TH56139A - สารผสมและวิธีการสำหรับการบำบัดพืชด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดเอ็กโซจีเนียส - Google Patents

สารผสมและวิธีการสำหรับการบำบัดพืชด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดเอ็กโซจีเนียส

Info

Publication number
TH56139A
TH56139A TH9701004284A TH9701004284A TH56139A TH 56139 A TH56139 A TH 56139A TH 9701004284 A TH9701004284 A TH 9701004284A TH 9701004284 A TH9701004284 A TH 9701004284A TH 56139 A TH56139 A TH 56139A
Authority
TH
Thailand
Prior art keywords
mixture
group
approximately
carbon atoms
alkyl
Prior art date
Application number
TH9701004284A
Other languages
English (en)
Other versions
TH40694B (th
Inventor
เจ.ไอ. เวิร์ค นายแอนโธนี
กี่ นายจี้เชง
แอล. กิลเลสปี นางสาวเจน
เจ. แซนด์บริงค์ นายโจเซฟ
ซี. ซู นายเซี่ยวตุ้ง
Original Assignee
นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์
นางสาวสนธยา สังขพงศ์
Filing date
Publication date
Application filed by นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์, นางสาวสนธยา สังขพงศ์ filed Critical นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์
Publication of TH56139A publication Critical patent/TH56139A/th
Publication of TH40694B publication Critical patent/TH40694B/th

Links

Abstract

DC60 (09/01/41) สารผสมที่ได้เปิดเผยนี้สำหรับประยุกต์ใช้ให้กับพืชซึ่งประกอบด้วยเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียส (exogenous) (ดังตัว อย่างเช่น, สารกำจัดวัชพืชชนิดใช้กับวัชพืชหลังงอกแล้ว), ตัวทำเจือจางที่เป็นของ เหลว, และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรก ที่เป็นอัมฟิฟีลิค (amphiphilic), โดยที่ สัดส่วนน้ำหนักต่อ น้ำหนักของ สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นต่อเคมี ภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเป็นระหว่างประมาณ 1 3 ถึงประมาณ 1 : 100; และโดยที่ สารผสมชนิดน้ำดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดเป็น มวลสารแอนนิโซโทรพิค (anisotropic) อยู่ในหรือบนชั้นไข, และการปรากฏมีอยู่ของมวลสารแอนนิโซโทรพิคนั้นสามารถตรวจหา ได้โดยวิธีการ ทดสอบดังที่ได้อธิบายในที่นี้ สารผสมของการประดิษฐ์นี้, เมื่อได้ใช้ไปให้กับพืชนั้น, จะ ทำให้ได้มาซึ่งความ มีประสิทธิภาพทางชีวภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น ต่อหน่วยปริมาณการใช้เคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสดังกล่าว, เมื่อ เทียบกับสารผสมอื่นๆซึ่งคล้ายๆกันที่ที่มีสารลด แรงตึงผิวแต่ไม่ได้อยู่ในรูปของมวลสารแอนนิโซโทรพิค โดยปราศ จากซึ่งการยึดติดกับทางทฤษฎี, ปัจจุบันนั้นเชื่อกันว่าความ มีประสิทธิภาพทางชีวภาพที่ขยายเพิ่ม ขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการ เกิดขึ้นหรือการขยายให้กว้างใหญ่ขึ้นของช่องไฮโดรฟีลิค (hydrophilic) ผ่านไปที่ไข ผิวด้านเปลือกนอกของพืช สารผสมที่ได้เปิดเผยนี้สำหรับประยุกต์ใช้ให้กับพืชซึ่งประกอบด้วยเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียส (exogenous) (ดังตัว อย่างเช่น, สารกำจัดวัชพืชชนิดใช้กับวัชพืชหลังงอกแล้ว) ตัวทำเจือจางที่เป็นของเหลว, และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรก ที่เป็นอัมฟิฟีลิค (amphiphilic) โดยที่ สัดส่วนน้ำหนักต่อ น้ำหนักของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นต่อเคมี ภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสเป็นระหว่างประมาณ 1 : 3 ถึงประมาณ 1 : 100 และโดยที่ สารผสมชนิดน้ำดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดเป็น มวลสารแอนนิโซโทรพิค (anisortopic) อยู่ในหรือบนชั้นไข, และการปรากฏมีอยู่ของมวลสารแอนนิโซโทรพิคนั้นสามารถตรวจหา ได้โดยวิธีการทดสอบดังที่ได้อธิบายในที่นี้ สารผสมของการประดิษฐ์นี้, เมื่อได้ใช้ไปให้กับพืชนั้น, จะ ทำให้ได้มาซึ่งความมีประสิทธิภาพทางชีวภาพที่ขยายเพิ่มขึ้น ต่อหน่วยปริมาณการใช้เคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสดังกล่าว, เมื่อเทียบกับสารผสมอื่น ๆ ซึ่งคล้าย ๆ กันที่ที่มีสารลด แรงตึงผิวแต่ไม่ได้อยู่ในรูปของมวลสารแอนนิโซโทรพิคโดยปราศ จากซึ่งการยึดติดกับทางทฤษฎี, ปัจจุบันนั้นเชื่อกันว่าความ มีประสิทธิภาพทางชีวภาพที่ขยายเพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการ เกิดขึ้นหรือการขยายให้กว้างใหญ่ขึ้นของช่องไฮโดรฟีลิค (hydrophilic) ผ่านไปที่ผิวด้านเปลือกนอกของพืช :

Claims (2)

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา : 1. สารเข้มข้นชนิดน้ำที่ประกอบด้วย (a) ไกลโฟเสท หรือ อนุพันธ์ซึ่งกำจัดพืชของสารดังกล่าว (b) สารเสริมช่วยขึ้นรูปอัมฟิฟีลิค สัดส่วนน้ำหนัก/น้ำหนักของสารเสริมช่วยขึ้นรูปอัมฟิฟีลิคดังกล่าวต่อไกลโฟเสทอยู่ระหว่าง ประมาณ 1:3 ประมาณ 1:100 และโดยที่, ขึ้นอยู่กับการเจือจางของสารเข้มข้นกับน้ำเพื่อก่อให้เกิด เป็นสารผสมเจือจาง,การใช้สารผสมเจือจางต่อใบของพืช และการระเหยของน้ำจากสารผสมเจือจาง, มวลสารแอนนิโซโทรพิคถูกก่อให้เกิดบน หรือ ในช้้นไข 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นสารซึ่งอยู่ในรูปของไลโพโซมที่ประกอบ ด้วยสารประกอบจำพวกอัมฟิฟิลิคหรือของผสมของสารประกอบดัง กล่าวที่มีจำพวกไฮโครโฟบิค (hycrophobi c. ไม่ชอบรวมกับน้ำ) อยู่สองจำพวกด้วยกัน, ซึ่งในแต่ละจำพวกนั้นเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนจากประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม; โดยที่สารประกอบอัมฟิฟิลิคหรือของผสมของสารประกอบ ดังกล่าวที่มีจำพวกไฮโครโฟบิคอยู่สองจำพวกดังกล่าวนั้น ประกอบกันเป็นจากประมาณ 40 ถึง 100% โดยน้ำหนักของสาร ประกอบอัมฟิฟิลิคทั้งหมดที่มีจำพวกไฮโครโฟบิคอยู่สองจำพวก ดังกล่าวปรากฏอยู่ในสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมดังกล่าว 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 2, โดยที่ สารที่อยู่ในรูป ของไลโพโซมดังกล่าวนั้นจะมีหมู่ที่เป็นหัว (head group1) ซึ่งเป็นไฮโดรฟิลิค (hydrophilic, ชอบรวมกับน้ำ) ซึ่ง ประกอบด้วยหมู่แคทไอออนิค 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 3, โดยที่ หมู่แคทไอออนิค นั้นเป็นหมู่อัมมีน 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกซึ่งประกอบด้วยสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมที่ มีจำพวกไฮโดรโฟบิคซึ่งประกอบด้วยหมู่ไฮโดรคาร์บิลสองหมู่ ที่อิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวที่เป็น R1 และ R2 โดยที่แต่ละ หมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม, โดยที่ สารประกอบที่อยู่ในรูปไลโพโซมดังกล่าวนั้น, ที่ค่าความเป็น กรด/ด่าง (pH) เป็น 4, จะมีสูตรที่เลือกจากหมู่ที่ประกอบ ด้วย : (a) (สูตรเคมี) โดยที่ R3 และ R4 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน,- เป็น หมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็น แอนไอออนที่เหมาะสม; (b) (สูตรเคมี) โดยที่ R5,R6 และ R7 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็น หมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็น แอนไอออนที่เหมาะสม; (c) (สูครเคมี) โดยที่ R5,R6R7 และ Z เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน; และ (d) (สูครเคมี) โดยที่ R5,R6,R7 เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน 6. วิธการของข้อถือสิทธิข้อที่ 5, โดยที่ Z ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด, ไอโอไดต์, ซัลเฟส, ฟอสเฟต และอิซิเทด 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 6, โดยที่ R1และ R2 ซึ่ง อิสระต่อกัน, เป็นหมู่หมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุล ตรง ซึ่งแต่ละหมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 5, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นฟอดโฟไลพิคที่เลือกจากหมู่ ซึ่งประกอบด้วย ได-C8-22 อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลโคลีน และ C8-22 อัลคาโนอิลฟอดฟาทิคิลเอทธานอลามีน 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 8, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นไดพาลมิโทอิล หรือไคสเทีย โรอิล เอสเทอร์ ของฟอสฟาทิคิลโคลีน หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 1 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบคาอเทอแนรี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบดังกล่าวที่มีจำพวก ไฮโดรโฟบิคซึ่งเป็นหมู่อัลคิลหรือฮาโลอัลคิลที่อิ่มตัวที่ มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม 1 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 10, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม; W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH; a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CC, SO หรือ SOz; n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล: และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 1 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 11, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 1 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 11, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่ฟลูออรีนเข้าไป 1 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 11, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 1 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 14, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 1 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 11, โดยที่ T ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์, ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทค 1 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 11, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคอลีที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 1 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 17, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรด์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 1 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารผสมในน้ำดัง กล่าวนั้นยังประกอบด้วยสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองที่มี อย่างน้อยที่สุดกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคหนึ่งกลุ่ม, โดยที่ ถ้าสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองนี้มีกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค หนึ่งหมู่แล้ว, กลุ่มจำพวกไฮโดรโบิคดังกล่าวนั้นจะเป็ฯหมู่ ไฮโดรคาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอน 6 ถึง 22 อะตอม, และโดยที่ ถ้าสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนี้มี ความหลากหลายของกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, แต่ละกล่มหมู่ ไฮโดรโฟบิคดังกล่าวนั้นจะเป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือ ฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนมากกว่า 2 อะตอม, โดยที่ ความหลาก หลายของกลุ่มจำพวกไฮโดร โฟบิคดังกล่าวนั้นจะมีคาร์บอนทั้งหมดประมาณ 12 ถึงประมาณ 40 อะตอม 2 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 19, โดยที่ สารเสริมข่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแน รี่ แฮมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบต่างๆ ดังกล่าว 2 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 20, โดยที่ สารประกอบควอ เทอแนรี่ แอมโมเนียมดังกล่าวนั้นมีสูตร โดยที่ R8 หมายถึง กลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคและเป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือ ฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม; W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระ ต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อยที่สุดตัวใด ตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็น หมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอน ไอออนที่เหมาะสม 2 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 21, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 2 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 21, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่ฟลูออรีนเข้าไป 2 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 21, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 2 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 24, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 2 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 21, โดยที่ T ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอโอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 2 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 21, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 2 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 27, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 2 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 19, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมข่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, R15 เป็นหมู่ C1-5อัลคิล และ A เป็น O หรือ NH 3 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 19, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปชองไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม, R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บอนประมาณ 1 ถึง ประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอมใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึงประมาณ 27: และ A เป็น O หรือ NH 3 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 30, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม; R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 3 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 31, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล เอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 3 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 31, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล เอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 3 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 30, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล ไอโซโพรพิล หรือบิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 3 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 30, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทีล สเทียเรต 3 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดอัลคิลอี เธอร์ หรือของผสมของสารลดแรงตึงผิวดังกล่าวที่มีสูตร (สูตร เคมี) โดยที่ R12 เป็นหมู่อัลคิลที่มีคาร์บอนประมาณ 16 ถึงประมาณ 22 อะตอม, n มีค่าเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณ 10 ถึงประมาณ 100, m มีค่าเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณ 0 ถึงประมาณ 5 และ R12 เป็น ไฮโดรเจน หรือหมู่ C1-4อัลคิล 3 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 36, โดยที่ m มีค่าเป็น 0 และ R18 เป็นไฮโดรเจน 3 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 36, โดยที่ n มีค่าเป็น จากประมาณ 20 ถึงประมาณ 40 3 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 37, โดยที่ R12 เป็น หมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุลตรง 4 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 39, โดยที่ สารลดแรงตึง ผิวชนิดอัลคิลอีเธอร์ดังกล่าวนั้นเป็น เชทิลหรือสเทียริล อีเธอร์ หรือของผสมของสารต่าง ๆดังกล่าว 4 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 36, ซึ่งยังประกอบด้วยสาร เสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองประกอบด้วยสารประกอบ หรือของผสม ของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม; R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอม ใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึประมาณ 27; และ A เป็น O หรือ NH 4 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 41, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม; R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 4 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 42, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล เอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 4 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 42, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล เอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 4 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่42, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิล ไอโซโพรพิล หรือบิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 4 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 42, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทีล สเทียเรต 4 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นมีค่าบรรจุเรียงตัววิกฤติ (critical packing parameter) ที่มากกว่า 1/3 4 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นจะก่อให้เกิดเป็นรูปมวลสารในสารละลายใน น้ำหรือในสารละลายกระจายตัวแขวนลอยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ของสาร ดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นมิเซลล์ (micelle) ชนิดปกติธรรมดา 4 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสชนิดที่ใช้ไปทีใบ พืช 5 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 49, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดแมลงและสิ่งรบกวน, สารกระตุ้นการ สร้างเซลล์สืบพันธุ์ หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช 5 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 50, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืช, สารกำจัดพยาธิตัวกลม/ไส้ เดือน หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช 5 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 51, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจิเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืช 5 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 52, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อะซิตานิลีต, ไบเอ ริคิล, ซโคลเฮาซีโนน, ไดไนโตรอะนิลีน, ไดฟีนิลอีเธอร์, กรด ไขมัน, ไฮดรอกซีเบนโซไนไทรล์, อิมิดาโซลิโนน, ฟีนอกซี, ฟี นอกซีโพรพิโอเนต, ยูเรียที่มีหมู่แทนที่, ซัลโฟนิลยูเรีย, ไธโอคาร์บาเมต,ไดรอาซีน 5 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 52, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อะซิโตคลอร์, อะลา คลอร์, เมโตลาคลอร์, อะมิโนไตรอาโซ, อะซูลัม, เบนตาซอน, ใบ อาลาฟอส, ไดควาท, พาราควาท, โบรมาซิล, คลีโซดิม, เซธอก ซีคิม, ไดแคมบา, ไดฟลูฟีนิแคน, ไดไนโตรอะนิลีน, อะซิฟลู ออร์เฟน, โฟเมซาเฟน, ออกซีฟลูออร์เฟน กรดไขมัน C9-10 โฟซา มีน, ฟลูโพแซม, กลูโฟซิเนต, ไกลโฟเสท, โบรโมซินิล, อิมา ซาควิน, อิมาเซทาฟิร์, ไอโซซาเบน, นอร์ฟลูราซอน, 2,4-D, ได โคลฟอพ, ฟลูอาซิฟอพ, ควิชาโลฟอพ, ไพโคลแรม, โพรพานิล, ฟลู โอเมทูรอน, ไอโซโพรทูรอน, คลอริมูรอน, คลอซัลฟูรอน, ฮาโลซัลฟูรอน, เมทซัลฟลูรอน, พริมิซัลฟลูรอน, ซัลโฟเมทู รอน, ซัล โฟซัลฟูรอน, ไตรอัลเลท, อะทราซีน, เมทริบูซิน, ไตรคลอพิร์ และอนุพันธ์ซึ่งกำจัดวัชพืชของสารต่าง ๆดังลกล่าว 5 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 54, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นเป็นไกลโฟเสท หรืออนุพันธ์ซึ่งกำจัดวัชพืชของสารดัง กล่าว 5 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 55, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นเป็นไกลโฟเสทที่อยู่ในรูปของกรดของมัน 5 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 51, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นละลายได้ในน้ำ 5 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 57, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นเกลือที่มีส่วนที่เป็นแอนไอออนและส่วนที่ เป็นแคทไอออน 5 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 58, โดยที่ อย่างน้อยที่ สุดหนึ่งส่วนของส่วนที่เป็นแอนไอออนและแคทไอออนดังกล่าว นั้นว่งไวทางชีวภาพและมีน้ำหนักโมเลกุลประมาณน้อยกว่า 300 6 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 57, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็น พาราควาท หรือไดควาท 6 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 59, โดยที่เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทางชีวภาพอย่างเป็น ระบบในพืช 6 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 61, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นมีหมู่ฟังค์ชั่นนอลหนึ่งหมู่หรือมากกว่าที่ เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อัมมีน, อัมมีต คาร์บอกซีเลต, ฟอสฟอเนต และฟอสฟีเนต 6 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 62, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นเกลือของกรด 3,4,4-ไดรฟลูออโร-3-บิวที โนอิค หริอของ N-(3}4}4-ไดรฟลูออโร-1-ออกโซ-3-บิวทีนิล)ไกล ซีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการกำจัดพยาธิตัว กลม/ใส้เดือน 6 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 64, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืชหรือสารประกอบควบคุมการ เจริญเติบโตของพืชที่มีอย่างน้อยที่สุดหนึ่งหมู่ของแต่ละ หมู่ของหมู่ อัมมีน, คาร์บอกซีเลต และถ้าไม่เป็นหมู่ฟอสฟอ เนตก็จะเป็นหมู่ฟอสฟีเนตที่เป็นหมู่ฟังค์ชั่นนอล 6 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 64, โดยที่สารกำจัดวัชพืช หรือสารประกอบควบคุมการเจริญเติบโตของพืชนั้นเป็นเกลือขอ งกลูดโฟซิเนต 6 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 65, โดยที่ เกลือของกลูโฟ ซิเนตนั้นเป็นเกลือแอมโมเนียม 6 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 64, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชหรือสารประกอบควบคุมการเจริญเติบโตของพืชนั้นเป็นเกลือ ของ N-ฟอสฟอโนเมทธิลไกลซัน 6 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 67, โดยที่ เกลือของ N-ฟอสฟอโนเมทธิลไกลซีนนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย เกลือโซเดียม, โพแตสเซียม, แอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 ไตร- และเททรา-C1-4-อัลคิลแอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 และ ไตร-C1-4-อัลคานอลแอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 และ ไตรC1-4-อัลคิลซัลโฟเนียม และซัลฟอกโซเนียม 6 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 68, โดยที่ เกลือของ N-ฟอสฟอโนเมทซิลไกลซีนนั้นเป็นเกลือแอมโมเนียม, โมโนไอโซ โพรพิลแอมโมเนียม หรือไตรเมทธิลซัลโฟเนียม 7 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ นั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 20 นาโนเมตร 7 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ นั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 30 นาโนเมตร 7 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 41, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ นั้นเป็นอีมัลชั่น (emulsion) ที่ประกอบด้วยเฟส (phase, สถานะ) ที่เป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วยสารเสริมช้วยขึ้นรูปตัว ที่สอง 7 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 72, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิดหลาย ๆ เฟสที่เป็น น้ำ-ใน-น้ำ มัน-ใน-น้ำ 7 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 72, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำมัน-ใน-น้ำ 7 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ บนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชจะก่อให้เกิดหรือขยายให้ ใหญ่ขึ้นซึ่งช่องไฮโดรฟิลิคที่ผ่านไขด้านผิวนอกของเปลือก พืช, โดยที่ช่องไฮโดรฟิลิคเหล่านี้นั้นมีความสามารถในการ ลำเลียงส่งเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเข้าไปในพืชได้อย่างรวด เร็วมากกว่า หรือได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าชั้นไขด้านผิวนอก ที่ขาดแคลนซึ่งการก่อให้กิดหรือการขยายให้ใหญ่ขึ้นของช่อง ไฮโดรฟิลิตดังกล่าว 7 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ สารผสมได้อยู่ ในรูปของไมโครโดเมน (microdomain, ขอบเขตขนาดเล็กจิ๋ว) ชนิดน้ำในหรือบนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืช, ซึ่งสาร เสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวในไมโครโดเมนชนิดน้ำนั้นได้ ปรากฏอยู่เป็นโครงสร้างชนิดสองชั้น (bllayer) หรือชั้นบาง หลาย ๆ ชั้น (multilamellar) 7 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 1, โดยที่ ขั้นตอน (b) จะ เกิดขึ้นอย่างพร้อม ๆ กันกับขั้นตอน (a) 7 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 77, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นได้ประกอบอยู่ในสารผสมชนิดน้ำดังกล่าว 7 9. สารผสมชนิดน้ำสำหรับใช้กับพืชในการเชื่อมโยงกับการใช้ เคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสให้กับพืช, ซึ่งประกอบด้วย : (a) สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นชนิดอัมฟิฟีลิค, และ (b) สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองที่มีอย่างน้อยที่สุด กลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลบิคหนึ่งกลุ่ม, โดยที่ ถ้าสารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองนี้มีกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคหนึ่งหมู่แล้ว, กลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลบิคดังกล่าวนั้นจะเป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิล หรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอน 6 ถึง 22 อะตอม, และโดยที่ ถ้า สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนี้มีความหลากหลายของ กลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, แต่ละกลุ่มไฮโดรโฟบิคดังกล่าวนั้นจะ เป็นหมู่ไฮโรคาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนมากกว่า 2 อะตอม, โดยที่ คามหลากหลายของกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคดังกล่าว นั้นจะมีคาร์บอนทั้งหมดประมาณ 12 ถึงประมาณ 40 อะตอม; โดยที่ สัดส่วนน้ำหนักต่อน้ำหนักของสารเสริมช่วยขึ้นรูป ตัวแรกดังกล่าวนั้นต่อเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเป็นระหว่าง ประมาณ 1 : 3 ถึงประมาณ 1 : 100; ซึ่งสารผสมชนิดน้ำดัง กล่าวนั้นจะก่อให้เกิดเป็นมวลสารแอนนิโซโทรพิค (anisotropic) อยู่ในหรือบนชั้นไข 8 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นสารซึ่งอยู่ในรูปของไลโพโซมที่ประกอบ ด้วยสารประกอบจำพวกอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสารประกอบดัง กล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิค (hydrophobic, ไม่ช่องรวมกับ น้ำ) อยู่สองจำพวกด้วยกัน, ซึ่งในแต่ละจำพวกนั้นเป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนจากประมาร 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม; โดยที่สารประกอบอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสาร ประกอบดังกล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิคลอยู่สองจำพวกดังกล่าว นั้นประกอบกันเป็นจากประมาณ 40 ถึง 100% โดยน้ำหนักของสาร ประกอบอัมฟิฟีลิคทั้งหมดที่มีจำพวกไฮโดรโฟลบิคอยู่สองจำพวก ดังกล่าวปรากฏอยู่ในสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมดังกล่าว 8 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 80, โดยที่ สารที่อยู่ใน รูปของไลโพโซมดังกล่าวนั้นจะมีหมู่ที่เป็นหัว (head group) ซึ่งเป็นไฮโดรฟิลิค (hydrophilic, ชอบรวมกับน้ำ) ซึ่ง ประกอบด้วยหมู่แคทไอออนิค 8 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 81, โดยที่ หมู่แคทไอออนิค นั้นเป็นหมู่อัมมีน 8 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกซึ่งประกอบด้วยสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมที่ มีจำพวกไฮโดรโฟบิคซึ่งประกอบด้วยหมู่ไฮโดรคาร์บิลสองหมู่ ที่อิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวที่เป็น R1 และ R2 โดยที่แต่ละ หมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม, โดยที่ สารประกอบที่อยู่ในรูปไลโพโซมดังกล่าวนั้น, ที่ค่าความเป็น กรด/ด่าง (pH) เป็น 4, จะมีสูตรที่เลือกจากหมู่ที่ประกอบ ด้วย : (a) (สูตรเคมี) โดยที่ R3 และ R4 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็นแอน ไอออนที่เหมาะสม: (b) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็น หมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็น แอนไอออนที่เหมาะสม (c) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6, R7 และ Z เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน และ (d) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน 8 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 83, โดยที่ Z ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 8 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 84, โดยที่ R1 และ R2 ซึ่ง อิสระต่อกัน, เป็นหมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุลตรง ซึ่งแต่ละหมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม 8 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 83, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นฟอสโฟไลพิคที่เลือกจากหมู่ ซึ่งประกอบด้วย ได-c8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลโคลีน และ C8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลเอทธานอลามีน 8 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 86, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นไดพาลมิโทอิลหรือไดสเทีย ไรอิล เอสเทอร์ ของฟอสฟาทิคิลโคลีน หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 8 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแนรี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบดังกล่าวที่มีจำพวก ไฮโดรโฟบิคซึ่งเป็นหมู่อัลิคลหรือฮาโลอัลคิลที่อิ่มตัวที่ มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม 8 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 88, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 9 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 89, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 9 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 89, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่ฟลูออรีนเข้าไป 9 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 89, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 9 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 92, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 9 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 89, โดยที่ T ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอโอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 9 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 89, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 9 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 95, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 9 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวมีความหลากหลายของกลุ่มจำพวก ไฮโดรโฟบิค, แต่ละกลุ่มหมู่ไฮโดรโฟลบิคดังกล่าวนั้นจะเป็น หมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนมากกว่า 2 อะตอม, โดยที่ ความหลากหลายของกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคดัง กล่าวนั้นจะมีคาร์บอนทั้งหมดประมาณ 12 ถึงประมาณ 40 อะตอม 9 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแน รี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบต่าง ๆ ดังกล่าว 9 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 98, โดยที่ สารประกอบควอ เทอแนรี่ แอมโมเนียมดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 10 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 99, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 10 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 99, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่ฟลูออรีนเข้าไป 10 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 99, โดยที่ R8 ได้ถูกเติม หมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 10 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 102, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 10 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 99, โดยที่ T ได้เลือกจาก หมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอโอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 10 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 99, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 10 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 105, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 10 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, R15 เป็นหมู่ C1-8อัลคิล และ A เป็น O หรือ NH 10 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม; R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอม ใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึประมาณ 27; และ A เป็น O หรือ NH 10 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 108, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 11 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 109, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลิคลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 11 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 108, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันที่อิ่มตัวชนิด C12-18 11 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 108, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น โพรพิล, ไอโซโพรพิล หรือ บิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 11 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 108, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทิลสเทียเรต 11 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดอัลิคลอี เธอร์ หรือของผสมของสารลดแรงตึงผิวดังกล่าวที่มีสูตร (สูตร เคมี) โดยที่ R12 เป็นหมู่อัลคิลที่มีคาร์บอนประมาณ 16 ถึงประมาณ 22 อะตอม, n มีค่าเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณ 10 ถึงประมาณ 100, m มีค่าเป็นจำพวกเฉลี่ยประมาณ 0 ถึงประมาณ 5 และ R13 เป็น ไฮโดรเจน หรือหมู่ C1-4อัลคิล 11 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 114, โดยที่ m มีค่าเป็น 0 และ R13 เป็นไฮโดรเจน 11 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 114, โดยที่ n มีค่าเป็น จากประมาณ 20 ถึงประมาณ 40 11 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 115, โดยที่ R12 เป็น หมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุลตรง 11 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 117, โดยที่ สารลดแรงตึง ผิวชนิดอัลคิลอีเธอร์ดังกล่าวนั้นเป็น เซทิลหรือสเทียริล อีเธอร์ หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 11 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 114, ซึ่งยังประกอบด้วย สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองที่ประกอบด้วยสารประกอบ หรือ ของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม; R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอม ใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึประมาณ 27; และ A เป็น O หรือ NH 12 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 119, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 12 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 120, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลิคลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 12 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 120, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันที่อิ่มตัวชนิด C12-18 12 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 120, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น โพรพิล, ไอโซโพรพิล หรือ บิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 12 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 120, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทิลสเทียเรต 12 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นมีค่าบรรจุเรียงตัววิกฤติ (critical packing parameter) ที่มากกว่า 1/3 12 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นจะก่อให้เกิดเป็นรูปมวลสารในสารละลายใน น้ำหรือในสารละลายกระจายตัวแขวนลอยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ของสาร ดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นมิเซลล์ (micelle) ชนิดปกติธรรมดา 12 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นเป็นเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสชนิดที่ใช้ไปที่ใบ พืช 12 8.สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ นั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 20 นาโนเมตร 12 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ นั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 30 นาโนเมตร 13 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 119, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำนั้นเป็นอีมัลชั่น (emulsion) ที่ประกอบด้วยเฟส (phase, สถานะ) ที่เป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วยสารเสริมช้วยขึ้นรูปตัว ที่สอง 13 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 130, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิดหลาย ๆ เฟสที่เป็น น้ำ-ใน-น้ำ มัน-ใน-น้ำ 13 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 130, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำมัน-ใน-น้ำ 13 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารผสมชนิดน้ำ บนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชจะก่อให้เกิดหรือขยายให้ ใหญ่ขึ้นซึ่งช่องไฮโดรฟิลิคที่ผ่านไขด้านผิวนอกของเปลือก พืช, โดยที่ช่องไฮโดรฟิลิคเหล่านี้นั้นมีความสามารถในการ ลำเลียงส่งเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเข้าไปในพืชได้อย่างรวด เร็วมากกว่า หรือได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าชั้นไขด้านผิวนอก ที่ขาดแคลนซึ่งการก่อให้กิดหรือการขยายให้ใหญ่ขึ้นของช่อง ไฮโดรฟิลิตดังกล่าว 13 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 79, โดยที่ สารผสมได้อยู่ ในรูปของไมโครโดเมน (microdomain, ขอบเขตขนาดเล็กจิ๋ว) ชนิดน้ำในหรือบนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืช, ซึ่งสาร เสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวในไมโครโดเมนชนิดน้ำนั้นได้ ปรากฏอยู่เป็นโครงสร้างชนิดสองชั้น (bllayer) หรือชั้นบาง หลาย ๆ ชั้น (multilamellar) 13 5. สารผสมใช้การบำบัดพืชซึ่งประกอบด้วย (a) เคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียส และ (b) สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นชนิดอัมฟิฟีลิค; โดยที่ สัดส่วนน้ำหนักต่อน้ำหนักของสารเสริมช่วยขึ้นรูป ตัวแรกดังกล่าวนั้นต่อเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเป็นระหว่าง ประมาณ 1 : 3 ถึงประมาณ 1 : 100; ซึ่งสารผสมชนิดน้ำดัง กล่าวนั้นจะก่อให้เกิดเป็นมวลสารแอนนิโซโทรพิค (anisotropic) อยู่ในหรือบนชั้นไข 13 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, ซึ่งยังประกอบด้วย น้ำในปริมาณที่ให้ประสิทธิผลเพื่อทำให้สารผสมนั้นเป็นสาร ผสมชนิดน้ำซึ่งเจือจางที่พร้อมสำหรับในการใช้ไปให้กับใบพืช 13 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารผสมเข้มข้นที่เสถียรตามอายุใช้งานซึ่งประกอบด้วยสาร เคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียนในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาณ 90% โดยน้ำหนัก 13 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 137, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารผสมของแข็งซึ่งประกอบด้วยสารเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียส ในปริมาณประมาณ 30 ถึงประมาณ 90% โดยน้ำหนัก 13 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 138, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นตำรับสูตรเม็ดกลมเล็กที่ละลายในน้ำ หรือกระจายตัวแขวน ลอยในน้ำ 14 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 137, ซึ่งยังประกอบด้วย ตัวทำเจือจางชนิดของเหลว, โดยที่ สารผสมนั้นประกอบด้วยสาร เคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาณ 60% โดยน้ำหนัก 14 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 140, โดยที่ สารเคมีภัณฑ์ เอ็กโซจิเนียสนั้นละลายได้ในน้ำและมีอยู่ในเฟสที่เป็นน้ำ ของสารผสมในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาณ 45% โดยน้ำหนักของ สารผสม 14 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 141, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารละลายชนิดน้ำที่เข้มข้น 14 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 141, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นที่มีเฟสที่เป็นน้ำมัน 14 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 143, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำมัน-ใน-น้ำ 14 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 143, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำ-ใน-น้ำมัน 14 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 143, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นหลายเฟสชนิด น้ำ-ใน-น้ำมัน-ใน-น้ำ 14 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 141, ซึ่งยังประกอบด้วย อนุภาคสารแขวนลอยที่เป็นของแข็งชนิดอนินทรีย์ 14 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 138, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramolecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 20 นาโนเมตร 14 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 136, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำนั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 30 นาโนเมตร 15 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำที่มีน้ำอยู่บนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อ ให้เกิดหรอืขยายให้ใหญ่ขึ้นซึ่งช่องไฮโดรฟีลิคที่ผ่านไข ด้านผิวนอกของเปลือกพืช, โดยที่ช่องไฮโดรฟีลิคเหล่านี้นั้น มีความสามารถในการลำเลียงส่งเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสเข้าไป ในพืชได้อย่างรวดเร็วมากกว่า หรือได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า ชั้นไขด้านผิวนอกที่ขาดแคลนซึ่งการก่อให้เกิดหรือการขยาย ให้ใหญ่ขึ้นของช่องไฮโรฟีลิคดังกล่าว 15 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมที่มี น้ำอยู่ในหรือบนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อให้ เกิดเป็นไมโครโตเมน (microdemain, ขอบเขตขนาดเล็กจิ๋ว) ชนิดน้ำ, ซึ่งสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวไนไมโครโตเ มนชนิดน้ำนั้นได้ปรากฏอยู่เป็นโครงสร้างชนิดสองชั้น (bilayer) หรือชั้นบางหลาย ๆ ชั้น (multilamellar) 15 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นสารซึ่งอยู่ในรูปของไลโพโซมที่ประกอบ ด้วยสารประกอบจำพวกอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสารประกอบดัง กล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิค (hydrophobic, ไม่ช่องรวมกับ น้ำ) อยู่สองจำพวกด้วยกัน, ซึ่งในแต่ละจำพวกนั้นเป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนจากประมาร 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม; โดยที่สารประกอบอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสาร ประกอบดังกล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิคลอยู่สองจำพวกดังกล่าว นั้นประกอบกันเป็นจากประมาณ 40 ถึง 100% โดยน้ำหนักของสาร ประกอบอัมฟิฟีลิคทั้งหมดที่มีจำพวกไฮโดรโฟลบิคอยู่สองจำพวก ดังกล่าวปรากฏอยู่ในสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมดังกล่าว 15 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 152, โดยที่ สารที่อยู่ใน รูปของไลโพโซมดังกล่าวนั้นจะมีหมู่ที่เป็นหัว (head group) ซึ่งเป็นไฮโดรฟิลิค (hydrophilic, ชอบรวมกับน้ำ) ซึ่ง ประกอบด้วยหมู่แคทไอออนิค 15 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 153, โดยที่ หมู่แคทไอออ นิคนั้นเป็นหมู่อัมมีน 15 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกซึ่งประกอบด้วยสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมที่ มีจำพวกไฮโดรโฟบิคซึ่งประกอบด้วยหมู่ไฮโดรคาร์บิลสองหมู่ ที่อิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวที่เป็น R1 และ R2 โดยที่แต่ละ หมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม, โดยที่ สารประกอบที่อยู่ในรูปไลโพโซมดังกล่าวนั้น, ที่ค่าความเป็น กรด/ด่าง (pH) เป็น 4, จะมีสูตรที่เลือกจากหมู่ที่ประกอบ ด้วย : (a) (สูตรเคมี) โดยที่ R3 และ R4 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็นแอน ไอออนที่เหมาะสม: (b) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็น หมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็น แอนไอออนที่เหมาะสม (c) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6, R7 และ Z เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน และ (d) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน 15 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ Z ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 15 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 156, โดยที่ R1 และ R2 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุล ตรง ซึ่งแต่ละหมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม 15 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 155, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นฟอสโฟไลพิคที่เลือกจากหมู่ ซึ่งประกอบด้วย ได-C8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลโคลีน และ C8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลเอทธานอลามีน 15 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 158, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นไดพาลมิโทอิลหรือไดสเทีย ไรอิล เอสเทอร์ ของฟอสฟาทิคิลโคลีน หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 16 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแนรี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบดังกล่าวที่มีจำพวก ไฮโดรโฟบิคซึ่งเป็นหมู่อัลิคลหรือฮาโลอัลคิลที่อิ่มตัวที่ มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม 16 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 160, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 16 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 161, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 16 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 161, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่ฟลูออรีนเข้าไป 16 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 161, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 16 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 164, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 16 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 161, โดยที่ T ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 16 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 161, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 16 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 167, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 16 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวมีความหลากหลายของกลุ่มจำพวก ไฮโดรโฟบิค, แต่ละกลุ่มหมู่ไฮโดรโฟลบิคดังกล่าวนั้นจะเป็น หมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนมากกว่า 2 อะตอม, โดยที่ ความหลากหลายของกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคดัง กล่าวนั้นจะมีคาร์บอนทั้งหมดประมาณ 12 ถึงประมาณ 40 อะตอม 17 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 169, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแน รี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบต่าง ๆ ดังกล่าว 17 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 170, โดยที่ สารประกอบควอ เทอแนรี่ แอมโมเนียมดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 17 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 171, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 17 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 171, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่ฟลูออรีนเข้าไป 17 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 171, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 17 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 174, โดยที่ R8 มีคาร์บอน ประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 17 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 171, โดยที่ T ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 17 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 171, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 17 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 177, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 17 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 169, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, R15 เป็นหมู่ C1-8อัลคิล และ A เป็น O หรือ NH 18 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 169, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม และสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม; R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอม ใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึประมาณ 27; และ A เป็น O หรือ NH 18 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 180, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 18 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 181, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันที่อิ่มตัวชนิด C12-18 18 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 180, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น โพรพิล, ไอโซโพรพิล หรือ บิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 18 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 180, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น โพรพิล, ไอโซโพรพิล หรือ บิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 18 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 180, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทิลสเทียเรต 18 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 180, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดอัลิคลอี เธอร์ หรือของผสมของสารลดแรงตึงผิวดังกล่าวที่มีสูตร (สูตร เคมี) โดยที่ R12 เป็นหมู่อัลคิลที่มีคาร์บอนประมาณ 16 ถึงประมาณ 22 อะตอม, n มีค่าเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณ 10 ถึงประมาณ 100, m มีค่าเป็นจำพวกเฉลี่ยประมาณ 0 ถึงประมาณ 5 และ R13 เป็น ไฮโดรเจน หรือหมู่ C1-4อัลคิล 18 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 186, โดยที่ m มีค่าเป็น 0 และ R13 เป็นไฮโดรเจน 18 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 186, โดยที่ n มีค่าเป็น จากประมาณ 20 ถึงประมาณ 40 18 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 187, โดยที่ R12 เป็น หมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุลตรง 19 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 189, โดยที่ สารลดแรงตึง ผิวชนิดอัลคิลอีเธอร์ดังกล่าวนั้นเป็น เซทิลหรือสเทียริล อีเธอร์ หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 19 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 186, ซึ่งยังประกอบด้วย สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองที่ประกอบด้วยสารประกอบ หรือ ของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอนประมาณ 5 ถึง ประมาณ 21 อะตอม; R15 เป็นหมู่ไฮโดรคาร์บิลที่มีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 14 อะตอม; จำนวนทั้งหมดของคาร์บอนอะตอม ใน R14 และ R15 เป็นประมาณ 11 ถึประมาณ 27; และ A เป็น O หรือ NH 19 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 191, โดยที่ R14 จะมี คาร์บอนประมาณ 11 ถึงประมาณ 21 อะตอม R15 จะมีคาร์บอน ประมาณ 1 ถึงประมาณ 6 อะตอม; และ A เป็น O 19 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 192, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลิคลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันชนิด C12-18 19 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 192, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น C1-4อัลคิลเอสเทอร์ ของ กรดไขมันที่อิ่มตัวชนิด C12-18 19 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 192, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น โพรพิล, ไอโซโพรพิล หรือ บิวทิล เอสเทอร์ ของกรดไขมันชนิด C12-18 19 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 192, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็น บิวทิลสเทียเรต 19 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นมีค่าบรรจุเรียงตัววิกฤติ (critical packing parameter) ที่มากกว่า 1/3 19 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวแรกนั้นจะก่อให้เกิดเป็นรูปมวลสารในสารละลายใน น้ำหรือในสารละลายกระจายตัวแขวนลอยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ของสาร ดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นมิเซลล์ (micelle) ชนิดปกติธรรมดา 19 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสชนิดที่ใช้ไป ที่ใบพืช 20 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 199, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดแมลงและสิ่งรบกวน, สาร กระตุ้นการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ หรือสารควบคุมการเจริญเติบ โตของพืช 20 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 200, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืช, สารกำจัดพยาธิตัว กลม/ไส้เดือน หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช 20 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 201, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืช 20 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 202, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อะชิตานีลีค, ไบเพ อริดิล, ไซดโคลเฮกซีโนน, ไดไนโตรอะนิลีน, ไดฟีนิลอีเธอร์, กรดไขมัน, ไฮดรอกซีเบนโซไนไทรล์, อิมิดาโซลิโนน, ฟีนอกซี, ฟีนอกซีโพรพิโอเนต, ยูเรียที่มีหมู่แทนที่, ซัลโฟนิลยู เรีย, ไธโอคาร์บาเมต,ไดรอาซีน 20 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 202, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อะซิโตคลอร์, อะลา คลอร์, เมโตลาคลอร์, อะมิโนไตรอาโซ, อะซูลัม, เบนตาซอน, ใบ อาลาฟอส, ไดควาท, พาราควาท, โบรมาซิล, คลีโซดิม, เซธอก ซีคิม, ไดแคมบา, ไดฟลูฟีนิแคน, ไดไนโตรอะนิลีน, อะซิฟลู ออร์เฟน, โฟเมซาเฟน, ออกซีฟลูออร์เฟน กรดไขมัน C9-10 โฟซา มีน, ฟลูโพแซม, กลูโฟซิเนต, ไกลโฟเสท, โบรโมซินิล, อิมา ซาควิน, อิมาเซทาฟิร์, ไอโซซาเบน, นอร์ฟลูราซอน, 2,4-D, ได โคลฟอพ, ฟลูอาซิฟอพ, ควิชาโลฟอพ, ไพโคลแรม, โพรพานิล, ฟลู โอเมทูรอน, ไอโซโพรทูรอน, คลอริมูรอน, คลอซัลฟูรอน, ฮาโลซัลฟูรอน, เมทซัลฟลูรอน, พริมิซัลฟลูรอน, ซัลโฟเมทู รอน, ซัล โฟซัลฟูรอน, ไตรอัลเลท, อะทราซีน, เมทริบูซิน, ไตรคลอพิร์ และอนุพันธ์ซึ่งกำจัดวัชพืชของสารต่าง ๆดังกล่าว 20 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 204, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นเป็นไกลโฟเสท หรืออนุพันธ์ซึ่งกำจัดวัชพืชของสารดัง กล่าว 20 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 205, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชนั้นเป็นไกลโฟเสทที่อยู่ในรูปของกรดของมัน 20 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 201, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นละลายได้ในน้ำ 20 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 207, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นเกลือที่มีส่วนที่เป็นแอนไอออนและ ส่วนที่เป็นแคทไอออน 20 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 208, โดยที่ อย่างน้อยที่ สุดหนึ่งส่วนของส่วนที่เป็นแอนไอออนและแคทไอออนดังกล่าว นั้นว่งไวทางชีวภาพและมีน้ำหนักโมเลกุลประมาณน้อยกว่า 300 21 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 209, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็น พาราควาท หรือไดควาท 21 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 209, โดยที่เคมีภัณฑ์เอ็ก โซจีเนียสนั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทางชีวภาพอย่างเป็น ระบบในพืช 21 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 211, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นมีหมู่ฟังค์ชั่นนอลหนึ่งหมู่หรือมากกว่า ที่เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อัมมีน, อัมมีต คาร์บอกซี เลต, ฟอสฟอเนต และฟอสฟีเนต 21 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 212, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นเกลือของกรด 3,4,4-ไดรฟลูออโร-3-บิว ทีโนอิค หริอของ N-(3}4}4-ไดรฟลูออโร-1-ออกโซ-3-บิวที นิล)ไกลซีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการกำจัดพยาธิ ตัวกลม/ใส้เดือน 21 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 212, โดยที่ เคมีภัณฑ์ เอ็กโซจีเนียสนั้นเป็นสารกำจัดวัชพืชหรือสารประกอบควบคุม การเจริญเติบโตของพืชที่มีอย่างน้อยที่สุดหนึ่งหมู่ของแต่ ละหมู่ของหมู่ อัมมีน, คาร์บอกซีเลต และถ้าไม่เป็น หมู่ฟอสฟอเนตก็จะเป็นหมู่ฟอสฟีเนตที่เป็นหมู่ฟังค์ชั่นนอล 21 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 214, โดยที่สารกำจัดวัช พืชหรือสารประกอบควบคุมการเจริญเติบโตของพืชนั้นเป็นเกลือ ของกลูดโฟซิเนต 21 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 215, โดยที่ เกลือขอ งกลูโฟซิเนตนั้นเป็นเกลือแอมโมเนียม 21 7. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 214, โดยที่ สารกำจัดวัช พืชหรือสารประกอบควบคุมการเจริญเติบโตของพืชนั้นเป็นเกลือ ของ N-ฟอสฟอโนเมทธิลไกลซัน 21 8. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 217, โดยที่ เกลือของ N-ฟอสฟอโนเมทธิลไกลซีนนั้นได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย เกลือโซเดียม, โพแตสเซียม, แอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 ไตร- และเททรา-C1-4-อัลคิลแอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 และ ไตร-C1-4-อัลคานอลแอมโมเนียม; โมโน-1 ได-1 และ ไตรC1-4-อัลคิลซัลโฟเนียม และซัลฟอกโซเนียม 21 9. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 218, โดยที่ เกลือของ N-ฟอสฟอโนเมทซิลไกลซีนนั้นเป็นเกลือแอมโมเนียม, โมโนไอโซ โพรพิลแอมโมเนียม หรือไตรเมทธิลซัลโฟเนียม 22 0. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำนั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 20 นาโนเมตร 22 1. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำนั้นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramclecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 30 นาโนเมตร 22 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 191, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำนั้นเป็นอีมัลชั่น (emulsion) ที่ประกอบด้วยเฟส (phase, สถานะ) ที่เป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วยสารเสริมช้วยขึ้นรูปตัว ที่สอง 22 3. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 222, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิดหลาย ๆ เฟสที่เป็น น้ำ-ใน-น้ำ มัน-ใน-น้ำ 22 4. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 222, โดยที่ อีมัลชั่นดัง กล่าวนั้นเป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำมัน-ใน-น้ำ 22 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำที่มีน้ำอยู่บนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อ ให้เกิดหรอืขยายให้ใหญ่ขึ้นซึ่งช่องไฮโดรฟีลิคที่ผ่านไข ด้านผิวนอกของเปลือกพืช, โดยที่ช่องไฮโดรฟีลิคเหล่านี้นั้น มีความสามารถในการลำเลียงส่งเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสเข้าไป ในพืชได้อย่างรวดเร็วมากกว่า หรือได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า ชั้นไขด้านผิวนอกที่ขาดแคลนซึ่งการก่อให้เกิดหรือการขยาย ให้ใหญ่ขึ้นของช่องไฮโรฟีลิคดังกล่าว 22 6. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อที่ 135, โดยที่ สารผสมที่มี น้ำอยู่ในหรือบนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อให้ เกิดเป็นไมโครโตเมน (microdemain, ขอบเขตขนาดเล็กจิ๋ว) ชนิดน้ำ, ซึ่งสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวไนไมโครโตเ มนชนิดน้ำนั้นได้ปรากฏอยู่เป็นโครงสร้างชนิดสองชั้น (bilayer) หรือชั้นบางหลาย ๆ ชั้น (multilamellar) 22 7. วิธีการบำบัดพืช, ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนของการสัมผัส ใบพืชด้วยปริมาณที่ให้ประสิทธิผลทางชีวภาพของสารผสมชนิดน้ำ ซึ่งประกอบด้วย : (a) เคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียส และ (b) สารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นชนิดอัมฟิฟีลิค (amphiphilic) โดยที่ สัดส่วนน้ำหนักต่อน้ำหนักของสารเสริมช่วยขึ้นรูป ตัวแรกดังกล่าวนั้นต่อเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียสเป็นระหว่าง ประมาณ 1 : 3 ถึงประมาณ 1 : 100; ซึ่งสารผสมชนิดน้ำดัง กล่าวนั้นจะก่อให้เกิดเป็นมวลสารแอนนิโซโทรพิค (anisotropic) อยู่ในหรือบนชั้นไข 22 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, ซึ่งยังประกอบด้วย น้ำในปริมาณที่ให้ประสิทธิผลเพื่อทำให้สารผสมนั้นเป็นสาร ผสมชนิดน้ำซึ่งเจือจางที่พร้อมสำหรับในการใช้ไปให้กับใบพืช 22 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารผสมเข้มข้นที่เสถียรภาพตามอายุใช้งานซึ่งประกอบด้วย สารเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาณ 90% โดยน้ำหนัก 23 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 229, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารผสมของแข็งซึ่งประกอบด้วยสารเคมีภัณฑ์เอ็กโซจีเนียส ในปริมาณประมาณ 30 ถึงประมาณ 90% โดยน้ำหนัก 23 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 230, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นตำรับสูตรเม็ดกลมเล็กที่ละลายในน้ำ หรือกระจายตัวแขวน ลอยในน้ำ 23 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 229, ซึ่งยังประกอบด้วย ตัวทำเจือจางชนิดของเหลว, โดยที่ สารผสมนั้นประกอบด้วยสาร เคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาณ 60% โดยน้ำหนัก 23 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 232, โดยที่ สารเคมี ภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสนั้นละลายได้ในน้ำและมีอยู่ในเฟสที่เป็น น้ำของสารผสมในปริมาณประมาณ 15 ถึงประมาร 45% โดยน้ำหนัก ของสารผสม 23 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 233, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นสารละลายชนิดน้ำที่เข้มข้น 23 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 233, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นที่มีเฟสที่เป็นน้ำมัน 23 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 235, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำมัน-ใน-น้ำ 23 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 235, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นชนิด น้ำ-ใน-น้ำมัน 23 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 235, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นอีมัลชั่นหลายเฟสชนิด น้ำ-ใน-น้ำมัน-ใน-น้ำ 23 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 233, ซึ่งยังประกอบด้วย อนุภาคสารแขวนลอยที่เป็นของแข็งชนิดอนินทรีย์ 24 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 228, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramolecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 20 นาโนเมตร 24 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 228, โดยที่ สารผสมนั้น เป็นประกอบด้วยมวลสารกลุ่มโมเลกุลที่ซับซ้อน (supramolecule) ของสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งมีเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยอย่างน้อยที่สุด 30 นาโนเมตร 24 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารผสมชนิด น้ำที่มีน้ำอยู่บนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อ ให้เกิดหรอืขยายให้ใหญ่ขึ้นซึ่งช่องไฮโดรฟีลิคที่ผ่านไข ด้านผิวนอกของเปลือกพืช, โดยที่ช่องไฮโดรฟีลิคเหล่านี้นั้น มีความสามารถในการลำเลียงส่งเคมีภัณฑ์เอ็กโซจิเนียสเข้าไป ในพืชได้อย่างรวดเร็วมากกว่า หรือได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า ชั้นไขด้านผิวนอกที่ขาดแคลนซึ่งการก่อให้เกิดหรือการขยาย ให้ใหญ่ขึ้นของช่องไฮโรฟีลิคดังกล่าว 24 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารผสมที่มี น้ำอยู่ในหรือบนชั้นไขด้านผิวเปลือกนอกของพืชนั้นจะก่อให้ เกิดเป็นไมโครโตเมน (microdemain, ขอบเขตขนาดเล็กจิ๋ว) ชนิดน้ำ, ซึ่งสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวไนไมโครโตเ มนชนิดน้ำนั้นได้ปรากฏอยู่เป็นโครงสร้างชนิดสองชั้น (bilayer) หรือชั้นบางหลาย ๆ ชั้น (multilamellar) 24 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกที่เป็นสารซึ่งอยู่ในรูปของไลโพโซมที่ ประกอบด้วยสารประกอบจำพวกอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสารประกอบ ดังกล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิค (hydrophobic, ไม่ช่องรวมกับ น้ำ) อยู่สองจำพวกด้วยกัน, ซึ่งในแต่ละจำพวกนั้นเป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนจากประมาร 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม; โดยที่สารประกอบอัมฟิฟีลิคหรือของผสมของสาร ประกอบดังกล่าวที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิคลอยู่สองจำพวกดังกล่าว นั้นประกอบกันเป็นจากประมาณ 40 ถึง 100% โดยน้ำหนักของสาร ประกอบอัมฟิฟีลิคทั้งหมดที่มีจำพวกไฮโดรโฟลบิคอยู่สองจำพวก ดังกล่าวปรากฏอยู่ในสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซมดังกล่าว 24 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 244, โดยที่ สารที่อยู่ ในรูปของไลโพโซมดังกล่าวนั้นจะมีหมู่ที่เป็นหัว (head group) ซึ่งเป็นไฮโดรฟิลิค (hydrophilic, ชอบรวมกับน้ำ) ซึ่งประกอบด้วยหมู่แคทไอออนิค 24 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 245, โดยที่ หมู่แคทไอออ นิคนั้นเป็นหมู่อัมมีน 24 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกซึ่งประกอบด้วยสารที่อยู่ในรูปของไลโพโซม ที่มีจำพวกไฮโดรโฟบิคซึ่งประกอบด้วยหมู่ไฮโดรคาร์บิลสอง หมู่ที่อิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวที่เป็น R1 และ R2 โดยที่แต่ ละหมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม, โดยที่ สารประกอบที่อยู่ในรูปไลโพโซมดังกล่าวนั้น, ที่ค่าความเป็น กรด/ด่าง (pH) เป็น 4, จะมีสูตรที่เลือกจากหมู่ที่ประกอบ ด้วย : (a) (สูตรเคมี) โดยที่ R3 และ R4 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็นแอน ไอออนที่เหมาะสม: (b) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นไฮโดรเจน, เป็น หมู่ C1-4อัลคิล หรือหมู่ C1-4ไฮดรอกซีอัลคิล และ Z เป็น แอนไอออนที่เหมาะสม (c) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6, R7 และ Z เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน และ (d) (สูตรเคมี) โดยที่ R5, R6 และ R7 เป็นหมู่ดังที่ได้นิยามไว้ข้างบน 24 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 247, โดยที่ Z ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 24 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 248, โดยที่ R1 และ R2 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่อัลคิลที่อิ่มตัวชนิดแขนโมเลกุล ตรง ซึ่งแต่ละหมู่นั้นจะมีคาร์บอนประมาณ 7 ถึงประมาณ 21 อะตอม 25 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 247, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นฟอสโฟไลพิคที่เลือกจาก หมู่ซึ่งประกอบด้วย ได-C8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลโคลีน และ C8-22อัลคาโนอิลฟอสฟาทิคิลเอทธานอลามีน 25 1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 250, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นไดพาลมิโทอิลหรือไดสเทีย ไรอิล เอสเทอร์ ของฟอสฟาทิคิลโคลีน หรือของผสมของสารต่าง ๆ ดังกล่าว 25 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารประกอบควอเทอแนรี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบดังกล่าวที่มีจำพวก ไฮโดรโฟบิคซึ่งเป็นหมู่อัลิคลหรือฮาโลอัลคิลที่อิ่มตัวที่ มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 22 อะตอม 25 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 252, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 25 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 253, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 25 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 253, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่ฟลูออรีนเข้าไป 25 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 253, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 25 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 256, โดยที่ R8 มี คาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 25 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 253, โดยที่ T ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 25 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 253, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 26 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 259, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 26 1.วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 227, โดยที่ สารเสริมช่วย ขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวมีความหลากหลายของกลุ่มจำพวก ไฮโดรโฟบิค, แต่ละกลุ่มหมู่ไฮโดรโฟลบิคดังกล่าวนั้นจะเป็น หมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนมากกว่า 2 อะตอม, โดยที่ ความหลากหลายของกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิคดัง กล่าวนั้นจะมีคาร์บอนทั้งหมดประมาณ 12 ถึงประมาณ 40 อะตอม 26 2. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 261, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพ โซมและสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองนั้นเป็นสารประกอบควอ เทอแนรี่ แอมโมเนียม หรือของผสมของสารประกอบต่าง ๆ ดัง กล่าว 26 3. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 262, โดยที่ สารประกอบค วอเทอแนรี่ แอมโมเนียมดังกล่าวนั้นมีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R8 หมายถึงกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟลิคและเป็นหมู่ไฮโดร คาร์บิลหรือฮาโลอัลคิลที่มีคาร์บอนจากประมาณ 6 ถึงประมาร 22 อะตอม;W และ Y ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็น O หรือ NH: a และ b ซึ่งอิสระต่อกัน, มีค่าเป็น 0 หรือ 1 แต่ทว่าอย่างน้อย ที่สุดตัวใดตัวหนึ่งของ a และ b ดังกล่าวนั้นจะมีค่าเป็น 1: X เป็นหมู่ CO, SO, หรือ SO2: n มีค่าเป็น 2 ถึง 4; R9, R10 และ R11 ซึ่งอิสระต่อกัน, เป็นหมู่ C1-4อัลคิล; และ T เป็นแอนไอออนที่เหมาะสม 26 4. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 263, โดยที่ R8 เป็นหมู่ ไฮโดรคาร์บิลและมีคาร์บอนประมาณ 12 ถึงประมาณ 18 อะตอม 26 5. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 263, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่ฟลูออรีนเข้าไป 26 6. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 263, โดยที่ R8 ได้ถูก เติมหมู่เพอร์ฟลูออรีนเข้าไป 26 7. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 266, โดยที่ R8 มี คาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม 26 8. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 263, โดยที่ T ได้เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์ คลอไรด์, โบรไมด์, ไอ โอไดต์, ซัลเฟต ฟอสเฟต และอะซิเทต 26 9. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 263, โดยที่ R8 เป็นหมู่ เพอฟลูอออัลคิลที่อิ่มตัวที่มีคาร์บอนประมาณ 6 ถึงประมาณ 12 อะตอม; X เป็นหมู่ CO หรือ SO2 Y เป็นหมู่ NH: a มีค่า เป็น 0, b มีค่าเป็น 1, R9, R10 และ R11 เป็นหมู่เมทธีล; และ T ได้เลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยไฮดรอกไซด์, คลอไรด์, โบรไมด์ ไอโอไดต์, ซัลเฟต, ฟอสเฟต และอะซิเทต 27 0. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 269, โดยที่ X เป็นหมู่ SO2 n มีค่าเป็น 3, และ T เป็นหมู่คลอไรต์, โบรไมต์ หรือไอ โอไดต์ 27
1. วิธีการของข้อถือสิทธิข้อที่ 261, โดยที่ สารเสริม ช่วยขึ้นรูปตัวแรกดังกล่าวนั้นเป็นสารที่อยู่ในรูปของไลโพ โซมและสารเสริมช่วยขึ้นรูปตัวที่สองดังกล่าวนั้นเป็นสาร ประกอบ หรือของผสมของสารประกอบที่มีสูตร (สูตรเคมี) โดยที่ R14 เป็นกลุ่มจำพวกไฮโดรโฟบิค, R15 เป็นหมู่ C1-8อัลคิล และ A เป็น O หรือ NH 27
2. พิมพ์ต่อไม่ได้ (ข้อถือสิทธิ 325 ข้อ, 39 หน้า, 0 รูป)
TH9701004284A 1997-10-24 สารผสมและวิธีการสำหรับการบำบัดพืชด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดเอ็กโซจีเนียส TH40694B (th)

Publications (2)

Publication Number Publication Date
TH56139A true TH56139A (th) 2003-04-11
TH40694B TH40694B (th) 2014-07-02

Family

ID=

Similar Documents

Publication Publication Date Title
EP2677866B1 (en) New uses of choline chloride in agrochemical formulations
CA2269725A1 (en) Composition and method for treating plants with exogenous chemicals
NZ253632A (en) Herbicidal compositions; comprise one or more n-phosphonomethylglycine salts and a surfactant
JPH10513478A (ja) エーテルアミン界面活性剤を含有するグリホサート処方物
PL200166B1 (pl) Kompozycja rozpuszczalnego w wodzie adiuwanta dla środka chwastobójczego i zastosowanie kompozycji
US5783692A (en) Alkyl polysaccharide derivatives and compositions
DE69922996T2 (de) Förderung der biologischen effektivität exogener chemischer substanzen in pflanzen
TH56139A (th) สารผสมและวิธีการสำหรับการบำบัดพืชด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดเอ็กโซจีเนียส
BR102012003032A2 (pt) Formulações inseticidas aperfeiçoadas
WO1997023131A1 (en) Herbicidal composition
TH40694B (th) สารผสมและวิธีการสำหรับการบำบัดพืชด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดเอ็กโซจีเนียส
US6329322B1 (en) Hybrid ionic phosphorus surfactant adjuvants for bioactive compositions
WO2010009820A2 (en) Sulphates of polyhydric alcohols, polyols, saccharides and polysaccharides for agricultural applications
EP0991317B1 (en) Process and compositions promoting biological effectiveness of exogenous chemical substances in plants
CA2484928C (en) Phosphonates and derivatives thereof as enhancers of the activity of insecticides
AU2201700A (en) Process and compositions promoting biological effectiveness of exogenous chemical substances in plants
CA2665144A1 (en) Liquid crystal agrochemical formulations
WO2002043492A1 (en) Herbicidal compositions
PL246529B1 (pl) Wodny koncentrat roztworu pestycydu do oprysku i zastosowanie wodnego koncentratu roztworu pestycydu
JP7445661B2 (ja) 農薬組成物
WO2014008562A1 (pt) Composição adjuvante para uso em formulações herbicidas contendo glifosato, uso da composição adjuvante, formulações herbicidas contendo glifosato, e, uso das formulações herbicidas
MXPA00000163A (es) Procedimiento y composiciones que promueven la efectividad biologica de sustancias quimicas exogenas en plan
US5198431A (en) Concentrated aqueous emulsions of neophanes and azaneophanes for use in plant protection
AU758926C (en) Liquid formulation
EP1410713B1 (en) Hybrid ionic phosphorus surfactant adjuvants for bioactive compositions