TH72060A - แก้วเรืองสีมุก - Google Patents

Abstract

DC60 สารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบด้วยเกล็ดแก้วชนิด C ที่มีชั้นซึ่งประกอบด้วยไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึก แบบรูไทล์ (rutile) หรือเหล็กออกไซด์ บนเกล็ดแก้วดังกล่าว, ชั้นไฮดรัส (hydrous) ของไททาเนียมไดออกไซด์ ชนิดโครงสร้าง แบบรูไทล์หรือเหล็กออกไซด์นั้นจะเกิดอยู่บนเกล็ดแก้ว และ เผาเกล็ดที่ได้ที่อุณหภูมิสูงๆ แล้วจึง เคลือบเกล็ดแก้วที่ ได้เคลือบด้วยไททาเนียมไดออกไซด์ หรือเหล็กออกไซด์ดังกล่าว นั้นต่อไปด้วยสารมีสีชนิด ดูดซึม (absorption pigment) สารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบด้วยเกล็ดของแก้วชนิด C ที่มีชั้นซึ่งประกอบด้วยไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึก แบบรูไทล์ (rutile) หรือเหล็กออกไซด์ บนเกล็ดแก้วดังกล่าว, ชั้นไฮดรัส (hydrous) ของไททาเนียมได ออกไซด์ชนิดโครงสร้าง แบบรูไทล์หรือเหล็กออกไซด์นั้นจะเกิดอยู่บนเกล็กแก้ว และ เผาเกล็ดที่ได้ที่อุณหภูมิ สูง ๆ แล้วจึงเคลือบเกล็ดแก้วที่ ได้เคลือบด้วยไททาเนียมไดออกไซด์ หรือเหล็กออกไซด์ดังกล่าว นั้นต่อไปด้วย สารมีสีชนิดดูดซึม (absorption pigment)

Claims (8)

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :แก้ไข 06/01/2560 1. สารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบโดยสำคัญด้วยเกล็ดของแก้วชนิด C ซึ่งมีชั้นที่ประกอบรวมด้วยเหล็ก ออกไซด์หรือไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์บนนั้น ที่ซึ่งวัสดุที่เป็นแหล่งของไททาเนียม ไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ดังกล่าวถูกเลือกจากกลุ่มซึ่งประกอบด้วยไททาเนียมเททราคลอไรด์ และไททานิลซัลเฟต 2. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งชั้นประกอบรวมด้วยไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ 3. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งชั้นประกอบรวมด้วยเหล็กออกไซด์ 4. วิธีการสร้างสารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งประกอบโดยสำคัญด้วยการทำให้เกิดชั้นของไฮดรัส ไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์หรือไฮดรัสเหล็กออกไซด์บนเกล็ดแก้วชนิด C และให้ความ ร้อนที่อุณหภูมิสูง (calcining) กับเกล็ดที่เป็นชั้นดังกล่าว 5. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 4 ซึ่งมีชั้นของไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์เกาะอยู่ 6. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึ่งชั้นของไฮดรัสดีบุกออกไซด์ตกตะกอนบนผิวหน้าของเกล็ดแก้วตามด้วย การเกาะชั้นของไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์บนนั้น 7. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึ่งไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์เกาะบนเกล็ดแก้วเมื่อมีเหล็กและสมาชิก อย่างน้อยหนึ่งตัวที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยแคลเซียม-, แมกนีเซียม- และสังกะสีไอออน 8. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึ่งชั้นของไฮดรัสเหล็กออกไซด์เกาะอยู่ ----------------------- แก้ไข 26/10/2559 1. สารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบโดยสำคัญด้วยเกล็ดของแก้วชนิด C ซึงมีชั้นที่ประกอบรวมด้วยเหล็ก ออกไซด์หรือไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์บนนั้น ทีซึ่งวัสดุที่เป็นแหล่งของไททาเนียม ไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ดังกล่าวถูกเลือกจากกลุ่มซึงประกอบด้วยไททาเนียมเททราคลอไรด์ และไททานิลซัลเฟต 2. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งชั้นประกอบรวมด้วยไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ 3. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 2 ซึงชั้นประกอบรวมด้วยเหล็กออกไซด์ 4. วิธีการสร้างสารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งประกอบโดยสำคัญด้วยการทำให้เกิดชั้นของไฮดรัส ไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์หรือไฮดรัสเหล็กออกไซด์บนเกล็ดแก้วชนิด C และให้ความ ร้อนที่อุณหภูมิสูงกับเกล็ดที่เป็นชั้นดังกล่าว 5. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 4 ซึ่งมีชั้นของไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์เกาะอยู่ 6. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึ่งชั้นของไฮดรัสดีบุกออกไซด์ตกตะกอนบนผิวหน้าของเกล็ดแก้วตามด้วย การเกาะชั้นของไฮดรัสไททาเนียมออกไซด์บนนั้น 7. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึงไฮดรัสไททาเนียมออกไซด์เกาะบนเกล็ดแก้วเมื่อมีเหล็กและสมาชิก อย่างน้อยหนึ่งตัวที่ถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วยแคลเซียม-; แมกนีเซียม- และสังกะสีไอออน 8. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 5 ซึงชั้นของไฮดรัสเหล็กออกไซด์เกาะอยู่ --------------------------

1. สารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบด้วยเกล็ดของแก้วชนิด C ที่มีการเคลือบครั้งแรกซึ่ง ประกอบด้วยเหล็กออกไซด์, หรือไททาเนียม ไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ ซึ่งวัสดุที่เป็นแหล่งของ ไททา เนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ เลือกได้จากกลุ่มซึ่ง ประกอบด้วย ไททาเนียมเททราคลอ ไรด์และไททานิลซัลเฟต และ เคลือบด้วยชั้นที่สองที่ประกอบด้วยไฮดรัสออกไซด์ หรือไฮด รอกไซด์ ของโพลีวาเลนท์แคทไอออนตะกอนของโพลีวาเลนท์แคทไอออน ดังกล่าว และสารชนิดแอนไอออ นิกโพลิเมอริก (anionic polymeric), และสารมีสีที่ไม่ละลายในน้ำ, โดยที่ เปอร์เซ็นต์ของแคทไอออน, สารและสารมีสีต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น ซึ่งเทียบกับน้ำหนักของสารมีสีเรืองมุกดังกล่าวจะอยู่ใน ช่วง 0.01 ถึง 20.0, ถึง 20.0, และ 0.01 ถึง 30 ตามลำดับ

2. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ซึ่งการเคลือบ ครั้งแรกประกอบด้วยไททา เนียมไดออกไซด์ที่เป็นผลึกแบบรูไทล์ (rutile)

3. สารมีสีเรืองมุกของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ซึ่งการเคลือบ ครั้งแรกประกอบด้วย เหล็กออกไซด์

4. วิธีการสร้างสารมีสีเรืองมุกซึ่งประกอบด้วยการทำให้ เกิดชั้นแรกของไฮดรัส ไททาเนียมไดออกไซด์เป็นผลึกแบบรูไทล์ หรือไฮดรัสเหล็กออกไซด์บนเกล็ดแก้วชนิด C และให้ ความร้อน ที่อุณหภูมิสูงกับเกล็ดแก้วที่เป็นชั้นดังกล่าวทำให้เกิด สารแขวนลอยชนิดเอเควียสของเกล็ด ที่ได้ให้ความร้อนที่ อุณหภูมิสูงนั้น การรวมสารแขวนลอยชนิดเอเควียสกับสารแขวน ลอยชนิดเอ เควียสของสารมีสีที่ไม่ละลายน้ำซึ่งมีสารชนิดแอน ไอออนิกโพลิเมอริก, สารแขวนลอยรวมที่ได้นั้น กับสารละลายเอ เควียสที่เป็นกรดของโพลีวาเลนท์แคทไอออน ซึ่งทำให้เกิดการ ตกตะกอนไฮดรัส ออกไซด์หรือไฮดรอกไซด์ และการตกตะกอนกับสาร ดังกล่าวนั้นเกิดที่ค่าความเป็นกรด/ด่าง (pH) ที่ กำหนด และปริมาณของสารที่ใช้ปรับค่า pH เพื่อให้ได้ค่า pH ที่ กำหนดดังกล่าว, และการให้ได้มาซึ่ง สารมีสีที่ได้

5. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 4 ซึ่งมีชั้นที่หนึ่ง ของไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์ เป็นผลึกแบบรูไทล์เกาะอยู่

6. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 5 ซึ่งชั้นที่หนึ่งได้ เกิดขึ้นโดยการตกตะกอนไฮดรัส ดีบุกออกไซด์บนผิวหน้าของเกล็ด แก้วตามด้วยการเกาะชั้นของไฮดรัสไททาเนียมไดออกไซด์

7. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 4 ซึ่งไฮดรัสไททาเนียมได ออกไซด์เกาะอยู่บนผิวหน้า ของเกล็ดแก้วเมื่อมีเหล็ก และ สมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวถูกเลือกจากกลุ่มที่ประกอบด้วย แคลเซียม, แมกนีเซียม และสังกะสีไอออน

8. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 4 ซึ่งมีชั้นที่หนึ่ง ของไฮดรัสเหล็กออกไซด์เกาะอยู่