TH29994B - การยับยั้งการเกิดโพลีเมอร์ของโมโนเมอร์ไม่อิ่มตัว - Google Patents

Abstract

DC60 (25/05/53) ที่ได้เปิดเผยในที่นี้ เป็นวิธีการสำหรับการยับยั้ง การเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้า ของ โมโนเมอร์ไม่อิ่มตัวเชิงเอทธิลีนหรือ เอทธิลินิคอลลีโมโนเมอร์แบบไม่อิ่มตัว ซึ่งประกอบด้วย การเติม ไปที่โมโนเมอร์ดังกล่าว ด้วย ปริมาณที่มีประสิทธิผลของ ส่วนผสมที่ประกอบขึ้นจากอย่างน้อยสองตัว ยับยั้งที่แตกต่างกัน ซึ่งมีสูตรโครงสร้าง (สูตรเคมี) ในสูตรนี้, R1 และ R4 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกันจาก หมู่ที่ประกอบด้วย ไฮโดรเจน, อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม และ R2 และ R3 ถูกคัดเลือกอย่างเป็น อิสระต่อกัน จากหมู่ที่ประกอบด้วย อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม; และ X1 และ X2 (1) ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกัน จากหมู่ที่ประกอบด้วย ฮาโลเจน, ไซยาโน, COOR11 (โดยที่ R11 คือ อัลคิล หรือเอริล), อะมิโด, -SC6H5, -S-COCH3, -OCOC2H5, คาร์โบนิล, อัลคีนิล โดยที่พันธะคู่ ไม่เชื่อมต่อกับไนทรอกไซด์ โมอิตี้, หรือ อัลคิล ที่มี 1 ถึง 15 คาร์บอนอะตอม, หรือ (2) เข้าคู่กัน, ฟอร์มเป็นโครงสร้างวงแหวน ที่มีไนโตรเจน ที่ได้เปิดเผยในที่นี้ เป็นวิธีสำหรับการยับยั้ง การเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้า ของ โมโนเมอร์ไม่อิ่มตัวที่เอทธิลีน หรือ เอทธิลินิคอลลีโมโนเมอร์แบบไม่อิ่มตัว ซึ่งประกอบด้วย การเติมไปที่โมโนเมอร์ดังกล่าว ด้วย ปริมาณที่มีประสิทธิผลของ ส่วนผสมที่ประกอบขึ้นจากอย่างน้อยสองตัวยับยั้งที่แตกต่างกัน ซึ่งมีสูตรโครงสร้าง; (สูตรเคมี) ในสูตรนี้, R1 และ R4 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกันจากหมู่ ที่ประกอบด้วย ไฮโตรเจน,อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม และ R2 และ R3 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกัน จากหมู่ที่ประกอบด้วย อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม; และ X1 และ X2 (1) ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกัน จากหมู่ที่ประกอบด้วย โอโลเจน, ไชยาโน, COOR11 (โดยที่ R11 คือ อัลคิล หรือเอริล), อะมิโด, -SC6H5, -S-COCH3, -OCOC2H5, คาร์โบนิล, อัลคีนิล โดยที่พันธะคู่ไม่เชือมต่อกับไนทรอกไซด์ โมอิตี้, หรือ อัลคิล ที่มี 1 ถึง 15 คาร์บอนอะตอม, หรือ (2) เข้าคู่กัน, ฟอร์มเป็นโครงสร้างวงแหวน ที่มีไนโตรเจน:

Claims (7)

1. วิธีการสำหรับการยับยั้ง การเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้าของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยสไตรีน , -เมทธิลสไตรีน , สไตรีน ซัลโฟนิค แอซิด , ไวนิลโทลูอีน, ไดไวนิลเบนซีน , โพลีไวนิลเบนซีน , อัลคีเลท สไตรีน และ 2 -ไวนิล ไรพิดีนที่ประกอบด้วยการเติมโมโนเมอร์ดังกล่าวในปริมาณที่ยับยั้งการเกิดโพลีเมอร์ของส่วนที่ประกอบด้วย A) ตัวยับยั้งที่หนึ่งที่ประกอบด้วย 4-อะมิโน-2,2,6,6- เตตระเมทธิลพิเพอริดินิลออกซี และ B) ตัวยั้บยั้งอื่นอย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีสูตรโครงสร้าง (สูตรเคมี) โดยที่ R1 และ R4 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย ไฮโดรเจน,อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอรโรอะตอม R2 และ R3 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม; X1 และ X2 (1) ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระคือหมู่อัลคิลที่มี 1 ถึง 15 คาร์บอนอะตอม หรือ )(2) ถูกเข้าคู่กัน ฟอร์มเป็นโครงสร้างวงแหวนที่มีไนโตรเจน 2. วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 1 โดยที่ตัวยับยั้งถูกใช้ในจำนวนตั้งแต่ประมาณ 1 ถึงประมาณ 2000 ppm เมื่อเทียบกับน้ำหนักของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ 3.วิธีการสำหรับการยับยั้งการเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้าของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยสไตรีน , - เมทธิลสไตรีน , สไตรีน , ซัลโฟนิค แอซิด , ไวนิลโทลูอิน ,ไดไวนิลเบนซีน , โพลีไวนิลเบนซีน , อัลคีเลท สไตรีน และ 2- ไวนิล ไพริดีนที่ประกอบด้วยการเติมโมโนเมอร์ดังกล่าวในปริมาณที่ยังยั้งการเกิดโพลีเมอร์ของส่วนผสมที่ประกอบด้วย A) ตัวยับยั้งที่หนึ่งที่ประกอบด้วย 4-อะมิโน-2,2,6,6- เตตระเมทธิลพิเพอริดินิลออกซี และ B) ตัวยั้บยั้งอื่นอย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีสูตรโครงสร้าง (สูตรเคมี) โดยที่ R1 และ R4 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย ไฮโดรเจน,อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอรโรอะตอม และ R2 และ R3 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม; (สูตรเคมี) ส่วนแสดงถึงอะตอมที่จำเป็นเพื่อฟอร์มวงแหวนเฮทเทอโรไซคลิกที่มี ห้า, หก, หรือ เจ็ด สมาชิก 4.วิธีการของข้อถือสิทธิ ที่ 3 โดยที่ ตัวยับยั้งถูกใช้ในจำนวนตั้งแต่ประมาณ 1 ถึงประมาณ 2000 ppm เมื่อเทียบกับน้ำหนักของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ 5.วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 1 โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในตัวยังยั้ง B) ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย 4- ออกโซ-2,2,6,6- เตตระเมทธิล -1- พิเพอริดินิลออกซี; 4- ไฮดรอกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี; และ N,N,ได-เทอร์ท-บิวทิลไนไตรไซด์ 6.วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 1 โดยที่ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ คือ ไสตรีน 7. วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 6 โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในตัวยับยั้ง B) ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย 4- ออกโซ-2,2,6,6- เตตระเมทธิล -1- พิเพอริดินิลออกซี; 4- ไฮดรอกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี; และ N,N,ได-เทอร์ท-บิวทิลไนไตรไซด์ 8. วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 3 โดยที่ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ คือ สไตรีน 9. วิธีการของข้อถือสิทธิที่ 8 โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในตัวยับยั้ง B)ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย 4- ออกโซ-2,2,6,6- เตตระเมทธิล -1- พิเพอริดินิลออกซี; 4- ไฮดรอกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี; และ N,N,ได-เทอร์ท-บิวทิลไนไตรไซด์ 1 0. สารผสมที่ประกอบด้วย (a) ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยสไตรีน, - เมทธิล สไตรีน , สไตรีน ซัลโฟนิค แอซิด ,ไวไดนิลเบนซีน , อัลคีเลท สไตรีน และ 2- ไวนิลไพริดีน และ (b)ปริมาณที่ยับยั้ง อย่างมีประสิทธิผลเพื่อป้องกันการเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้า ของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอ์ของส่วนผสมของ (i)ตัวยับยั้งที่หนึ่งที่ประกอบด้วย 4- อะมิโน-2,2,6,6- เตตระเมทธิลพิเพอริดินิลออกซี และ (ii) ตัวยับยั้งอื่นอย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีสูตรโครงสร้าง (สูตรเคมี) โดยที่ R1 และ R4 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย ไฮโดรเจน,อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม R2 และ R3 ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วย อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม; X1 และ X2 (1) ถูกคัดเลือกอย่างเป็นอิสระต่อกันคือหมู่อัลคิลที่มี 1 ถึง 15 คาร์บอนอะตอม, หรือ (2) ถูกเข้าคู่กัน ฟอร์มเป็นโครงสร้างวงแหวน ที่มีไนโตรเจน 1

1. สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 10 โดยที่ตัวยับยั้งถูกใช้ในจำนวนตั้งแต่ประมาณ 1 ถึง ประมาณ 2000 ppm เมื่อเทียบกับน้ำหนักของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ 1

2. สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 10 โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในตัวยับยั้ง ii) ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย 4- ออกโซ-2,2,6,6- เตตระเมทธิล -1- พิเพอริดินิลออกซี; 4- ไฮดรอกซี 2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี -2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี; และ N,N,ได-เทอร์ท-บิวทิลไนไตรไซด์ 1

3.สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 10 โดยที่ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ คือ สไตรีน 1

4. สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 13 โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในตัวยับยั้ง ii) ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย 4-ออกโซ-2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี 4- ไฮดรอกซี-2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี;-2,2,6,6- เตตระเมทธิล-1- พิเพอริดีนิลออกซี ; และ N,N,ได-เทอร์ท-บิวทิลไนไตรไซด์ 1

5. สารผสมที่ประกอบด้วย (a) ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยสไตรีน ,- เมทธิล สไตรีน , สไตรีน ซัลโฟนิค แอซิด, ไวนิลโทลูอีน , ไดไวนิลเบนซีน , อัลคีเลท สไตรีน และ 2- ไวนิล ไพริดีน และ (b) ปริมาณที่ยับยั้งอย่างมีประสิทธิผลเพื่อการป้องกันการเกิดโพลีเมอร์ล่วงหน้าของไวนิลอะโรมาติก โมโนเมอร์ของส่วนผสมของ (i) 1 ถึง 99 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก เมื่อเทียบกับน้ำหนักทั้งหมดของส่วนประกอบ (i) และ (ii) ของตัวยับยั้งที่หนึ่งที่ประกอบด้วย 4- อะมิโน-2,2,6,6- เตตระเมทธิลพิเพอริดินิลออกซี (ii)99 ถึง 1 เปอร์เซนต์โดยน้ำหนักของตัวยับยั้งอื่นอย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีสูตรโครงสร้าง (สูตรเคมี ) โดยที่ R1 และ R4 ถูกเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วยไฮโดรเจน , อัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม และ R2 และ R3 ถูกเลือกอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มที่ประกอบด้วยอัลคิล และอัลคิลที่ถูกแทนที่ด้วยเฮทเทอโรอะตอม และ (สูตรเคมี ) ส่วนแสดงถึงอะตอมที่จำเป็นเพื่อฟอร์มวงแหวนเฮทเทอโรไซคลิกที่มี ห้า , หก หรือ เจ็ด สมาชิก 1

6.สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 15 โดยที่ตัวยับยั้งถูกใช้ในจำนวนตั้งแต่ประมาณ 1 ถึงประมาณ 2000 ppm เมื่อเทียบกับน้ำหนักของไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์ 1

7. สารผสมของข้อถือสิทธิที่ 16 โดยที่ไวนิล อะโรมาติก โมโนเมอร์คือ สไตรีน