TH19719A - วิธีการสะสมสารที่เป็นของแข็งบนชั้นฐาน - Google Patents

Abstract

วิธีการ สะสมสารที่เป็นของแข็งบนพื้นผิวของพื้นฐานซึ่งสารที่ เป็นของแข็งจะถูกละลายในตัวทำละลายเพื่อที่ทำให้เกิดเป็นสารละลายที่หนึ่ง สารที่ เป็นของแข็งจะถูกแยกออกอย่างละเอียดก่อนการละลายตัวได้น้อยกว่าเมื่อ สะสมบน ชั้นฐานและความหนาแน่นของการ สะสม ของสารที่เป็นของแข็งบนชั้นฐานจะได้รับ การปรับอย่างน้อยที่สุดเป็นบางส่วนโดยความเข้มข้นสารที่เป็นของแข็ง สารที่เป็นของแข็งจะละ ลายไม่ได้ในก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวและสารละลายที่หนึ่งจะละลายได้ในก๊าซที่เป็น สถานะของเหลว ตัวทำละลายยังจะมีความสามารถของการกดจุดเยือกแข็งของก๊าซที่ เป็นสถานะของเหลวเอาไว้จากการขยายตัวของก๊าซที่เป็นของเหลว สารละลายที่หนึ่ง จะถูกละลายอยู่ในก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวเพื่อทำให้เกิดเป็นสารละลายที่สองที่มี ความเข้มข้นที่พอเพียงของตัวทำละลายที่เกี่ยวข้องกับก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวซึ่งการ กลายเป็นของแข็งของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวจะป้องกันอย่าง มีนัยสำคัญในการขยาย ตัวของก๊าซนั้น ความเข้มข้นที่ควรเลือกใช้นี้ของตัวทำละลายจะมีค่าน้อยสุดเพื่อป้องกัน การใช้ที่มากเกินไปของตัวทำละลายอันตรายที่เกี่ยวกับภาวะสิ่งแวดล้อม สารละลาย จะถูกพ่นลงบนชั้นฐานเพื่อว่าส่วนของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวจะเป็นไอทันทีและสาร ละลายที่สองซึ่งบรรจุส่วนที่เหลือของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวจะสัมผัสกันและดังนั้น จะเคลือบพื้นผิวของชั้นฐาน ส่วนที่เหลือของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวจะทำให้ระเหย ไปพร้อมกับตัวทำละลาย ดังนั้นสารที่เป็นของแข็งจะเหลืออยู่เป็น การสะสมบนชั้นฐาน วิธีการนี้มีการประยุกต์โดยเฉพาะเพื่อการสร้างเป็นการ สะสม ที่ละเอียดมากดังเช่น ความต้องการในอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์เพื่อที่จะเคลือบหน้าสัมผัสของแผ่นวงจรพิมพ์ ให้มีฟลักซ์ก่อนการบัดกรี

Claims (7)

1. วิธีการสะสมสารที่เป็นของแข็งบนพื้นผิวของพื้นฐาน ซึ่งประกอบรวมด้วย การละลายของสารที่เป็นของแข็งในตัวทำละลายเพื่อที่จะทำให้เกิดเป็นสารละลายที่หนึ่ง สาร ที่เป็นของแข็งจะถูกแยกออกอย่างอิสระก่อนการละลายตัวได้น้อยกว่า เมื่อสะสมลงบนชั้นฐานดัง กล่าวแล้ว และความหนาแน่นของการสะสมของสารที่เป็นของแข็งดังกล่าวบนชั้นฐานดังกล่าวจะได้ รับการปรับอย่างน้อยที่สุดเป็นบางส่วน โดยความเข้มข้นของสารที่เป็นของแข็งภายในสารละลายที่ หนึ่งดังกล่าว สารที่เป็นของแข็งไม่ละลายในก๊าซที่เป็นสถานะของเหลว สารละลายที่หนึ่งจะละลายได้ ในก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวดังกล่าว และตัวทำละลายสามารถกดจุดเยือกแข็งของก๊าซที่เป็นสถานะ ของเหลวเอาไว้เมื่อมีการขยายตัวของก๊าซที่เป็นของสถานะของเหลวดังกล่าว การละลายสารละลายที่หนึ่งดังกล่าวในก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวดังกล่าว เพื่อทำให้เกิดเป็น สารละลายที่สอง ซึ่งมีความเข้มข้นของตัวทำละลายที่เพียงพอของตัวทำละลายดังกล่าวเทียบกับก๊าซที่ เป็นสถานะของเหลวดังกล่าว ซึ่งการกลายเป็นของแข็งของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวดังกล่าวจะได้ รับการป้องกันอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายตัวของก๊าซนั้น การพ่นสารละลายที่สองดังกล่าวลงบนชั้นฐานดังกล่าว เพื่อว่าส่วนของก๊าซที่เป็นสถานะของ เหลวดังกล่าวจะกลายเป็นไอทันทีและสารละลายที่สองดังกล่าว ซึ่งบรรจุส่วนที่เหลือของก๊าซที่เป็น สถานะของเหลวจะสัมผัสและดังนั้น จะเคลือบชั้นฐานดังกล่าวไว้ การระเหยของส่วนที่เหลือดังกล่าวของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวดังกล่าว และตัวทำละลาย ดังกล่าวเพื่อว่าสารที่เป็นของแข็งดังกล่าวจะเหลืออยู่ในการสะสมบนชั้นฐานดังกล่าว

2. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีสารละลายที่หนึ่งดังกล่าวเป็นสารละลายอิ่มตัว

3. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีความเข้มข้นตัวทำละลายดังกล่าวจะอยู่ที่ค่าความต้องการต่ำ สุดเพื่อที่จะป้องกันอย่างมีนัยสำคัญ การกลายเป็นของแข็งของก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวจากการ ขยายตัวของก๊าซนั้น

4. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีก๊าซเป็นสถานะของเหลวดังกล่าวประกอบรวมด้วย คาร์บอนไดออกไซด์เหลว

5. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งสารที่เป็นของแข็งดังกล่าวคือ ฟลักซ์ที่ได้รับการผลิตมาจาก กรดอินทรีย์ที่ประกอบด้วยกรดอะติปิก กรดซะลิไซลิก หรือกรดซิตริก

6. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 5 ซึ่งมีตัวทำละลายดังกล่าวประกอบรวมด้วย ตัวทำละลายอินทรีย์ ที่ประกอบด้วย เมธานอล, แอลกอฮอล์ หรือ อะซีโตน

7. วิธีของข้อถือสิทธิข้อ 6 ซึ่งตัวทำละลายดังกล่าวประกอบรวมด้วย เมธานอล ก๊าซที่เป็น สถานะของเหลวดังกล่าวประกอบรวมด้วย คาร์บอนไดออกไซด์เหลวความเข้มข้นของตัวทำละลายดัง กล่าวในตัวทำละลายดังกล่าวที่เทียบกับก๊าซที่เป็นสถานะของเหลวดังกล่าวจะมีค่าประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของเมธานอลดังกล่าวในคาร์บอนไดออกไซด์เหลวดังกล่าว