไตรอัลคิลและอาจเลือกให้มรสารตัวให้อีเลคตรอนร่วมด้วย ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนของ a)การสัมผัสองค์ประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาในขณะที่ไม่มีโอลีฟินอยู่ด้วย b)การทำปฏิกิริยาการเกิดปรีโพลีเมอร์ของโปรปิลลีน หรอืของจองผสมระวห่างโปรปิลลีนกับเอทธิลลีน หรืออัลฟาโอลีฟินในปริมาณเล็กน้อย เพื่อทำให้เป็นโพลีเมอร์ของโปรปิลลีนที่มีการละลายไม่ได้ในไซลีนอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ในปริมาณตั้งแต่ 0.5 ถึง 1000 กรัม ต่อกรัมขององค์ประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาที่เป็นของแข็ง และ c)การทำปฏิกิริยาการเกิดโพลีเมอร์ให้แก่โอลีฟินสูตร CH2=CHR หนึ่งชนิดหรือมากกว่า ในส่วนสารที่เป็นก๊าซในขณะที่มีระบบปรีโพลีเมอร์-สารเร่งปฏิกิริยาที่ทำขึ้นในขั้นตอน b)ในขณะที่รักษาความเข้มข้นของอัลเคนในส่วนสารที่เป็นก๊าซไว้ในระดับตั้งแต่ 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เมื่อคิดเป็นโมลเทียบกับโอลีฟิน

Claims (4)

1.กระบวนการต่อเนื่อง สำหรับทำปฏิกิริยาการเกิดโพลีเมอร์ และทำปฏิกิริยาการเกิดโพโพลีเมอร์ ในส่วนสารที่เป็นก๊าซให้แก่โอลีฟินสูตร CH2=CHR ซึ่ง R คือไฮโดรเจน หรืออนุมูลอัลคิล หรืออาริลที่มีคาร์บอน 1 ถึง 8 อะตอม โดยใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่ประกอบด้วยผลผลิตของปฏิกิริยาขององค์ประกอบต่อไปนี้คือ (1) สารประกอบ Ti ที่มีพันธะ Ti-ฮาโลเจนอย่างน้อยหนึ่งพันธะ และอาจเลือกให้มีสารให้อีเลคตนอนที่ถูกรองรับอยู่ด้วย Mg ไดเฮไลด์ที่ว่องไวในการทำปฏิกิริยา กับ (2) สาร Al-ไตรอัลคิล และอาจเลือกให้มีสารให้อีเลคตรอนอยู่ด้วย กระบวนการนี้ประกอบด้วย : a) การสัมผัสองค์ประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาในขฯที่ไม่มีโอลีฟินที่เกิดโพลีเมอร์ได้ หรืออาจเลือกให้สัมฟัสในขณะที่มีโอลีฟินดังกล่าว ในปริมาณไม่เกิน 3 กรัมต่อองค์ประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาที่เป็นของแข็งหนึ่งกรัม เพื่อทำสารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งมีความจำเพาะทางสเตอริโอที่สามารถทำให้โปรปิลลีนเป็นโพลีเมอร์ได้ในสภาพของขั้นตอน b) เพื่อทำโพลีเมอร์ของโปรปิลลีนที่มีการละลายไมได้ในไซลีนอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก b) การใช้สารเร่งปฏิกิกยาที่ทำขึ้นดังข้างบน ทำให้เกิดปรีโพลีเมอร์ของโปรปิลลีนหรือของของผสมของโปรปิลลลีนกับเอทธิลลีน และ/หรือ อัลฟาโอลีฟินที่มีคาร์บอน 4 ถึง 8 อะตอมในปริมาณเล็กน้อย เพื่อทำให้โพลีเมอร์ของโปรปิลลีนที่มีการละลายไม่ได้ในไซลีนสูงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ในปริมาณตั้งแต่ 5 กรัมของโพลีเมอร์ต่อหนึ่งกรัมของสารเร่งปฏิกิริยาที่เป็นของแข็ง ถึง 10 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของผลผลิตขั้นสุดท้ายของสารเร่งปฏิกิริยา c) การทำให้เกิดโพลีเมอร์ของโอลีฟินชนิดหนึ่งหรืมากกว่าที่มีสูตรเป็น CH2=CHR ในส่วนสารที่เป็นก๊าซในปฏิกรณ์ชุดหนึ่ง หรือมากกว่าที่มีชั้นสารฟลูอิดไดซ์ หรือชั้นสารที่คนอยู่ด้วย อุปกรณ์เชิงกลโดยการช่วยเหลือของระบบปรีโพลีเมอร์-สารเร่งปฏิกิริยาที่ทำขึ้นในข้อ b) ปฏิกิริยาการเกิดโพลีเมอร์ดังกล่าว ดำเนินไปในขณะที่มีอัลเครที่มีคาร์บอนตั้งแต่ 3 ถึง 5 อะตอม อยู่ด้วย ความเข้มขึ้นที่คิดเป็นโมลของอัลเคน เมื่อเทียบกับก๊าซทั้งหมดแล้วอยู่ในช่วงตั้งแต่ 20 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ 2.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่งดำเนินปฏิกิริยาเกิดโพลีเมอร์ในปฏิกรณ์สองชุด ซึ่งในชุดที่หนึ่งมีการผลิตโพลีเมอร์ตั้งแต่ 5 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของโพลีเมอร์ทั้งหมด และซึ่งความเข้มข้นของอัลเคนในปฏิกรณ์ชุดที่หนึ่ง สูงกว่าในชุดที่สอง 3.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 2 ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาที่เตรียมขึ้นในขั้นตอน a) นั้นประกอบด้วยสารที่เป็นตัวให้อีเลคตรอนทั้งประเภทภายใน และภายนอก 4.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 3 ซึ่งตัวให้ภายในคือ เอสเอทอร์ของกรดพธาลิค และตัวให้ภายนอก คือไดเมทธอกซ์ไดดอัลคิล หรืออัลคิลไซโคลอัลคิลไซเลน 5.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาที่ทำขึ้นในขั้นตอน b) นั้นประกอบด้วยตัวให้ภายในที่เป็นไดอีเธอร์ที่มีสูตรดังนี้ (สูตร) ซึ่งRI และ RII อาจเหมือน หรือต่างกัน และเป็นอนุมูลอัลคิล ไซโคลอัลคิล หรืออริลที่มีคาร์บอน 1 ถึง 18 อะตอม 6.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 4 หรือ 5 ซึ่งใช้สารเร่งปฏิกิริยารูปทรงกลม ที่มีการออกทธิ์จำเพาะตั้งแต่ 10 ถึง 100 กิโลกรัมต่อชั่วโมงต่อกรัมขององค์ประกอบเร่งปฏิกิริยาที่เป็นของแข็ง และที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของอนุภาพโดยเฉลี่ยระหว่าง 30 ถึง 150 ไมครอน 7.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 1หรือ 2 ซึ่งอัลเคนนั้นคือโปรเปน 8.ระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 3 ซึ่งอัลเคนนั้นคือโปรเปน 9.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 4 ซึ่งอัลเคนนั้นคือ โปรเปน 1 0.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซึ่งมีการเตรียมสารเร่งปฏิกิริยาโดยใช้ตัวให้ภายนอก และองค์ประกอบทีเป็นของแข็งรูปทรงกลมที่มีตัวให้ภายในอยู่ด้วย และซึ่งอัลเคนนั้นคือโปรเปน 1

1.กระบวนการของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซ฿งมีการเตรียมสารเร่งปฏิกิริยาจางองค์ประกอบที่เป็นของแข็งรูปทรงกลมที่มีตัวให้ภายในเป็นไดอีเธอร์ที่มีสูตรดังนี้ (สูตร) ซึ่งRI และ RII อาจเหมือน หรือต่างกัน และเป็นอนุมูลอัลคิล ไซโคลอัลคิล หรืออริลที่มีคาร์บอน 1 ถึง 18 อะตอม และซึ่งอัลเคนที่ใช้คือโปรเปน 1

2.โพลีเมอร์ของเอทธิลีนที่เป็นรูปทรงกลมที่ถูกเตรียมขึ้นโดยกระบวนการของข้อถือสิทธิข้อ 1 หรือ 2 ที่มีลักษณะเฉพาะที่ว่า เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยถูกประกอบขึ้นระหว่าง 300 และ 5000 ไมโครเมตร 1

3.โพลีเมอร์ของโปรปิลีน ที่เป็ฯรูปทรงกลมที่ถูกเตรียมขึ้นโดยกระบวนการของข้อถือสิทธิข้อ 10 ที่มีลักษณะเฉพาะที่ว่า เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยถูกประกอบขึ้นระหว่าง 300 และ 5000 ไมโครเมตร และความหนาแน่นรวมมากว่า 0.45 กรัม/ลูกบาสก์เซนติเมตร 1

4.โพลีเมอร์ของโปรปิลีนที่เป็นรูปทรงกลมที่ถูกเตรียมขึ้นโดยกระบวนการของข้อถือสิทธิข้อ 11ที่มีลักษณเฉพาะที่ว่า เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยถูกประกอบขึ้นระหว่าง 300 และ 5000 ไมโครเมตร และความหนาแน่นรวมมากกว่า 0.45 กรัม/ลูกบาสก์เซนติเมตร