TH2013B - ผงซักฟอกซึ่งทำให้ผ้านุ่ม - Google Patents

Abstract

ผลิตภัณฑ์อนุภาคสารผสมผงซักฟอกอินทรีย์สังเคราะห์ซึ่งทำให้ผ้านุ่ม ที่มีรูปลักษณะและ/หรือ ความสามารถในการไหลดีขึ้น ซึ่งผลิตโดยการผสมอนุภาคสารผสมผงซักฟอกซึ่งมีผงเบนโทไนท์ ละเอียดเคลือบติดอยู่ที่ผิวนอก 10 ถึง 60% เข้ากัน อนุภาค สารผสมผงซักฟอกเช่นเดียวกันนั้นแต่ไม่มีเบนโทไนท์เคลือบ อยู่ที่ผิว ปริมาณ 90 ถึง 40% เมื่ออนุภาคสารผสมผงซักฟอก ซึ่งควรได้จากการพ่นแห้งมีสีขาวและเบนโทไนท์ ผิดสี (off-colour) ผลิตภัณฑ์ที่กล่าวแล้วจะมีสีขาวกว่าสารที่ใช้ ควบคุม (control) ซึ่งมีเบนโทไนท์สัดส่วนทั้งหมดเท่ากันแต่ รวมตัวเป็นก้อนอยู่บนผิวของอนุภาคผงซักฟอกทั้งหมด เมื่อ อนุภาคที่เคลือบผิวด้วยเบนโทไนท์มีปริมาณของซักฟอกที่ เหนียวสูงกว่าอนุภาคที่ไม่ได้เคลือบผิวด้วยเบนโทไนท์, ซึ่ง ทำให้ปริมาณผงซักฟอกสูงขึ้นได้โดยพ่นสารละลายของผงซักฟอกใน น้ำลงบนอนุภาคก่อนที่จะให้รวมตัวเป็นก้อนกับผงเบนโทไนท์ จะ ทำให้คุณสมบัติการไหลของผลิตภัณฑ์ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผลิต ภัณฑ์ซึ่งมีสัดส่วนทั้งหมดของผงซักฟอกเท่ากันแต่ให้กระจาย ตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดอนุภาคทั้งหมด อนุภาคเบนโทไนท์จะเกาะ อยู่กับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกโดยการช่วยเหลือของน้ำที่พ่นลง ไป, ควรใช้สารละลายเจือจางของโซเดียม ซิลิเคทในน้ำพ่น สาร ที่รวมตัวเป็นก้อนที่ได้นี้อาจนำมาใช้เป็นสารสารผสมผงซัก ฟอกโดยตรง หรืออาจผสมกับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่ไม่มีเบน โทไนท์เคลือบอยู่บนผิว

Claims (9)

1. อนุภาคผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกอินทรีย์สังเคราะห์ซึ่งประกอบด้วย สารผสมของอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่มีผงเบนโทนไนท์ ละเอียดเกาะอยู่ที่ผิวภายนอกของผงซักฟอกปริมาณ 10 ถึง 60% กับอนุภาคสารผสมผงซักฟอก ซึ่งไม่มีผงเบนโทไนท์บนผิวของสาร ปริมาณ 90 ถึง 40% 2. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งอนุภาคมีขนาดอยู่ใน ช่วงตะแกรงเลขที่ 8 ถึง 100 ของตะแกรงร่อนมาตรฐานสหรัฐ อเมริกาและขนาดของอนุภาคซึ่งมีเบนโทไนท์เคลือบที่ผิวมีขนาด เท่ากันเป็นส่วนใหญ่หรือใหญ่กว่าขนาดของอนุภาคผงซักฟอกอื่น 3. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 2 ซึ่งอนุภาคสารผสมผงซักฟอก นั้นเป็นเมล็กที่ได้จากการพ่นแห้ง ขนาดของอนุภาคที่เกิดการ รวมตัวเป็นก้อนอยู่ในช่วงของตะแกรงเลขที่ 8 ถึง 60 และ อนุภาคของเบนโทไนท์ซึ่งเกาะอยู่บนอนุภาคสารผสมผงซักฟอกนั้น มีขนาดที่ผ่านตะแกรงเลขที่ 200 4. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 3 ซึ่งเมล็ดที่ได้จากการพ่น แห้งมีสีขาว เมล็ดที่มีเบนโทไนท์เคลือบนั้น ผิดสี (off-colour) เนื่องจากสีตามธรรมชาติของเบนโทไนส์และสัด ส่วนของเมล็ดที่มีเบนโทไนท์เคลือบผิวกับเมล็ดที่ไม่มีเบน โทไนท์เคลือบผิวนั้นทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีอ่อนสม่ำเสมอและสี ที่แตกต่างกันของอนุภาคต่าง ๆ ไม่ปรากฎแก่สายตาคนในทันที 5. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 4 ซึ่งเบนโทไนท์ถูกยึดอยู่ กับเมล็ดผงซักฟอกซึ่งถูกเคลือบด้วยเบนโทไนท์ โดยโซเดียม ซิ ลิเดท ซึ่งมีซิลิเคทที่ใช้ยึดปริมาณจาก 0.01 ถึง 2% ของ อนุภาคซึ่งรวมตัวเป็นก้อนกับเบนโทไนท์ 6. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 5 ซึ่งอนุภาคที่มีเบนโทไนท์ เคลือบผิวอยู่มีส่วนประกอบของสารผสมผงซักฟอกที่เหนียว (tacky) ปริมาณมากกว่าอนุภาคซึ่งไม่มีเบนโทไนท์เคลือบผิว 7. ผลิตภัณฑ์ตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งอนุภาคผงซักฟอกคือ เมล็ดที่ได้จากการพ่นแห้งและมีสีขาว เมล็ดที่มีเบนโทไนท์ เคลือบผิวนั้นผิดสี (off-colur) เนื่องจากสีตามธรรมชาติของ เบนโทไนท์ และสัดส่วนของเมล็ดที่มีเบนโทไนท์เคลือบผิวกับ เมล็ดที่ไม่มีเบนโทไนท์เคลือบผิวนั้นทำให้ผลิตภัณฑ์มีสี อ่อนและเมล็ดที่มีเบนโทไนท์เคลือบผิวซึ่งผิดสีนั้นไม่ปรากฎ แก่สายตาคนในทันที 8. กรรมวิธีในการผลิตภัณฑ์ที่เป็นอนุภาคผงซักฟอกอินทรีย์ สังเคราะห์ซึ่งประกอบด้วยการให้ผงเบนโทไนท์ละเอียดกับ อนุภาคสารผสมผงซักฟอกซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า รวมตัวกันเป็นก้อน โดยให้ผงเบนโทไมท์ติดอยู่กับผิวภายนอกของอนุภาคผงซักฟอก และผสมอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่เคลือบผิวด้วยเบนโทไนท์ที่ กล่าวแล้วนี้ 10 ถึง 60% กับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกซึ่งไม่มี เบนโทไนท์เคลือบผิว 90 ถึง 40% 9. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 8 ซึ่งอนุภาคสารผสมซักฟอกคือ เมล็ดที่ได้จากการพ่นแห้งที่มีขนาดอยู่ในช่วงของตะแกรงเลข ที่ 8 ถึง 100 ผงเบนโทไนท์ ซึ่งรวมตัวเป็นก้อนลงบนผิวของ เมล็ดสารผสมผงซักฟอกนั้นมีขนาดอนุภาคก่อนรวมตัวเป็นก้อน เกือบทั้งหมดผ่านตะแกรงเลขที่ 200 และการรวมตัวเป็นก้อน เกิดขึ้นโดยผสมผงเบนโทไนท์กับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่ได้ จากการพ่นแห้งในขณะพ่นน้ำลงบนผิวของสารเหล่านั้น 1 0. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 9 ซึ่งเมล็ดที่ได้จากการพ่น แห้งมีสีขาว, เบนโทไนท์เกือบขาว (off-white) สัดส่วนของเบน โทไนท์ที่ใช้ผสมและรวมตัวเป็นก้อนบนผิวของเมล็ดซึ่งมันจะ เคลือบอยู่มีปริมาณจาก 20 ถึง 80% และการรวมตัวเป็นก้อน เกิดขึ้นโดยการผสมผงเบนโทไนท์กับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่ พ่นแห้งในขณะที่พ่นสารละลายโซเดียมซิลิเดทเจือจากในน้ำลงไป บนผิวของสารเหล่านั้น 1

1. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 10 ซึ่ง โซเดียม ซิลิเคท นั้นมีอัตราส่วนของ Oa2O:SiO2 อยู่ในช่วงของ 1:1.6 ถึง 1:3.2 ความเข้มข้นของสารนี้ในสารละลายใช้พ่นในน้ำมีค่าจาก 0.05 ถึง 10% และสัดส่วนของสารนี้ในผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซึ่ง ทำหน้าที่เป็นตัวยึดที่จะยึดผงเบนโทไนท์กับเมล็ดที่พ่นแห้ง ซึ่งสารนี้จะมีอยู่จาก 0.01 ถึง 2% 1

2. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 11 ซึ่งพ่นโซเดียม ลิเนียร์ ไทรเคคิลเบนซีนซัลโฟเนท ลงบนผิวของนุภาคสารผสมผงซักฟอกก่อน การรวมตัวของผงเบนโทไนท์ละเอียดกับสารนั้น 1

3. กรรมวิธีในการผลิตอนุภาคสารผสมผงซักฟอกอินทรีย์ สังเคราะห์ ซึ่งทำให้ผ้านุ่ม ซึ่งประกอบด้วยการผสมผงเบน โทไนท์ละเอียดสัดส่วนน้อยกับอนุภาคสารผสมผงซักฟอกที่มีขนาด ใหญ่กว่าและมีสัดส่วนมากเข้าด้วยกัน พ่นสารละลายโซเดียม ซิ ลิเคทในน้ำ ซึ่งมีสัดส่วนน้อยลงบนผิวของสารผสมในขณะที่ เคลื่อนที่อยู่ และมีผิวใหม่ของวัสดุที่ผสมกับกระทบสารที่ พ่นลงมาอย่างต่อเนื่อง สารละลายโซเดียม ซิลิเคทในน้ำที่ใช้ นี้มีความเข้มข้นในช่วง 2 ถึง 8% และในปริมาณที่สารที่พ่น จะทำให้มีโซเดียม ซิลิเคทจากประมาณ 0.1 ถึง 0.4% และความ ชื้นประมาณ 2 ถึง 3% เกาะอยู่บนสารผสม หลังจากพ่นสารละลาย โซเดียม ซิลิเคทในน้ำลงไปแล้วผสมต่อไปอีก และหลังจากนั้น เอาอนุภาคผงซักฟอกซึ่งรวมตัวเป็นก้อนและมีผงเบนโทไนท์ เคลือบอยู่ที่ผิวออกจากเครื่อง 1

4. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 13 ซึ่งผงเบนโทไนท์มีขนาด ก่อนเกิดการรวมตัวเป็นก้อนคือเกือบทั้งหมดผ่านตะแกรงเลขที่ 200 อนุภาคของสารผสมผงซักฟอกมีขนาดก่อนการรวมตัวเป็นก้อน, ในช่วงของตะแกรงเลขที่ 8 ถึง 100 เบนโทไนท์จะมีอยู่จาก ประมาณ 10 ถึง 30% ของสารผสม ผงซักฟอกซึ่งทำให้ผ้านุ่มที่ ผลิตขึ้น โซเดียม ซิลิเคทนั้นมีอัตราส่วนของ Na2O:SiO2 ใน ช่วง 1:1.6 ถึง 1:3.2 และความเข้มข้นของโซเดียม ซิลิเคทใน สารละลายในน้ำที่ใช้พ่นนั้นอยู่ในช่วงของ 3 ถึง 7% 1

5. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 14 ซึ่งเบนโทไนท์คือเบน โทไนท์ซึ่งพองตัวได้สารผสมผงซักฟอกคือสารผสมผงซักฟอก อินทรีย์สังเคราะห์ซึ่งทำโดยพ่นแห้ง โซเดียม ซิลิเคทมี อัตราส่วนของ Na2O:SiO2 อยู่ในช่วงของ 1:2 ถึง 1:3 เมล็ด ของสารละลายโซเดียม ซิลิเคทในน้ำที่พ่นนั้นมีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางของน้ำหนักเฉลี่ย (weight averagediameter) ไม่ เกินหนึ่งมิลลิเมตร และการผสม, การพ่น, การรวมตัวเป็นก้อน และการผสมหลังจากนั้นกระทำในเครื่องผสมแบบถังหมุนโดยวิธี ต่อเนื่อง 1

6. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 15 ซึ่งเครื่องผสมแบบถัง หมุน มีแนวยาวทำมุมจากประมาณ 2 ถึง 15 องศากับแนวนอน (horizontal) การผสมขั้นต้นเกิดขึ้นที่ส่วนแรกของหนึ่งใน สามของถัง, การพ่นเกิดขึ้นที่ส่วนกลางของหนึ่งในสามของถัง และการผสมหลังจากนั้นเกิดขึ้นประมาณส่วนหลังสุดของหนึ่งใน สามของถัง เติมอนุภาคสารผสมผงซักฟอกกับผงเบนโทไนท์อย่างต่อ เนื่องที่ปลายส่วนแรกของถัง สารละลาย โซเดียม ซิลิเคทที่ ใช้พ่นนั้นพ่นออกมาจากหัวพ่น จำนวนหลายหัวลงบนสารผสมซึ่ง กำลังเคลื่อนที่อยู่ และผลิตภัณฑ์ที่เกิดการรวมตัวเป็นก้อน ที่นำออกจากเคลื่องนั้นมีความหนาแน่นบัลค์ในช่วง 0.3 ถึง 0.7 กรัม/มล. 1

7. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 16 ซึ่งอนุภาคสารผสมผงซัก ฟอกที่ได้จากพ่นแห้งนั้นประกอบด้วยผงซักฟอกอินทรีย์ สังเคราะห์ชนิดแอนไอออนิค และ/หรือ ผงซักฟอกอินทรีย์ สังเคราะห์ชนิดนอนไอออนิคเป็นส่วนประกอบผงซักฟอกที่แสดง ฤทธิ์ และโซเดียม ไทรโพลิฟอสเฟท, โซเดียม คาร์บอเนท, โซเดียม ไนทริโลไทรแอซิเทท, โซเดียม อะลูมิโนซิลิเคท, โซเดียมไบคาร์บอเนท โซเดียม ซิลิเคท, โซเดียม ซิเทรท และ/หรือ โซเดียม บอเรท เป็นสารเพิ่มเนื้อ (builder) ซึ่ง มีสัดส่วนของสารเหล่านี้อยู่ในช่วง 5 ถึง 35% และ 30 ถึง 90% ของผลิตภัณฑ์ตามลำดับ 1

8. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 17 ซึ่งผงเบนโทไนท์ผ่าน ตะแกรงเลขที่ 325, เมล็ดสารผสมผงซักฟอกที่พ่นแห้งมีขนาด อนุภาคในช่วงของตะแกรงเลขที่ 10 ถึง 60 และประกอบด้วย โซเดียม ลิเนียร์ โคเคดิลเบนซีน ซัลโฟเนท 15 ถึง 30% เพนทา โซเดียม ไทรโพลิฟอสเฟท 20 ถึง 50%, โซเดียม ซิลิเคท ซึ่งมี อัตราส่วนของ Na2O:SiO2 ประมาณ 1:2.4 , ปริมาณ 5 ถึง 15% , โซเดียม คาร์บอเนท 5 ถึง 20%, โซเดียมซัลเฟท 5 ถึง 30% และ ความชื้น 4 ถึง 12% สารละลายโซเดียม ซิลิเดทที่ใช้พ่นนั้น มีปริมาณโซเดียม ซิลิเดท ประมาณ 4 ถึง 6% อัตราส่วนของ Na2O:SiO2 ของโซเดียม ซิลิเคทประมาณ 1:2.4 และใช้สารละลาย โซเดียม ซิลิเดทประมาณ 3 ถึง 6% กับสารผสมของอนุภาคสารผสมผงซักฟอกกับเบนโทไนท์ 1

9. กรรมวิธีตามข้อถือสิทธิข้อ 18 ซึ่งเบนโทไนท์ คือ ไวโอ มิ่ง เบนโทไนท์ (Wyoming bentonite) มีปริมาณความชื้นอย่าง น้อย 4% ปริมาณเบนโทไนท์ของสารผสมผงซักฟอกทีทำให้ผ้านุ่ม นั้นมีจาก 15 ถึง 25% ของสารผสม ปริมาณความชื้นของสารผสม นั้นมีจาก 7 ถึง 15% เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยของเมล็ดฝอย ที่ใช้พ่นนั้นอยู่ในช่วงจาก 0.1 ถึง 0.5 มิลลิเมตร ความหนา แน่นบัลต์ของอนุภาคที่รวมตัวเป็นก้อนอยู่ในช่วง 0.3 ถึง 0.5 กรัม/มล, และเวลาเฉลี่ยซึ่งวัสดุอยู่ในถังหมุนจาก 1 ถึง 10 นาที (ข้อถือสิทธิ 19 ข้อ, 4 หน้า, 2 รูป)