Claims (5)
ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :แก้ไข 26/11/2561 หน้า 1 ของจำนวน 1 หน้า ข้อถือสิทธิ 1. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอที่ซึ่งแผ่นใยประกอบรวมด้วยเส้นใยเทอร์โมพลาสติกถูกลำเลียง ไปยังตัวค้ำจุนซึ่งถูกทำให้ร้อนที่มีรูปทรงเว้า-นูน, และอากาศร้อนถูกเป่าไปทางตัวค้ำจุนจากเหนือ แผ่นใยเพื่อทำให้แผ่นใยมีรูปทรงเว้า-นูน, ซึ่งประกอบรวมด้วย: ขั้นตอนการให้ความร้อนกับตัวค้ำจุนในอุณหภูมิหนึ่งในช่วงจากเท่ากับหรือสูงกว่าจุดเปลี่ยน สถานะคล้ายแก้วของเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใย, จนถึงเท่ากับหรือตํ่ากว่าจุดหลอมเหลว ของพวกมัน; ซึ่งติดตามด้วย, ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอมเส้นใยของแผ่นใยเข้าด้วยกันอย่างชั่วคราว เพื่อทำให้เข้าสู่สถานะซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนไว้ได้; และ ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่สองที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอม เส้นใยของแผ่นใยเข้าด้วยกันภายใต้สภาวะที่ซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนและเพื่อทำให้รูปทรงเว้า-นูนคงตัว ----------------------------------------------------------------- ------19/04/2561------(OCR) หน้า 1 ของจำนวน 2 หน้า ข้อลือสิทธิ 1. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม,ทอที่ซึ่งแผ่นใยประกอบรวมด้วยเน้นใยเทอร์โมพลาสติกถูกลำเลียง ไปยังตัวคำจุนซงถูกทำให้ร้อนทีมีรูปทรงเว้า-นูน, และอากาศร้อนถูกเป่าไปทางตัวคำจุนจากเหนือ แผ่นใยเพื่อทำให้แผ่นใยมีรูปทรงเว้า-นูน, ซึ่งประกอบรวมด้วย: ขันตอนการให้ความร้อนกับตัวคิ้าจุนในอุณหภูมิหนึ่งในช่วงจากเท่ากับหรือสูงกว่าจุดเปลี่ยน สถานะคล้ายแก้วของเน้นใยที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใย, จนถึงเท่ากับหรือตํ่ากว่าจุดหลอมเหลว ของพวกมัน; ซึ่งติดตามด้วย, ขันตอนการเป่าอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอมเน้นใยของแผ่นใยเข้าด้วยกันอย่างชั่วคราว เพื่อทำให้เข้าลุ[สถานะซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนไว้ได้; และ ขันตอนการเป่าอากาศร้อนที่สองที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอม เน้นใยของแผ่นใยเข้าด้วยกันภายใต้สภาวะที่ซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนและเพื่อทำให้รูปทรงเว้า-นูนคงตัว 2. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม,ทอตามข้อถือสิทธิ 1, ที่ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวคำจุนให้ร้อน อยู่ในช่วงจากเท่ากับถึงสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเน้นใย, ถึงเท่ากับหรือ ตํ่ากว่าอุณหภูมิซึ่งตํ่ากว่าจุดหลอมเหลวของมันอยู่ 10 องศาเซลเซียส 3. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ที่\'ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวคํ้าจุน ให้ร้อนอยู่ในช่วงจากเท่ากับถึงสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเน้นใยอยู่ 20 องศาเซลเซียส, ถึงเท่ากับหรือตํ่ากว่าอุณหภูมิซึ่งตํ่ากว่าจุดหลอมเหลวของมันอยู่ 20 องศาเซลเซียส 4. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 3, ที่ซึ่งอุณหภูมิของ ตัวคำจุนถูกปรับอยู่ที่ช่วงอุณหภูมิเมื่อทำการเป่าอากาศร้อนที่หนึ่ง 5. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 4, ประกอบรวมด้วย ขันตอนการทำให้เป็นไฮโดรโฟบิกแก่ส่วนบนสุดของส่วนยื่นที่หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนนูน ของรูปทรงเว้า-นูน 6. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 5, ที่\'ซึ่งฮีทเตอร์ที่ถูก จัดให้มีขดลวดทำความร้อนไฟฟ้าถูกจัดวางอยู่บนพืนที่ด้านหลัง, ซึ่งตรงข้ามกับพืนที่ด้านพืนผิวของ ตัวคิ้าจุน, ไม่รวมถึงพื้นที่ซึ่งส่วนยื่นของตัวคิ้าจุนถูกจัดวางอยู่ หน้า 2 ของจำนวน 2 หน้า 7. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 6, ที่ซึ่งตัวคำจุนมีส่วนยื่น ที่สอดคล้องตรงกันกับตำแหน่งที่ซึ่งส่วนยื่นที่สองที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนเว้าของรูปทรงเว้า-นูน ในด้านพื้นผิวที่หนึ่งของผ้าไม่ทอได้ถูกทำให้มีรูปทรง, และมีช่องรูที่สอดคล้องตรงกันกับตำแหน่ง ที่ซึ่งส่วนยื่นที่หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนนูนของรูปทรงเว้า-นูนไนด้านพืนผิวที่หนึ่งของผ้าไม่ทอ ได้ถูกทำไห้มีรูปทรง 8. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 7, ที่ซึ่งตัวคำจุนถูกทำให้ ร้อนด้วยแหล่งความร้อน 9. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 8, ที่ซึ่งตัวคิ้าจุนถูกทำให้ ร้อนโดยการเป่าอากาศร้อนลงบนส่วนนั้น 1 0. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม,ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 9, ที่ซึ่งอุณหภูมิของอากาศ ร้อนที่หนึ่งตํ่ากว่าจุดหลอมเหลวของเส้นใยเทอร์โมพลาสติกที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใยอยู่ 0 องศาเซลเซียส ถึง 70 องศาเซลเซียส 1 1. วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 10, ที่ซึ่งอุณหภูมิของ อากาศร้อนที่สองสูงกว่าจุดหลอมเหลวของเส้นใยเทอร์โมพลาสติกที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใยอยู่ 0 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า และ 70 องศาเซลเซียส หรือน้อยกว่า ------------ แก้ไข 29/03/2559 1. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอที่ซึ่งแผ่นใยประกอบรวมด้วยเส้นใยเทอร์โมพลาสติกถูกลำเลียงไปยัง ตัวค้ำจุนซึ่งถูกทำให้ร้อนแล้วที่มีรูปทรงเว้า-นูน, และเป้าอากาศร้อนไปทางตัวค้ำจุนจากเหนือแผ่นใย เพื่อให้แผ่นใยมีรูปทรงเว้า-นูน, ซึ่งประกอบรวมด้วย: ขั้นตอนการให้ความร้อนกับตัวค้ำจุนในช่วงอุณหภูมิจากเท่ากับหรือสูงกว่าอุณหภูมิเปลื่อน สถานะคล้ายแก้วของเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใย, จนถึงเท่ากับหรือต่ำกว่าจุดหลอมเหลว ของพวกมัน; ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอมเส้นใยของแผ่นใยเข้ากากันชั่วขณะทำให้อยู่ใน สถานะซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนไว้ได้; และ ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่สองที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอม เส้นใยของแผ่นใยเข้าหากันภายใต้สภาวะที่ซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูน และเพื่อทำให้รูปทรงเว้า-นูนคงตัว 2. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 1, ที่ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวค้ำจุนให้ร้อนอยู่ ในช่วงจากเท่ากับถึงกับสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเส้นใย, ถึงเท่ากับหรือต่ำ กว่าอุณหภูมิซึ่งต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของมันอยู่ 10 องศาเซลเซลเซียส 3. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ที่ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวค้ำจุมให้ร้อน อยู่ในช่วงจากเท่ากับถึงสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเส้นใยอยู่ 20 องศา เซลเซียส, ถึงเท่ากับหรือต่ำกว่าอุณหภูมิซึ่งต่ำกว่าของมันอยู่ 20 องศาเซลเซียส 4. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 3, ที่ซึ่งอุณหภูมิของตัวค้ำจุน ถูกปรับอยู่ที่ช่วงอุณหภูมิเมื่อเป่าอากาศร้อนที่หนึ่ง 5. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 4, ประกอบรวมด้วยขั้นตอน การไฮโดรฟิไลซิ่งส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสมียนส่วยนูนของรูปทรงเว้า-นูน 6. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 5, ที่ซึ่งฮีทเตอร์ที่มีขดลวดทำ ความร้อนไฟฟ้าถูกจัดวางอยู่บนพื้นที่ด้านหลัง, ซึ่งตรงข้ามกับพื้นที่ด้านพื้นผิวของตัวค้ำจุน, ไม่ รวมถึงพื้นที่ซึ่งส่วนยื่นถูกจัดวางอยู่ 7. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 6, ที่ซึ่งตัวค้ำจุนมีส่วนยื่นที่ สอดคล้องต่อตำแหน่งที่ซึ่งส่วยยื่นที่สองทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนเว้าของรูปทรงเว้า-นูนในด้าน พื้นผิวที่หนึ่งของผ้าไม่ทอได้ถูกทำให้มีรูปทรง, และมีช่องรูโดยสอดคล้องต่อตำแหน่งที่ซึ่งส่วนยื่นที่ หนึ่งทำหน้าทีเป็นเสมือนส่วนนูนของรูปทรงเว้า-นูนในด้านพื้นผิวที่หนึ่งของผ้าไม่ทอได้ถูกทำให้มี รูปทรง 8. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 7, ที่ซึ่งตัวค้ำจุนถูกทำให้ร้อน ด้วยแหล่งความร้อน 9. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดข้อถือสิทธิ 1 ถึง 8, ที่ซึ่งตัวค้ำจุนถูกทำให้ร้อน โดยการเป่าอากาศร้อนไปยังที่นั้น 1 0. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 9, ที่ซึ่งอุณหภูมิของอากาศ ร้อนที่หนึ่งต่ำกว่าจุดกว่าหลอมเหลวของเส้นใยเทอร์โมพลาสติกที่เป็นส่วนประกอบแผ่นในอยู่ที่ 0 องศา เซลเซียส ถึง 70 องศาเซลเซียส 1 1. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 10, ที่ซึ่งอุณหภูมิของอากาศ ร้อนที่สองสูงกว่าจุดหลอมเหลวของเส้นใยเทอร์โมพลาสติกที่เป็นส่วนประกอบแผ่นใยอยู่ที่ 0 องศา เซลเซียสหรือมากกว่า และ 70 องศาเซลเซียส หรือน้อยกว่า 1 2. ผ้าไม่ทอ, ผลิตขึ้นโดยใช้วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 11 1 3. แผ่นปิดหน้าสำหรับผลิตภัณฑ์ดูดซับ, ที่ใช้ผ้าไม่ท่อตามข้อถือสิทธิ 12 1 4. ผลิตภัณฑ์ดูดซับ, ที่ซึ่งผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 12 ถูกใช้เป็นเสมือนแผ่นปิดหน้า ------------------------------------------------------ 1. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอที่ซึ่งแผ่นใยประกอบรวมด้วยเส้นใยเทอร์โมพลาสติกถูกลำเลียงไปยัง ตัวค้ำจุนซึ่งถูกทำให้ร้อนแล้วที่มีรูปทรงเว้า-นูน, และเป่าอากาศร้อนไปทางตัวค้ำจุนจากเหนือแผ่นใย เพื่อให้แผ่นใยมีรูปทรงเว้า-นูน, ซึ่งประกอบรวมด้วย: ขั้นตอนการให้ความร้อนกับตัวค้ำจุนในช่วงอุณหภูมิจากเท่ากับหรือสูงกว่าอุณหภูมิเปลี่ยน สถานะคล้ายแก้วของเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นใย, จนถึงเท่ากับหรือต่ำกว่าจุดหลอมเหลว ของพวกมัน; ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอมเส้นใยของแผ่นใยเข้าหากันชั่วขณะทำให้อยู่ใน สถานะซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูนไว้ได้; และ ขั้นตอนการเป่าอากาศร้อนที่สองที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศร้อนที่หนึ่งเพื่อหลอม เส้นใยของแผ่นใยเข้าหากันภายใต้สภาวะที่ซึ่งคงรูปทรงเว้า-นูน และเพื่อทำให้รูปทรงเว้า-นูนคงตัว 2. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 1, ที่ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวค้ำจุนให้ร้อนอยู่ ในช่วงจากเท่ากับถึงกับสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเส้นใย, ถึงเท่ากับหรือต่ำ กว่าอุณหภูมิซึ่งต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของมันอยู่ 10 องศาเซลเซียส 3. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ที่ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับทำตัวค้ำจุนให้ร้อน อยู่ในช่วงจากเท่ากับถึงสูงกว่าอุณหภูมิซึ่งสูงกว่าจุดเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วของเส้นใยอยู่ 20 องศา เซลเซียส, ถึงเท่ากับหรือต่ำกว่าอุณหภูมิซึ่งต่ำกว่าจุดหลอมเหลวของมันอยู่ 20 องศาเซลเซียส 4. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 3, ที่ซึ่งอุณหภูมิของตัวค้ำจุน ถูกปรับอยู่ที่ช่วงอุณหภูมิเมื่อเป่าอากาศร้อนที่หนึ่ง 5. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 4, ประกอบรวมด้วยขั้นตอน การไฮโดรฟิไลซิ่งส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนส่วนนูนของรูปทรงเว้า-นูน 6. วิธีการผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 5, ที่ซึ่งฮีทเตอร์ที่มีขดลวดทำ ความร้อนไฟฟ้าถูกจัดวางอยู่บนพื้นที่ด้านหลัง, ซึ่งตรงข้ามกับพื้นที่ด้านพื้นผิวของตัวค้ำจุน, ไม่ รวมถึงพื้นที่ซึ่งส่วนยื่นถูกจัดวางอยู่ 7. ผ้าไม่ทอ, ผลิตขึ้นโดยการใช้วิธีการสำหรับผลิตผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 1 ถึง 6 8. แผ่นปิดหน้าสำหรับผลิตภัณฑ์ดูดซับ, โดยใช้ผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 7 9. ผลิตภัณฑ์ดูดซับ, ที่ซึ่งผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 7 ได้ถูกใช้เป็นเสมือนแผ่นปิดหน้า 1 0. ผ้าไม่ทอ, ประกอบรวมด้วยส่วนยื่นที่หนึ่งที่ยื่นไปบนด้านพื้นผิวที่หนึ่งในมุมมอง แนวราบของผ้าไม่ทอที่มีตัวแผ่นและมีที่ว่างภายใน, และส่วนยื่นที่สองที่ยื่นไปบนด้านพื้นผิวที่สอง เสมือนเป็นด้านตรงข้ามต่อส่วนยื่นที่หนึ่งและมีที่ว่างภายใน ที่ซึ่งจำนวนหนึ่งของส่วนยื่นที่หนึ่งและจำนวนหนึ่งของส่วนยื่นที่สองถูกจัดวางอย่างสลับ และอย่างต่อเนื่องโดยผ่านทางส่วนผนังในแต่ละทิศทางตัดที่แตกต่างกันในมุมมองแนวราบของผ้าไม่ ทอ; ส่วนยื่นที่หนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกัน และส่วนยื่นที่สองที่อยู่ใกล้ชิดกันถูกเชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านทางแต่ละส่วนสันในทิศทางทแยงในมุมมองแนวราบโดยสัมพันธ์ต่อแต่ละทิศทางที่แตกต่าง กัน; เมื่อผ้าไม่ทอถูกกดดันที่แรงกด 0.05 kPa, ความสูงของส่วนยื่นที่หนึ่งในทิศทางความหนาสูง กว่าความสูงของส่วนสันในทิศทางความหนา; มุมที่เพิ่มสูงขึ้นของส่วนผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งอยู่ที่ 0 องศาหรือมากกว่า และ 20 องศาหรือ น้อยกว่า; และ เมื่อผ้าไม่ทอถูกกดดันที่แรงกด 3.5 kPa, ความสูงของส่วนยื่นที่หนึ่งในทิศทางความหนาสูง กว่าความสูงของส่วนสันในทิศทางความหนา 1 1. ผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 10, ที่ซึ่งมุมที่เพิ่มสูงขึ้นของส่วนผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งอยู่ที่ 0 องศาหรือมากกว่า และ 15 องศาหรือน้อยกว่า 1 2. ผ้าไม่ทอตามข้อถือสิทธิ 10, ที่ซึ่งมุมที่เพิ่มสูงขึ้นของส่วนผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งอยู่ที่ 0 องศาหรือมากกว่า และ 12 องศาหรือน้อยกว่า 1 3. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 12, ที่ซึ่งเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบส่วน ผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งมีการจัดตัวเส้นใยในทิศทางเชื่อมต่อส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งกับส่วนปลาย ของส่วนเปิดของที่ว่างภายในของส่วนยื่นที่หนึ่ง 1 4. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 13, ที่ซึ่งเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบส่วน ผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งมีการจัดตัวเส้นใยในทิศทางสูงขึ้นของส่วนผนัง 1 5. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 14, ที่ซึ่งเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบส่วน ผนังในส่วนยื่นที่หนึ่งมีการจัดตัวเส้นใยแบบรัศมีในทิศทางไปทางส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่ง 1 6. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 15, ที่ซึ่งเส้นใยที่เป็นส่วนประกอบส่วน ผนังในส่วนยื่นที่สองมีการจัดตัวเส้นใยในทิศทางเชื่อมต่อส่วนยอดของส่วนยื่นที่สองกับส่วนปลาย ของส่วนเปิดของที่ว่างภายในของมัน 1 7. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 16, ที่ซึ่งมุมการจัดตัวของส่วนผนังใน แต่ละส่วนยื่นที่หนึ่งและส่วนยื่นที่สองอยู่ที่ 50 องศาหรือมากกว่า และ 130 องศาหรือน้อยกว่า และ ความแข็งแรงการจัดตัวของมันอยู่ที่ 1.05 หรือมากกว่า 1 8. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 16, ที่ซึ่งมุมการจัดตัวของส่วนผนังใน แต่ละส่วนยื่นที่หนึ่งและส่วนยื่นที่สองอยู่ที่ 60 องศาหรือมากกว่า และ 120 องศาหรือน้อยกว่า และ ความแข็งแรงการจัดตัวของส่วนผนังอยู่ที่ 1.10 หรือมากกว่า 1 9. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 16, ที่ซึ่งมุมการจัดตัวของส่วนผนังใน แต่ละส่วนยื่นที่หนึ่งและส่วนยื่นที่สองอยู่ที่ 85 องศาหรือมากกว่า และ 95 องศาหรือน้อยกว่า และ ความแข็งแรงการจัดตัวของส่วนผนังอยู่ที่ 1.30 หรือมากกว่า 2 0. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 18 และ 19, ที่ซึ่งอัตราส่วน (h1/h5) ของ ความสูง h1 ของส่วนยื่นที่หนึ่งในทิศทางความหนาต่อความสูง h5 ของส่วนสันเมื่อผ้าไม่ทอถูกกดดัน ที่แรงกด 3.5 kPa อยู่ที่ 1.01 หรือมากกว่าและ 2.5 หรือน้อยกว่า 2 1. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 18 และ 19, ที่ซึ่งอัตราส่วน (h1/h5) ของ ความสูง h1 ของส่วนยื่นที่หนึ่งในทิศทางความหนาต่อความสูง h5 ของส่วนสันเมื่อผ้าไม่ทอถูกกดดัน ที่แรงกด 3.5 kPa อยู่ที่ 1.05 หรือมากกว่าและ 2.0 หรือน้อยกว่า 2 2. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 18 และ 19, ที่ซึ่งอัตราส่วน (h1/h5) ของ ความสูง h1 ของส่วนยื่นที่หนึ่งในทิศทางความหนาต่อความสูง h5 ของส่วนสันเมื่อผ้าไม่ทอถูกกดดัน ที่แรงกด 3.5 kPa อยู่ที่ 1.2 หรือมากกว่าและ 1.8 หรือน้อยกว่า 2 3. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 22, ที่ซึ่งความสูงของส่วนยื่นที่ หนึ่งในทิศทางความสูงของมันถูกนำมาเป็นเสมือน h1, และส่วนยื่นที่หนึ่งมีกรวยกลมยอดตัดเสมือน เป็นครึ่งกลมในส่วนยอด, ที่ซึ่งมุมที่เพิ่มสูงขึ้นของส่วนผนังชันกว่าเมื่อเทียบกับกรวยกลมดังเช่น ในครึ่งทรงกลมในส่วนยอด 2 4. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 22, ที่ซึ่งความเป็นไฮโดรฟิลิกใน ส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนยอดของส่วนยื่นที่สองและส่วนผนัง 2 5. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 24, ที่ซึ่งความเป็นไฮโดรฟิลิกใน ส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนสัน 2 6. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 25, ที่ซึ่งมุมสัมผัสของน้ำ แลกเปลี่ยนไอออนแล้วที่ 22 องศาเซลเซียส ในส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งอยู่ที่ 80 องศาหรือมากกว่า, และมุมสัมผัสของน้ำแลกเปลี่ยนไอออนแล้วในส่วนยอดของส่วนยื่นที่สองและส่วนผนังอยู่ที่ 30 องศา หรือมากกว่าและน้อยกว่า 80 องศา 2 7. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 25, ที่ซึ่งมุมสัมผัสของน้ำ แลกเปลี่ยนไอออนแล้วที่ 22 องศาเซลเซียส ในส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งอยู่ที่ 100 องศาหรือ มากกว่า, และมุมสัมผัสของน้ำแลกเปลี่ยนไอออนแล้วในส่วนยอดของส่วนยื่นที่สองและส่วนผนังอยู่ ที่ 60 องศา หรือมากกว่าและ 70 องศา หรือน้อยกว่า 2 8. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 27, ที่ซึ่งมุมสัมผัสของน้ำ แลกเปลี่ยนไอออนแล้วที่ 22 องศาเซลเซียส ในส่วนสันอยู่ที่ 30 องศาหรือมากกว่าและน้อยกว่า 80 องศา 2 9. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 27, ที่ซึ่งมุมสัมผัสของน้ำ แลกเปลี่ยนไอออนแล้วที่ 22 องศาเซลเซียส ในส่วนสันอยู่ที่ 60 องศาหรือมากกว่าและ 70 องศา หรือ น้อยกว่า 3 0. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 29, ที่ซึ่ง, บนทั้งสองด้านของ ด้านพื้นผิวที่หนึ่งและด้านพื้นผิวที่สอง, ความเป็นไฮโดรฟิลิกในส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่งต่ำกว่า เมื่อเทียบกับส่วนที่ไม่รวมถึงส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่ง, หรือส่วนยอดมีความเป็นไฮโดรโฟบิก, และ พื้นที่ซึ่งถูกทำให้เป็นไฮโดรโฟบิกแล้วเล็กกว่าบนด้านพื้นผิวที่หนึ่งเมื่อเทียบกับด้านพื้นผิวที่สองใน ส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่ง 3Claims (total) which will not appear on advertisement page :Edit 26/11/2018 page 1 of 1 page Claims 1. Methods for producing non-woven fabrics where fiber sheets are combined with poured fibers. thermoplastics are transported to the heated support with a concave-convex shape, and hot air is blown towards the support from above. wadding to make the wadding concave-convex, which consists of: the process of heating the support to a certain temperature in the range from equal to or above the transition point. the glassy state of the fibers constituting the wadding, up to or below their melting point; This is followed by, the first hot air blowing stage to temporarily melt the fibers of the wadding together. to bring it into a state in which the concave-convex shape is maintained; and the second hot air blowing process with a temperature higher than the temperature of the first hot air to melt. The fibers of the wadding join together under conditions that maintain the concave-convex shape and to stabilize the concave-convex shape. ---------------------------------------------------- --------------- ------19/04/2018------(OCR) Page 1 of 2 Pages Rumors of Rights 1. Methods for Production Non-woven fabrics, where the wadding consists of a thermoplastic filament core, are conveyed. towards the Chun Song body was heated in a concave-convex shape, and hot air was blown towards the Chun Kham body from above. wadding to give the wadding a concave-convex shape, which consists of: the process of heating the support body to a temperature in the range from equal to or above the transition point. The glassy state of the fibrous constituents of the wadding, up to or below their melting point; This is followed by, the first hot air blowing process to temporarily fuse the fibers of the sheet together. to achieve [a state in which a concave-convex shape is maintained; and the second hot air blowing process with a temperature higher than the temperature of the first hot air to melt. The fibers of the wadding are concentrated together under conditions that maintain the concave-convex shape and to stabilize the concave-convex shape. Khamjun make it hot in the range from equal to to above the temperature above the glass transition point of the filament, to equal to or less than the temperature which is 10 °C below its melting point. to be heated in the range from equal to to higher than the temperature which is 20 °C above the glass transition point of the filament, to equal to or below the temperature which is 20 °C below its melting point. woven according to one of claims 1 to 3, where the temperature of The body is adjusted to the temperature range when blowing the first hot air. 5. The method for producing non-woven fabrics according to one of Claims 1 to 4, consists of Hydrophobic process to the top of the first protrusion acting as a convex. of concave-convex shape 6. Methods for producing non-woven fabrics according to one of claims 1 to 5, at\'in which the heater is Provided that the electric heating coil is positioned on the back area, as opposed to the surface area of the support body, excluding the area where the projection of the support body is positioned. Page 2 of Number 2 Page 7. Methods for the manufacture of non-woven fabrics according to one of Claims 1 to 6, where the Khamjun has an overhang. corresponding to the position where the second protrusion acts as the concave part of the concave-convex shape. On the first surface side of the non-woven fabric is shaped, and the corresponding holes are positioned. where the first protrusion acts as a convex part of the concave-convex shape on the first surface of the non-woven fabric. 8. The method for producing non-woven fabrics according to one of Claims 1 to 7, where the Khamjun is made. heated by a heat source. 9. Methods for producing non-woven fabrics according to one of claims 1 to 8, where the support is made. heated by blowing hot air onto that part 1 0. Method for producing wicker fabric according to one of claims 1 to 9, where the air temperature The first heat is lower than the melting point of the thermoplastic fibers that are constituents of the wadding from 0 °C to 70 °C. 1 1. The method for the manufacture of non-woven fabrics according to one of the claims 1 to 10, where the temperature of The second hot air is 0°C or higher than the melting point of the thermoplastic filaments that constitute the filament and 70 °C or less. ------------ Revised 29/03/ 2016 1. Non-woven fabric production method in which thermoplastic fiber composites are transported to The heated support brace has a concave-convex shape, and the hot air targets towards the support from above the wadding. To give the wadding a concave-convex shape, it includes: the process of heating the support in the temperature range from equal to or above the transition temperature. The glassy state of the fibers that make up the wadding, up to or below their melting point; The first hot air blowing process to melt the fibers of the wadding together for a short time, keeping it in a state in which a concave-convex shape is maintained; and the second hot air blowing process with a temperature higher than the temperature of the first hot air to melt. The fibers of the wadding join together under conditions that maintain a concave-convex shape. and to stabilize the concave-convex shape. 2. Method for producing non-woven fabrics according to claim 1, where the temperature range for the support is heated. In the range from equal to to higher than the temperature above the glass transition point of the fiber, to equal or low than the temperature which is 10 degrees Celsius lower than its melting point. It is in the range from equal to to higher than the temperature above the glass transition point of the fiber by 20 degrees Celsius, to equal to or below its temperature of 20 degrees Celsius. one of claims 1 to 3, where the temperature of the stabilizer is adjusted to the temperature range when blowing the first hot air. Hydrophilicization of the apex of the first protrusion acting as a convex-convex clerical clerical A motor with a coil is made. The electric heat is placed on the back area, as opposed to the surface area of the support, excluding the area on which the overhangs are positioned. Holds 1 to 6, where the support has an overhang. Corresponds to the position where the second tribute acts as a concave part of the concave-convex shape in the side. The first surface of the non-woven fabric is shaped, and the holes are aligned according to the position where the protrusion one acts as the convex part of the concave-convex shape, the first surface of the non-woven fabric is shaped. 8. The non-woven fabric production method according to any of clauses 1 to 7. , where the support is heated with a heat source. 9. Non-woven fabric manufacturing method according to one of claims 1 to 8, where the support is heated. by blowing hot air to it 1 0. Non-woven fabric production method according to any of the clauses of claims 1 to 9, where the air temperature The first heat is lower than the melting point of the thermoplastic fibers that form the inner sheet at 0°C to 70°C 1 1. Non-woven fabric production methods according to one of the claims 1 to 10. , where the air temperature The second heat is higher than the melting point of the thermoplastic fibers that make up the wadding at 0 degrees Celsius or more and 70 degrees Celsius or less. one of the claims 1 to 11 1 3. Faceplate for absorbent products, using non-woven fabrics according to claim 12 1 4. Absorbent products, where non-woven fabrics according to claim 12 are Used as a face shield ---------------------------------------------------- ---- 1. Non-woven fabric production method, where thermoplastic fiber composites are conveyed to The support is heated with a concave-convex shape, and hot air is blown towards the support from above the web. To give the fiber sheet a concave-convex shape, it includes: the process of heating the support in the temperature range from equal to or above the transition temperature. The glassy state of the fibers that make up the wadding, up to or below their melting point; The first hot air blowing process to melt the fibers of the wadding together for a short time, keeping it in a state in which a concave-convex shape is maintained; and the second hot air blowing process with a temperature higher than the temperature of the first hot air to melt. The fibers of the wadding join together under conditions that maintain a concave-convex shape. and to stabilize the concave-convex shape. 2. Method for producing non-woven fabrics according to claim 1, where the temperature range for the support is heated. In the range from equal to to higher than the temperature above the glass transition point of the fiber, to equal or low than the temperature which is 10 °C below its melting point. It is in the range from equal to to higher than the temperature which is 20 degrees Celsius above the glass transition point of the fibers, to equal to or lower than the temperature which is 20 degrees Celsius below its melting point. Which of the following claims 1 to 3, where the temperature of the stabilizer is adjusted to the temperature range when blowing the first hot air. Hydrophilicization of the top of the first protrusion acting as the convex part of the concave-convex shape. A motor with a coil is made. The electric heat is placed on the back area, as opposed to the surface area of the support, excluding the area on which the overhangs are positioned. non-woven fabrics according to any of the clauses of claims 1 to 6. 8. Faceplates for absorbent products, using non-woven fabrics according to claims 7. 9. Absorbent products, where non-woven fabrics meet claims 7 is used as a faceplate 1 0. Non-woven fabric, consisting of a first protrusion protruding on the surface of the first view. A horizontal line of non-woven fabric with a sheet body and space, and a second overhang that extends on the second surface side. as being opposite to the first protrusion and having space inside where a certain number of the first overhang and a certain number of the second overhang are arranged alternately. and continuously through the wall section in each cutting direction in different horizontal angles of non-woven fabrics; The first overhang that is close to each other and the two protrusions that were closer together were connected continuously. through each diagonal ridge in a horizontal perspective relative to each of the different directions; When the non-woven fabric is pressurized at a pressure of 0.05 kPa, the height of the overhang is first in the high thickness direction. than the height of the ridge in the thickness direction; The rising angle of the wall in the first overhang is 0 degrees or more and 20 degrees or less; and when the non-woven fabric is pressed to a pressure of 3.5 kPa, the height of the overhang is first in the high thickness direction. than the height of the ridge in the thickness direction 1 1. Non-woven fabric according to claim 10, where the rising angle of the wall section in the first overhang is 0 degrees or more and 15 degrees or less than 1. 2. Non-woven fabrics according to claim 10, where the rising angle of the wall in the first overhang is 0 degrees or more and 12 degrees or less 1. Claims 10 to 12, where the constituent fibers The walls in the first overhang are arranged fibers in the direction connecting the top of the first overhang with the end. of the opening of the internal space of the first overhang 1 4. Non-woven fabrics according to any of the clauses of claims 10 to 13, where the fibers constituting the The wall in the first overhang has fibers arranged in an upward direction of wall section 1. The wall in the first overhang has a radial arrangement of the fibers in a direction towards the apex of the first overhang 1. The wall in the second overhang is arranged fibers in the direction connecting the top of the second overhang with the end. of the opening of its internal space 1 7. Non-woven fabric according to any of the clauses of claims 10 to 16, where the alignment angle of the inner wall section Each of the first and second overhangs is 50 degrees or more and 130 degrees or less, and its holding strength is 1.05 or more. 10 to 16, where the alignment angle of the inner wall Each of the first and second overhangs is 60 degrees or more and 120 degrees or less, and the arrangement strength of the wall sections is 1.10 or more 1. Rights 10 to 16, where the alignment angle of the wall section in Each of the first and second overhangs are 85 degrees or more and 95 degrees or less, and the organizational strength of the wall sections is 1.30 or more 2 0. Non-woven fabrics in accordance with one of the provisions of the Rights 10 to 18 and 19, where the ratio (h1/h5) of the height h1 of the first overhang in the thickness to height h5 direction of the ridge when the non-woven fabric is pressed at a pressure of 3.5 kPa is 1.01 or Greater than and 2.5 or less than 2 1. Non-woven fabrics pursuant to any of clauses 10 to 18 and 19, where the ratio (h1/h5) of the height h1 of the first overhang in the thickness-to-thickness direction Height h5 of the ridge part when the non-woven fabric is pressed at a pressure of 3.5 kPa is 1.05 or more and 2.0 or less 2. 2. The non-woven fabric according to one of the claims 10 to 18 and 19, where the ratio The (h1/h5) of the height h1 of the first overhang in the thickness-to-height h5 direction of the ridge when the non-woven fabric is pressurized at a pressure of 3.5 kPa is 1.2 or more and 1.8 or less 2. 3. Fabric not woven according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 22, where the height of the overhang One of its height directions is taken as h1, and the first protrusion has a quasi-top round cone. It is a semicircular in the apex, where the rising angle of the wall is steeper compared to a round cone, such as in the hemispherical in the apex 2 4. Non-woven fabrics according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 22, where the hydrophilic in The top of the first overhang is lower compared to the top of the second overhang and the wall part 2. 5. Non-woven fabrics according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 24, where hydrophilicity is Click in The apex of the first overhang is lower in comparison with the ridge 2. 6. Non-woven fabric according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 25, where the water contact angle Ion exchanged at 22 °C in the apex of the first projection is 80 °C or more, and the contact angle of the ion exchanged water in the apex of the second projection and the wall is 30 °C or more and less. 80 degrees 2. 7. Non-woven fabrics according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 25, where the water contact angle Ion exchanged at 22 °C in the apex of the first projection is 100 °C or more, and the contact angle of the ion exchanged water in the apex of the second projection and wall is 60 °C or more and 70 °C. or less than 2. 8. Non-woven fabrics according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 27, where the water contact angle Ion-exchanged at 22 °C, in the ridge at 30 °C or less and less than 80 °C 9. Non-woven fabric according to one of clauses 10 to 18 and 19 to 27, where the water contact angle Ion-exchanged at 22 °C, in the ridge is 60 °C or more and 70 °C or less 3.0. Non-woven fabrics according to one of clauses 10 to 18 and 19 to 29, where, on both sides of First surface and second surface side, hydrophilicity in the top of the first overhang is lower. Compared to those excluding the apex of the first projection, or the apex, it is hydrophobic, and the hydrophobic area is smaller than on the first surface comparatively. with the second surface side in Top part of the first overhang 3
1. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 30, ที่ซึ่งสองทิศทางที่แตกต่าง กันตั้งฉากกัน 31. Non-woven fabric according to one of clauses 10 to 18 and 19 to 30, where two different directions perpendicular to each other 3
2. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 31, ที่ซึ่งส่วนผนังเกิดเป็น โครงสร้างวงแหวนในส่วนยื่นที่หนึ่งและส่วนยื่นที่สอง 32. Non-woven fabric according to any of clauses 10 to 18 and 19 to 31, where the wall part is formed. Ring structure in the first overhang and the second overhang 3
3. ผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 32, ที่ซึ่งความสัมพันธ์ของความ หนาชั้น TL1 ของส่วนยอดของส่วนยื่นที่หนึ่ง, ความหนาชั้น TL2 ของส่วนยอดของส่วนยื่นที่สอง TL2, และความหนาชั้น TL3 ของส่วนยอดของส่วนผนังคือ TL1 > T3 > TL2 33. Non-woven fabrics in accordance with any of the clauses of clauses 10 to 18 and 19 to 32, where the relation of the top layer TL1 thickness of the first overhang, the top layer TL2 of the second overhang TL2, and the TL3 layer thickness of the top of the wall section is TL1 > T3 > TL2 3.
4. แผ่นปิดหน้าสำหรับผลิตภัณฑ์ดูดซับ, ที่ซึ่งผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 33, ได้ถูกใช้โดยให้ด้านพื้นผิวที่หนึ่งมีทิศทางไปยังด้านพื้นผิวสัมผัสผิวหนัง 34. Faceplates for absorbent products, where non-woven fabrics according to any of the clauses of claims 10 to 18 and 19 to 33, are used with the first surface side oriented towards the contact surface side. skin 3
5. ผลิตภัณฑ์ดูดซับ, ที่ซึ่งผ้าไม่ทอตามข้อหนึ่งข้อใดของข้อถือสิทธิ 10 ถึง 18 และ 19 ถึง 33, ได้ถูกใช้เป็นเสมือนแผ่นปิดหน้าโดยให้ด้านพื้นผิวที่หนึ่งมีทิศทางไปยังด้านพื้นผิวสัมผัสผิวหนัง5. Absorbent products, where non-woven fabrics according to any of the clauses 10 to 18 and 19 to 33, are used as faceplates with the first surface oriented towards the surface side. skin contact