TH23055B - ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสังเคราะห์ผลได้สูงของโพลิโอเลฟิน - Google Patents

Abstract

DC60 (06/06/50) ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสังเคราะห์ผลได้สูงของโพลิโอเลฟิน และกรรมวิธีสำหรับ การทำโพลิเมอร์ของโอเลฟินโมโนเมอร์ หรือของโอเลฟินโมโนเมอร์และโคโมโนเมอร์หนึ่งชนิดหรือ มากกว่าเพื่อผลิตโพลิเมอร์ กรรมวิธีนั้นกระทำในเครื่องปฏิกรณ์การทำโพลิเมอร์เมื่อมีระบบตัวเร่ง ปฏิกิริยาการทำโพลิเมอร์โอเลฟินรองรับแล้วผลิตจากส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยาประกอบรวมด้วย 1) ส่วนประกอบวัสดุรองรับ ประกอบรวมด้วยวัสดุรองรับเอาน้ำออก หนึ่งชนิดหรือมากกว่า 2) ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน ประกอบรวมด้วยสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนหนึ่งชนิดหรือ มากกว่า ที่ใช้ในการเติมทั้งหมดช่วงจากประมาณ 0.1 ถึงประมาณ 25 ไมโครโมล ของสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีน/กรัม ของส่วนประกอบวัสดุรองรับ 3) ส่วนประกอบสารกระตุ้นประกอบรวมด้วยสารกระตุ้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่ใช้ในช่วงของ อัตราส่วนจำนวนโมลของจำนวนโมลทั้งหมดของสารกระตุ้นต่อจำนวนโมลทั้งหมดของสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีน จากประมาณ 0.5 ถึงประมาณ 2.5 ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้น ซึ่งใช้ที่ความเข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงจากประมาณ 0.01 ถึงประมาณ 6 โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยาออกฤทธิ์/โมล ของโมโนเมอร์ และประสิทธิภาพตัวเร่ง ปฏิกิริยาทีได้อย่างน้อยที่สุด 2.4x10ยกกำลัง7 กรัม โพลิเมอร์/กรัมโมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสังเคราะห์ผลได้สูงของโพลิโอเลฟิน และกรรมวิธีสำหรับ การทำโพลิเมอร์ของโอเลฟินโมโนเมอร์ หรือของโอเลฟินโมโนเมอร์และโคโมโนเมอร์หนึ่งชนิดหรือ มากกว่าเพื่อผลิตโพลิเมอร์ กรรมวิธีนั้นกระทำในเครื่องปฏิกรณ์การทำโพลิเมอร์เมื่อมีระบบตัวเร่ง ปฏิกิริยาการทำโพลิเมอร์โอเลฟินรองรับแล้วผลิตจากส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยาประกอบรวมด้วย : 1) ส่วนประกอบวัสดุรองรับ ประกอบรวมด้วยวัสดุรองรับเอาน้ำออก หนึ่งชนิดหรือมากกว่า 2) ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน ประกอบรวมด้วยสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนหนึ่งชนิดหรือ มากกว่า ที่ใช้ในการเติมทั้งหมดช่วงจากประมาณ 0.1 ถึงประมาณ 25 ไมโครโมล ของสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีน/กรัม ของส่วนประกอบวัสดุรองรับ 3) ส่วนประกอบสารกระตุ้นประกอบรวมด้วยสารกระตุ้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่ใช้ในช่วงของ อัตราส่วนจำนวนโมลของจำนวนโมลทั้งหมดของสารกระตุ้นต่อจำนวนโมลทั้งหมดของสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีน จากประมาณ 0.5 ถึงประมาณ 2.5 ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้น ซึ่งใช้ที่ความเข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงจากประมาณ 0.01 ถึงประมาณ 6 โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยาออกฤทธิ์/โมล ของโมโนเมอร์ และประสิทธิภาพตัวเร่ง ปฏิกิริยาทีได้อย่างน้อยที่สุด 2.4x107 กรัม โพลิเมอร์/กรัมโมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง:

Claims (7)

1.1. ส่วนประกอบวัสดุรองรับซึ่งประกอบรวมด้วยวัสดุรองรับเอาน้ำออกหนึ่งชนิด หรือมากกว่า; 2) ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนซึ่งประกอบรวมด้วยสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีนหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่ใช้ในการเติมทั้งหมดช่วงจากประมาณ 0.1 ถึงประมาณ 25 ไมโครโมล ของสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน/กรัมของส่วนประกอบ วัสดุรองรับ; 3) ส่วนประกอบสารกระตุ้น ซึ่งประกอบรวมด้วยสารกระตุ้นหนึ่งชนิดหรือมาก กว่าที่ใช้ในช่วงของอัตราส่วนจำนวนโมลของจำนวนโมลทั้งหมดของสาร กระตุ้นต่อจำนวนโมลทั้งหมดของสารเชิงซ้อนเมทัล โลซีนจากประมาณ 0.5 ถึง ประมาณ 2.5; ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยาจะถูกใช้ที่ความเข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงจากประมาณ 0.01 x 10-6 ถึงประมาณ 6 x10-6โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยาออกฤทธิ์/โมลของโมโนเมอร์ และประสิทธิภาพตัวเร่ง ปฏิกิริยาที่ได้ คือ อย่างน้อยที่สุด 2.4 x 107 กรัมโพลิเมอร์/โมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 1. ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนซึ่งประกอบรวมด้วยสารเชิงซ้อนเมทัล โลซีนหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ซึ่งทั้งหมดมี Ti เป็น โลหะกลางที่ใช้ในการเติม ทั้งหมดช่วงจากประมาณ 0.1 ถึงประมาณ 25 ไมโครโมล ของสารเชิงซ้อน เมทัลโลซีน/กรัมของส่วนประกอบวัสดุรองรับ 3) ส่วนประกอบสารกระตุ้นซึ่งประกอบรวมด้วยสารกระตุ้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่ใช้ในช่วงของอัตราส่วนจำนวนโมลของจำนวนโมลทั้งหมดของสารกระตุ้น ต่อจำนวนโมลทั้งหมดของสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน จากประมาณ 0.5 ถึง ประมาณ 2.5; ซึ่งประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยาที่ได้ คือ อย่างน้อยที่สุด 2.4 x107 กรัมโพลิเมอร์/โมล ตัวเร่ง ปฏิกิริยา/ชั่วโมง 3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นที่ใช้ ในการเติมช่วงจากประมาณ 0.3 ถึงประมาณ 20 ไมโครโมล/กรัม ของส่วนประกอบวัสดุรองรับ 4. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 3, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นที่ใช้ในการเติม ช่วงจากประมาณ 1 ถึงประมาณ 20 ไมโครโมล/กรัม ของส่วนประกอบวัสดุรองรับ 5. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารกระตุ้นนั้นที่ใช้ในช่วงของ อัตราส่วนจำนวนโมลต่อส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน จากประมาณ 1 ถึงประมาณ 2 6. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 5, ซึ่งส่วนประกอบสารกระตุ้นนั้นที่ใช้ในช่วงของอัตราส่วน จำนวนโมลต่อส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน จากประมาณ 1 ถึงประมาณ 1.5 7. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นั้นที่ความ เข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงประมาณ 0.02 x 10-6 ถึงประมาณ 3 x10-6 โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยา ออกฤทธิ์/โมลของโมโนเมอร์ 8. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 7, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นั้นที่ ความเข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงประมาณ 0.05 x 10-6 ถึงประมาณ 3 x10-6 โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยา ออกฤทธิ์/โมลของโมโนเมอร์ 9. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 8, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นั้นที่ ความเข้มข้นตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงประมาณ 0.1 x 10-6 ถึงประมาณ 3 x10-6 โมล ของตัวเร่งปฏิกิริยา ออกฤทธิ์/โมลของโมโนเมอร์ 1 0. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมากกว่า 4.8 x 107 กรัม โพลิเมอร์/โมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 1 1. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 10, ซึ่งประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมากกว่า 9.6 x 107 กรัม โพลิเมอร์/โมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 1 2. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 11, ซึ่งประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมากกว่า 14.4 x 107 กรัม โพลิเมอร์/โมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 1 3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 12, ซึ่งประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมากกว่า 24 x 107 กรัม โพลิเมอร์/โมล ตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 1 4. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนโมโน-Cp เมทัลโลซีน 1 5. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 14, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนที่มีสูตร: (สูตร) ซึ่ง: M คือ ไทเทเนียมหรือเซอร์โคเนียม มีฟอร์แมล ออกซิเดชันสเตท+2; L คือ หมู่ที่มีระบบ-ไพ แอนไอออนไม่อยู่กับที่เป็น ไซคลิค ซึ่งหมู่นั้นเชื่อมกับ M, และซึ่งหมู่ นั้นเชื่อมกับ Z อีกด้วย; Z คือ ส่วนที่เชื่อมกับ M โดยพันธะ-ซิกมา ประกอบรวมด้วยธาตุที่เลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย โบรอน และสมาชิกของหมู่ 14 ของตารางธาตุ และยังประกอบรวมด้วยธาตุที่เลือกจากกลุ่มที่ประกอบ ด้วยไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, ซัลเฟอร์ และออกซิเจน, ส่วนดังกล่าวมีอะตอมที่ไม่ใช่ไฮโดรเจนสูงถึง 60 อะตอม; และ X คือ คอนจูเกทหรือนอนคอนจูเกทไดอีน เป็นกลางเลือกแทนที่ด้วยหนึ่งหมู่หรือมากกว่า ที่เลือกจากหมู่ไฮโดรคาร์บิลหรือไทรเมธิลไซลิล X ดังกล่าวมีคาร์บอนสูงถึง 40 อะตอม และเกิด สารเชิงซ้อน -ไพ กับ M 1 6. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือข้อถือสิทธิ 2, ซึ่งสารเชิงซ้อนโมโน-Cp เมทัลโลซีน นั้นมี Ti เป็นโลหะกลาง ซึ่งมีฟอร์แมล ออกซิเดซันสเตทเป็น +3 หรือ +4 1 7. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนบิส-Cp เมทัลโลซีน 1 8. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 17, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนบิส-Cp เมทัลโลซีน ที่มีการเชื่อมโยง 1 9. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 18, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน ที่มีสูตร: (สูตรเคมี) ซึ่ง Cp1, Cp2 คือ หมู่อินดีนิลหรืออินดีนิลเติมไฮโดรเจนมีการแทนที่หรือไม่มีการแทนที่ ซึ่งเป็น อิสระต่อกัน; Y คือ ลิแกนด์แอนไออน ประจุหนึ่ง หรือ Y2 คือ ไดอีน; M คือ เซอร์โคเนียม, ไทเทเนียม หรือฮาฟเนียม; และ Z คือ หมู่เชื่อมโยง ซึ่งประกอบรวมด้วยหมู่แอลคิลีนที่มีคาร์บอน 1 ถึง 20 อะตอม หรือหมู่ ไดแอลคิลไซลิล หรือ ไดแอลคิลเจอมิล, หรืออนุมูลแอลคิลฟอสฟีน หรือ แอลคิแลมีน 2 0. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนชนิดเดียว 2 1. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้นผลิตด้วย สารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนสองชนิดหรือมากกว่า หรือผลิตด้วยสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนอย่างน้อยหนึ่ง ชนิดและตัวเร่งปฏิกิริยานอนเมทัลโลซีนอย่างน้อยหนึ่งชนิด 2 2. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้นประกอบรวมด้วย โพลิเมอร์, ออกไซด์อนินทรีย์, โลหะเฮไลด์, ซับสเทรทโพลิเมอร์ทำเป็นโพลิเมอร์ไว้ก่อน หรือของ ผสมของสารเหล่านั้น 2 3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 22, ซึ่งส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้นประกอบรวมด้วย ออกไซด์ อนินทรีย์ 2 4. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 23, นั้น ซึ่งส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้นประกอบรวมด้วยซิลิกา, อลูมินา, ซิลิกา-อลูมินา หรือของผสมของสารเหล่านั้น 2 5. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 24, นั้น ซึ่งส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้นประกอบรวมด้วย ซิลิกา, อลูมินา, ซิลิกา-อลูมินา หรือของผสมของสารเหล่านั้น ซึ่งดัดแปรด้วย TiO2, ZrO2, GeO2, B2O3 หรือ ของผสมของสารเหล่านั้น 2 6. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 22, ซึ่งส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้นประกอบรวมด้วย โพลิเมอร์ 2 7. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบสารกระตุ้นนั้นประกอบรวมด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาร่วม 2 8. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 27, ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมนั้นคือ ทริส(เพนทาฟลูออโรฟีนิล) โบเรน, N-R3, N-R4 แอนิลิเนียม เททราคิส(เพนทาฟลูออโรฟีนิล)โบเรท เมื่อ R3 และ R4 แต่ละชนิด ปรากฏอย่างเป็นอิสระต่อกัน คือ หมู่ไฮโดรคาร์บิลอิ่มตัว มีหมู่แทนที่หรือไม่มีหมู่แทนที่มีคาร์บอน จาก 1 ถึง 8 อะตอม, (R1R2NHCH3)+(C6H4OH)B(C6F5)3 หรือ (R1R2NHCH3)+B(C6F5)4- ซึ่ง R1 และ R2 แต่ละชนิดปรากฏอย่างเป็นอิสระต่อกันคือ หมู่ไฮโดรคาร์บิลอิ่มตัว มีการแทนที่หรือไม่มีการแทนที่มี คาร์บอนจาก 12 ถึง 30 อะตอม 2 9. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมีการผลิตเพื่อให้มี อลูมอกเซนในความเข้มข้นที่ไม่มีการกระตุ้น 3 0. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นมีการผลิตเพื่อจำเป็นต้อง ไม่มีอลูมอกเซน 3 1. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นหนึ่งชนิดหรือ มากกว่าหรือระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้น ทั้งหมดทำเป็นโพลิเมอร์ไว้ก่อน 3 2. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งเอธิลีนเป็นโมโนเมอร์ และโคโมโนเมอร์คือ โพรพีน, 1-บิวทีน, 1-เพนทีน, 4-เมธิล-1-เพนทีน, 1-เฮกซีน, 1-เฮพทีน, 1-ออคทีน,1-โนนีน, 1-เดซีน, 1,7-ออคทาไดอีน, 1-5-เฮกซาไดอีน, 1,4-เพนทาไดอีน, 1,9-เดคาไดอีน, เอธิลิดีน นอร์บอร์นีน, สไทรีน, เมธิลสไทรีน หรือของผสมของสารเหล่านั้น 3 3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งโพรพีนเป็นโมโนเมอร์ และโคโมโนเมอร์คือ เอธิลีน, 1-บิวทีน,1-เพนทีน, 4-เมธิล-1-เพนทีน, 1-เฮกซีน, 1-เฮพทีน, 1-ออคทีน, 1-โนนีน, 1-เดซีน, 1,7-ออคทาไดอีน, 1,5-เฮกซาไดอีน, 1,4-เพนทาไดอีน, 1,9-เดคาไดอีน, เอธิลิดีนนอร์บอร์นีน, สไทรีน, เมธิลสไทรีน หรือของผสมของสารเหล่านี้ 3 4. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งกรรมวิธีนั้นเป็นกรรมวิธีแบบต่อเนื่องเกิดขึ้น ในเครื่องปฏิกรณ์วัฏภาคแก๊สชนิดเดียว 3 5. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 34, ซึ่งกรรมวิธีนั้นกระทำในเครื่องปฏิกรณ์วัฏภาคแก๊สในวิธี ควบแน่น 3 6. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งกรรมวิธีนั้นเป็นกรรมวิธีแบบต่อเนื่องเกิดขึ้น ในเครื่องปฏิกรณ์สเลอรีชนิดเดียว 3 7. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งกรรมวิธีนั้นกระทำในเครื่องปฏิกรณ์สองเครื่อง หรือมากกว่าเลือกให้มีระบบตัวเร่งปฏิกิริยาเมทัลโลซีนหรือนอนเมทัลโลซีนเพิ่มเติมหนึ่งชนิดหรือ มากกว่า 3 8. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งโพลิเมอร์นั้นผลิตในเครื่องปฏิกรณ์ซึ่งบริเวณ เกิดปฏิกิริยามีอุณหภูมิ 60 ํซ หรือสูงกว่า 3 9. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 38, ซึ่งโพลิเมอร์นั้นผลิตในเครื่องปฏิกรณ์ซึ่งบริเวณเกิดปฏิกิริยา มีอุณหภูมิ 70 ํซ หรือสูงกว่า 4 0. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 39, ซึ่งโพลิเมอร์นั้นผลิตในเครื่องปฏิกรณ์ซึ่งบริเวณเกิดปฏิกิริยา มีอุณหภูมิ 80 ํซ หรือสูงกว่า 4 1. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งการทำให้โพลิเมอร์นั้นซึ่งเป็นการทำโคโพลิเมอร์ ของเอธิลีนหรือโพรพิลีนเป็นโมโนเมอร์ และ อัลฟา-โอเลฟิน โคโมโนเมอร์ อีกหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่อัตราส่วนจำนวนโมลของโคโมโนเมอร์ต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.1 4 2. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 41, ซึ่งการทำโพลิเมอร์นั้นซึ่งเป็นการทำโค โพลิเมอร์ของ เอธิลีนหรือ โพรพิลีนเป็น โมโนเมอร์ และ อัลฟา-โอเลฟิน โคโมโนเมอร์ อีกหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่อัตราส่วนจำนวนโมลของโคโมโนเมอร์ต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.05 4 3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 42, ซึ่งการทำโพลิเมอร์นั้นซึ่งเป็นการทำโคโพลิเมอร์ของ เอธิลีนหรือโพรพิลีนเป็นโมโนเมอร์ และ อัลฟา-โอเลฟิน โคโมโนเมอร์ อีกหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ที่อัตราส่วนจำนวนโมลของโคโมโนเมอร์ต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.02 4 4. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์การทำโพลิเมอร์นั้นมีไฮโดรเจน ที่อัตราส่วนจำนวนโมลของไฮโดรเจนต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.05 4 5. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 44, ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์การทำโพลิเมอร์นั้นมีไฮโดรเจน ที่อัตราส่วนจำนวน โมลของ ไฮโดรเจนต่อโมโนเมอร์ อย่างน้อย 0.02 4 6. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 45, ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์การทำโพลิเมอร์นั้นมีไฮโดรเจน ที่อัตราส่วนจำนวนโมลของไฮโดรเจนต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.01 4 7. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งความหนาแน่นของโพลิเมอร์นั้นคือ จาก ประมาณ 0.85 ถึงประมาณ 0.98 อัตราส่วนจำนวนโมลของโค โมโนเมอร์ต่อโมโนเมอร์นั้น น้อยกว่า 0.1, อัตราส่วนของไฮโดรเจนต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.05 และสารผสมนั้นผลิตขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์ ซึ่งบริเวณเกิดปฏิกิริยานั้นมีอุณหภูมิ 70 ํซ. หรือสูงกว่า 4 8. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 47, ซึ่งความหนาแน่นของโพลิเมอร์นั้นคือ จากประมาณ 0.910 ถึงประมาณ 0.925 อัตราส่วนจำนวนโมลของ โคโมโนเมอร์ต่อโมโนเมอร์นั้น น้อยกว่า 0.02 อัตราส่วนของ ไฮโดรเจนต่อโมโนเมอร์ น้อยกว่า 0.02 และสารผสมนั้นผลิตขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์ซึ่ง บริเวณเกิดปฏิกิริยานั้นมีอุณหภูมิ 70 ํซ หรือสูงกว่า 4 9. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2, ซึ่งระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นผลิตขึ้นภายนอกเครื่อง ปฏิกรณ์นั้น โดยการรวมส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นด้วยลำดับใดๆ โดยวิธีทำให้อิ่มตัวแบบเปียก หรือทำให้อิ่มตัวแบบแห้ง (wet impregnation method or a dry impregnation method) 5 1. การเกาะติดสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนหนึ่งชนิดหรือมากกว่าบนส่วนสารรองรับ เมทัลโลซีนแต่ละส่วนของส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้น หรือบนสารรองรับ เมทัลโลซีนธรรมดา เกิดเป็นส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนรองรับแล้ว แต่ละชนิดหนึ่งชนิดหรือมากกว่า; 2) การเกาะติดตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมหนึ่งชนิดหรือมากกว่าบนส่วนสารรองรับตัวเร่ง ปฏิกิริยาร่วมแต่ละส่วนของส่วนประกอบวัสดุรองรับนั้น หรือบนสารรองรับ ตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมธรรมดาเกิดเป็นส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมรองรับแล้ว แต่ละชนิด หนึ่งชนิดหรือมากกว่า; และ 3) การรวมเข้าด้วยในลำดับใดๆ ของส่วนประกอบเมทัลโลซีนจาก 1) หนึ่งชนิด หรือมากกว่า และส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมจาก 2) นั้น เกิดเป็นระบบ ตัวเร่งปฏิกิริยาก่อนการนำระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์นั้น; หรือ 4) การนำส่วนประกอบเมทัลโลซีนรองรับแล้วแต่ละชนิดจาก 1) หนึ่งชนิดหรือ มากกว่าและส่วนประกอบตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมรองรับแล้ว แต่ละชนิดจาก 2) เข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์นั้นแต่ละชนิด 5

1. ส่วนประกอบวัสดุรองรับซึ่งประกอบรวมด้วยวัสดุรองรับเอาน้ำออกแล้ว หนึ่งชนิดหรือมากกว่า; 2) ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน; และ 3) ส่วนประกอบสารกระตุ้น; ซึ่งส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน นั้น ใช้ในช่วงการเติม จากประมาณ 0.1 ถึงประมาณ 25 ไมโครโมล/กรัม ของส่วนประกอบวัสดุรองรับ ตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมหรือส่วนประกอบสารกระตุ้น นั้น ที่ใช้ในช่วงของอัตราส่วนจำนวนโมลต่อส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนนั้น จากประมาณ 0.5 ถึงประมาณ 2.5 และเมื่อระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้น ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์เพื่อทำโพลิเมอร์ของ โอเลฟินโมโนเมอร์หนึ่งชนิดหรือมากกว่าเพื่อผลิตเป็นโพลิเมอร์ ระบบตัวเร่งปฏิกิริยานั้นใช้ที่ความ เข้มข้นของตัวเร่งปฏิกิริยาในช่วงประมาณ 0.1 x 10-6 ถึงประมาณ 6 x 10-6 โมลของตัวเร่งปฏิกิริยาออก ฤทธิ์/โมลของโมโนเมอร์ และประสิทธิภาพตัวเร่งปฏิกิริยาที่ได้อย่างน้อยที่สุด 2.4 x 107 กรัม โพลิเมอร์/โมลของตัวเร่งปฏิกิริยา/ชั่วโมง 5

2. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 51, ซึ่ง a) ส่วนประกอบสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีนประกอบรวมด้วยสารเชิงซ้อนเมทัลโลซีน หนึ่งชนิดหรือมากกว่ารองรับบนสารรองรับเมทัลโลซีนแต่ละชนิด หรือสารรองรับ เมทัลโลซีนธรรมดา; และ b) ส่วนประกอบสารกระตุ้นประกอบรวมด้วยสารกระตุ้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่ารองรับ บนสารรองรับสารกระตุ้นแต่ละชนิด หรือสารรองรับสารกระตุ้นธรรมดา สาร กระตุ้นนั้นอย่างน้อยหนึ่งชนิดคือ สารกระตุ้นนอนไอออนิคชนิดนอน-อลูมอกเซน 5

3. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 52, ซึ่งแต่ละชนิดของสารรองรับนั้นอย่างเป็น อิสระต่อกันประกอบรวมด้วยโพลิเมอร์, ออกไซด์อนินทรีย์, โลหะเฮไลด์ หรือของผสมของสารเหล่า นั้น 5

4. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 53, ซึ่งสารรองรับนั้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ประกอบรวมด้วยออกไซด์อนินทรีย์ 5

5. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 54, ซึ่งสารรองรับนั้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ประกอบรวมด้วยซิลิกา, อลูมินา, ซิลิกา-อลูมินา หรือของผสมของสารเหล่านั้น 5

6. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 55, ซึ่งสารรองรับนั้นหนึ่งชนิดหรือมากกว่า ประกอบรวมด้วยซิลิกา, อลูมินา, ซิลิกา-อลูมินา หรือของผสมของสารเหล่านั้น ซึ่งดัดแปรด้วย TiO2, ZrO2, GeO2, B2O3 หรือของผสมของสารเหล่านั้น 5

7. ระบบตัวเร่งปฏิกิริยาของข้อถือสิทธิ 52, ซึ่งทั้งหมดของสารกระตุ้นนั้นเป็นสารกระตุ้น นอนไอออนิคชนิดนอน-อลูมอกเซน