TH16408B

TH16408B - กรรมวิธีสำหรับทำให้สารละลายที่มีน้ำตาลอยู่อ่อนลง ดังเช่นน้ำตาลหรือโมลาส

Info

Publication number: TH16408B
Application number: TH9401001129A
Authority: TH
Inventors: นายซาซก้า; นายแลนครีนอน
Original assignee: นายโรจน์วิทย์ เปเรร่า; นายธเนศ เปเรร่า
Filing date: 1994-06-07
Publication date: 2004-03-12

Abstract

1. กรรมวิธีสำหรับการทำให้อ่อนลง ซึ่งสารน้ำตาลที่เป็นของเหลวที่มีน้ำตาล และประจุ Ca2+ และ/หรือ Mg2+ อยู่ด้วย ดังเช่นโมลาสของโรงงานน้ำตาล เป็นต้น โดย การใช้เรซิ่นที่แลกเปลี่ยนประจุบวก และเพื่อการปรับคืนสภาพของเรซิ่นดังกล่าว ซึ่งจะประกอบ ด้วย (ก) ขั้นตอนการทำให้อ่อนลง ซึ่งสารน้ำตาลดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปสัมผัส กับเรซิ่นที่แลกเปลี่ยนประจุบวกดังกล่าวที่อยู่ในรูปของ Na+ และ/หรือ K+ เพื่อทำให้ได้เป็น สารน้ำตาลที่ถูกทำให้อ่อนลงที่มีประจุ Ca2+ และ/หรือ Mg2+ อยู่น้อย และถูกประจุด้วยประจุ Na+ และ/หรือ K+ และในอีกทางหนึ่งเรซิ่นที่แลกเปลี่ยนประจุบวกจะถูกประจุด้วยประจุ Ca2+ และ/หรือ Mg2+ และ (ข) ขั้นตอนสำหรับการปรับคืนสภาพของเรซิ่นดังกล่าว โดยมีลักษณะพิเศษที่ซึ่งขั้นตอนการปรับคืนสภาพ (ขั้นตอน (ข) ) จะประกอบด้วยการนำเรซิ่นดังกล่าวเข้าไปสัมผัสกับสารของเหลวที่ถูกทำให้เกิดขึ้นจากการแยก น้ำตาลออกจากสารน้ำตาลเหลวที่ถูกทำให้อ่อนตัวแล้ว ที่มีน้ำตาลและประจุ Na+ และ/หรือ K+ อยู่ ซึ่งสารของเหลวดังกล่าวจะประกอบด้วยส่วนใหญ่ของประจุ Na+ และ/หรือ K+ ที่มีอยู่ ในขณะเริ่มต้นในสารน้ำตาลดังกล่าว

Claims

1. กรรมวิธีที่ประกอบด้วยขั้นตอนของ a) การสัมผัสสารละลายในน้ำของน้ำตาล และประจุบวกชนิดไดวาเลนท์ของ แคลเซียม หรือแมกนีเซียมกับเรซินแลกเปลี่ยนประจุบวกจำนวนมากที่ประกอบด้วยประจุบวกชนิด โมโนวาเลนท์ของโซเดียม หรือโปแตสเซียมจนกระทั่งความเข้มข้นของประจุบวกของโซเดียมหรือ โปแตสเซียมในสารละลายในน้ำดังกล่าวอุดมสมบูรณ์ เมื่อเปรียบเทียบกับความเข้มข้นเริ่มต้นของ ประจุบวกของโซเดียม หรือโปแตสเซียมในสารละลายน้ำดังกล่าว และความเข้มข้นของประจุบวก ของแคลเซียม หรือแมกนีเซียมในสารละลายในน้ำดังกล่าวจะลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับความเข้มข้น เริ่มต้นของประจุบวกของแคลเซียม หรือแมกนีเซียมในสารละลายในน้ำ แต่ที่ซึ่งสารละลายในน้ำ ดังกล่าวจะไม่ขาดประจุบวกของแคลเซียมหรือแมกนีเซียม b) การแยกสารละลายที่อุดมสมบูรณ์ด้วยประจุบวกของโซเดียม หรือโปแตสเซียม ออกเป็นสองส่วน : ส่วนแรกประกอบด้วยส่วนหลักของน้ำตาลจากสารละลายที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ประจุบวกของโซเดียม หรือโปแตสเซียม และส่วนที่สอง หรือส่วนราฟฟิเนทประกอบด้วยสารที่ลอย ออกมาที่มีน้ำอยู่ซึ่งมีประจุบวกของโซเดียม หรือโปแตสเซียมที่เข้มข้นจากสารละลายที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยประจุบวกของโซเดียมหรือโปแตสเซียม ที่ซึ่งสารที่ปล่อยออกมาดังกล่าวจะไม่ขาดประจุบวก ของแคลเซียม หรือแมกนีเซียม และ c) การปรับคืนสภาพของเรซินแลกเปลี่ยนประจุบวกจำนวนมากโดยการสัมผัส เรซินด้วยสารที่ปล่อยออกมาจนกระทั่งส่วนหลักของประจุบวกของแคลเซียม หรือแมกนีเซียมในเร ซินถูกแทนด้วยประจุบวกของโปแตสเซียม หรือโซเดียม

2. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งสารละลายในน้ำประกอบด้วย สารน้ำตาล (Sugar juice)

3. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งสารละลายในน้ำประกอบด้วย โมลาส

4. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งสารที่ปล่อยออกมาถูกทำให้เข้ม ข้นก่อนการปรับคืนสภาพของเรซินแลกเปลี่ยนประจุ

5. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งประจุบวกชนิดโมโนวาเลนท์ ของโซเดียม หรือโปแตสเซียมถูกเติมลงในสารที่ปล่อยออกมาก่อนการปรับคืนสภาพเรซินแลก เปลี่ยนประจุ

6. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งเรซินแลกเปลี่ยนประจุประกอบ ด้วยเรซินแลกเปลี่ยนประจุบวกชนิดกรดแก่ในรูปของโซเดียม หรือโปแตสเซียม และที่ซึ่งขั้นตอน การแยกดังกล่าวถูกการแยกดังกล่าวถูกดำเนินการโดยเรซินแลกเปลี่ยนประจุบวกชนิดกรดแก่ในรูป ของโซเดียม หรือโปแตสเซียม และโดยการชะด้วยน้ำ

7. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งขั้นตอนการแยกดังกล่าว ประกอบด้วยการแยกโดยการแยกสาร (Chromatography)

8. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งความเข้มข้นของประจุบวกของ แคลเซียม หรือแมกนีเซียมในสารละลายในน้ำหลังจากขึ้นตอนการสัมผัสจะเป็นอย่างน้อยประมาณ 2,000 ส่วนต่อล้านที่แสดงด้วยประจุ Ca2+ เมื่อเทียบกับสารแห้ง

9. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งความเข้มข้นของประจุบวกของ แคลเซียม หรือแมกนีเซ๊ยมในสารละลายในน้ำหลังจากขั้นตอนการสัมผัสจะเป็นประมาณ 2,000 ส่วน ต่อล้าน ที่แสดงด้วยประจุ Ca2+ เมื่อเทียบกับสารแห้ง 1

0. กรรมวิธีตามที่กล่าวถึงในข้อถือสิทธิข้อ 1 ที่ซึ่งขั้นตอนการแยกประกอบด้วย การแยกส่วนที่หนึ่ง และส่วนที่สองโดยการแยกสาร (Chromatography) โดยการกันประจุออกไป