TH55215B - กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน - Google Patents

กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน

Info

Publication number
TH55215B
TH55215B TH1001000750A TH1001000750A TH55215B TH 55215 B TH55215 B TH 55215B TH 1001000750 A TH1001000750 A TH 1001000750A TH 1001000750 A TH1001000750 A TH 1001000750A TH 55215 B TH55215 B TH 55215B
Authority
TH
Thailand
Prior art keywords
vapor
stream
distillation
tower
current
Prior art date
Application number
TH1001000750A
Other languages
English (en)
Other versions
TH117464B (th
TH117464A (th
Inventor
เอ็ม ฮัดสัน นายแฮงค์
แอล มาร์ติเนซ นายโทนี่
ทีคูลลาร์ นายไคล์
ดี วิลคินสัน นายจอห์น
Original Assignee
นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์
นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์
นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์ นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์ นายบุญมา เตชะวณิช
นายบุญมา เตชะวณิช
Filing date
Publication date
Application filed by นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์, นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์, นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์ นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์ นายบุญมา เตชะวณิช, นายบุญมา เตชะวณิช filed Critical นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์
Publication of TH117464B publication Critical patent/TH117464B/th
Publication of TH117464A publication Critical patent/TH117464A/th
Publication of TH55215B publication Critical patent/TH55215B/th

Links

Claims (4)

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :แก้ไข 07/04/2559 1. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซเรซิดิวซ์ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ มีเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำใหเป็นไอ, โดยวิธี นั้นจะก่อตัวเป็นกระแสไอ; (b) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะถูกจัดส่ง ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับแรก; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้เย็น, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่ สอง; (d) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่ากระแส ไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสก๊าซที่ถูกทำให้เย็นลงที่ถูกขยายออกดังกล่าว, ต่อจากนั้นกระแสไอจาก การกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันอย่างน้อยที่สุดบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะ ก่อเกิดเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, โดยจัดส่งความเย็นดังกล่าวไปยัง อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความร้อนดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (e) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาไปยัง หอกลั่นดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (f) กระแสไอส่วนบนจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นดังกล่าวและถูกแบ่ง ไปสู่อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วนลำดับที่สอง, ต่อจากนั้นส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกบีบ อัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (g) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน อย่างน้อยที่สุดบางส่วน และโดยวิธีนั้นจะก่อเกิดเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, โดยจัดส่งความ เย็นลงดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความร้อนดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (h) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซ ที่ถูกขยายตัวดังกล่าว; (i) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อย ที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าว; (j) กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ และส่วนลำดับแรกที่ร้อนดังกล่าวถูกรวมกันเพื่อก่อเกิด กระแสไอเรซิดิวซ์ และกระแสไอเรซิดิวซ์จะถูกทำให้ร้อน โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่าง น้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายตัวดังกล่าว (k) หลังจากนั้น กระแสไอเรซิดิวซ์ที่ร้อนดังกล่าวจะถูกรวมตัวกับกระแสของเหลวซึ่ง ระเหยง่ายที่เป็นไอเพื่อก่อเกิดเป็นส่วนของก๊าซเรซิดิวซ์ที่ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของมีเทน ดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (l) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอกลั่นดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบนของหอกลั่นดังกล่าว ที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วน ของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอกลั่นดังกล่าว 2. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้ไอบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกทำให้เป็นไอบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้ มีกระแสไอและกระแสของเหลวดังกล่าว; และ (c) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะถูก จัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่า; 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะ ถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (b) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้มีกระแส ไอเพิ่มเติมและกระแสของเหลว; (c) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของ คอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สองดังกล่าว; (d) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่น ดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่า; และ (c) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอที่ถูกขยายตัวดังกล่าวและกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าว 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็นไอบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกทำให้เป็นไอบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้ มีกระแสไอและกระแสของเหลวดังกล่าวลำดับแรก; (c) กระแสของเหลวลำดับแรกดงักล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่าลำดับ แรก; (d) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะ ถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (e) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้มีกระแส ไอเพิ่มเติมและกระแสของเหลวลำดับที่สอง; (f) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดั่งกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของ คอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง; (g) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไป ยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; และ (h) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่วจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าว 5. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็น, จะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่ สองดังกล่าว; (b) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกที่ถูกทำให้เย็นลงดังกล่าว; และ (c) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซ ดังกล่าว 6. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 3 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; โดยวิธีนั้นจะก่อเกิดเป็นกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวและกระแสของเหลวดังกล่าว; (b) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ ร้อน, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำ กว่าดังกล่าว; (d) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอลำดับแรกที่ถูกขยายดังกล่าวและกระแสไอเพิ่มเติมที่ถูกขยายตัวดังกล่าว; และ (e) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซ ดังกล่าว 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 4 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะก่อเกิดเป็นกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวและกระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าว; (b) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ร้อน, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ ตรงกลางที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าวว (d) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอที่ถูกขยายตัวดังกล่าวและกระแสไอเพิ่มเติมที่ถูกขยายออกดังกล่าว; และ (e) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 8. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1, 2, 3, หรือ 4 ซึ่ง (a) กระแสไอเรซิดิวซ์ดังกล่าวถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่าและหลังจากนั้นจะถูกทำให้ เย็น โดยจัดให้มีความเย็นดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความร้อนดังกล่าวของกระแส ของเหลวระเหยง่ายดังกล่าว; และ (b) กระแสไอเรซิดิวซ์ที่ถูกบีบอัดที่เย็นดังกล่าวหลังจากนั้นจะถูกรวมกันกับกระแส ของเหลวที่ระเหยง่ายที่เป็นไอดังกล่าวเพื่อก่อเกิดส่วนของก๊าซเรซิดิวซ์ที่ระเหยง่ายดังกล่าว 9. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1,2,3,4,6, หรือ 7 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนของคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นนัยสำคัญซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะ ถูกดึงออก 1 0. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 5 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแแรกดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่ง สาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนของคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นนัยสำคัญซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะ ถูกดึงออก 1 1. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 8 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนของคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นนัยสำคัยซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะ ถูกดึงออก 1 2. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1,2,3,4,6, หรือ 7 ซึ่งกระแส ของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจาก การกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและ กระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่น ดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 5 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณ ซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 8 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณ ซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 5. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 9 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณ ซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 6. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 10 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณ ซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 11 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, ต่อจากนั้นกระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณ ซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 8. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 ซึ่ง (a) ห่อกลั่นดังกล่าวจะถูกดัดแปลงเป็นหอลอกออก (Stripper column) เพื่อจะผลิตส่วน ที่เป็นของเหลว ซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าจากบริเวณที่ต่ำกว่าของหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าว (b) กระแสไอที่ถูกขยายตัวดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับ แรกไปยังหอดูดซึมซึ่งจะผลิตกระแสไอส่วนบนและกระแสของเหลวส่วนล่าง; (c) กระแสก๊าซที่ขยายตัวที่เย็นดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (d) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (e) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าว; (f) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยัง หอดูดซึมดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; และ .(g) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวและหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิ ส่วนบนของหอดูดซึมดังกล่าวและหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อย กว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอดูดซึมดังกล่าวและหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าว (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็นไอบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกทำให้เป็นไอบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้ มีกระแสไอและกระแสของเหลว; และ (c) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง 2 0. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 18 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะ ถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (b) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้มีกระแส ไอเพิ่มเติมและกระแสของเหลว; (c) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; และ (d) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยัง หอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง 2 1. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 18 ซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็นไอบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกทำให้เป็นไอบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้ มีกระแสไอและกระแสของเหลวดังกล่าวลำดับแรก; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะ ถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (d) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดให้มีกระแส ไอเพิ่มเติมและกระแสของเหลวลำดับที่สอง; (e) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (f) กระแสของเหลวลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง ลำดับแรก; และ (g) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไป ยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง 2 2. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 18 หรือ 19 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็น, จะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; และ (b) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแสก๊าซ ดังกล่าว 2 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 20 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; โดยวิธีนั้นจะก่อเกิดเป็นกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวและกระแสของเหลวดังกล่าว; (b) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ ร้อน, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ ตรงกลางดังกล่าว; และ (d) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยการจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแส ก๊าซดังกล่าว 2 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 21 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; โดยวิธีนั้นจะก่อเกิดเป็นกระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวและกระแสของเหลวลำดับที่สองกล่าว; (b) กระแสไอเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายตัวจนถึงแรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ร้อน, และหลังจากนั้นจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อน ของคอลัมน์ตรงกลางดังกล่าว; และ (d) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อทำให้เป็น ไอ, โดยการจัดส่งความร้อนดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความเย็นดังกล่าวของกระแส ก๊าซดังกล่าว 2 5. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 18, 19, 20, หรือ 21 ซึ่ง (a) กระแสไอเรซิดิวซ์ดังกล่าวถูกบีบอัดจนถึงแรงดันที่สูงกว่าและหลังจากนั้นจะถูกทำ ให้เย็น โดยจัดให้มีความเย็นดังกล่าวไปยังอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของความให้ร้อนดังกล่าวของ กระแสของเหลวที่ระเหยง่ายดังกล่าว; และ (b) กระแสไอเรซิดิวซ์ถูกบีบอัดที่เย็นหลังจากนั้นจะถูกรวมกันกับกระแสของเหลวที่ ระเหยง่ายเพื่อก่อเกิดส่วนของก๊าซเรซิดิวซ์ที่ระเหยง่ายดังกล่าว 2 6. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 18, 19, 20, 21, 23 หรือ 24 ซึ่ง3 (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 22 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 8. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 25 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 9. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 18, 19, 20, 21, 23, หรือ 24 ซึ่ง อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูกลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ ส่วนบนดังกล่าว 3 0. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 22 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 3 1. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 25 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 3 2. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 26 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว 3 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 27 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว 3 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 28 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดส่งไปยังหอกลั่นที่ถูก ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว ----------------------------------------------------- 1. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นกระแสไอ; (b) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะถูกจัดหา ให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับแรก; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้เย็นลง, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง ลำดับที่สอง; (d) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่ากระแส ไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสก๊าซที่ถูกทำให้เย็นลงที่ถูกขยายออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแส ไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิด การทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (e) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอกลั่นดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (f) กระแสไอส่วนบนจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นดังกล่าวและถูกแบ่ง ไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วนลำดับที่สอง, หลักจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูก บีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (g) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (h) กระแสของเลหวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (i) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (j) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้นอขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (k) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอกลั่นดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบนของหอกลั่นดังกล่าว ที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วน ของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอกลั่นดังกล่าว 2. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกระเหยบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้ เกิดกระแสไอและกระแสของเหลว; (c) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะถูกจัดหา ให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับแรกว (d) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่า; (e) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้เย็นลง, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง ลำดับที่สอง; (f) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่ากระแส ไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสก๊าซที่ถูกทำให้เย็นลงที่ถูกขยายออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแส ไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิด การทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (g) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอกลั่นดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (h) กระแสไอส่วนบนจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นดังกล่าวและถูกแบ่ง ไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วนลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูก บีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (i) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (j) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยง่ายมัน, กับการจัดให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (k) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (l) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังลก่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (m) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอกลั่นจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ้งอุณหภูมิส่วนบนของหอกลั่นดังกล่าวที่ อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วน ของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอกลั่นดังกล่าว 3. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมนเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนปะรกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหลักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติของเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนเพียงพอเพื่อระเหยมัน, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับแรก; (b) กระแสไอลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะ ถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับแรก; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้น จะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (d) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้เกิด กระแสไอลำดับที่สองและกระแสของเหลว; (e) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสาร ป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่สอง; (f) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่า; (g) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่ากระแส ไอลำดับแรกที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสไอลำดับสองดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ,กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็น ลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลว ดังกล่าว; (h) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอกลั่นดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (i) กระแสไอส่วนบนจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นดังกล่าวและถูกแบ่ง ไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วนลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับสองดังกล่าวจะถูก บีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (j) ส่วนลำดับที่แสงที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อรตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (k) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (l) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (m) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถกระเหยดังกล่าว,กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดงักล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (n) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอกลั่นดังกล่าวมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบนของหอกลั่นดังกล่าวที่ อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วน ของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอกลั่นดังกล่าว 4. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหลักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมันบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกระเหยบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้ เกิดกระแสไอลำดับแรกและกระแสของเหลวลำดับแรก; (c) กระแสไอลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะ ถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับแรก; (d) กระแสของเหลวลำดับแรกดงักล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดงัลก่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่า ลำดับแรก; (e) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้นจะ ถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (f) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้เกิด กระแสไอลำดับที่สองและกระแสของเหลวลำดับที่สอง; (g) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดั่งกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง; (h) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (i) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่ากระแส ไอลำดับแรกที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสไอลำดับที่สองดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็น ลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลว ดังกล่าว; (j) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอกลั่นดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนว (k) กระแสไอส่วนบนจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอกลั่นดังกล่าวและถูกแบ่ง ไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วนลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูก บีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (l) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป้นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (m) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย้างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (n) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (o) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (p) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอกลั่นดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบนของหอกลั่นดังกล่าว ที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วน ของของเหลวซึ่งค่อข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าวโดยการแยกลำดับส่วนในหอกลั่นดังกล่าว 5. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลง, จะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง ลำดับที่สองดังกล่าว; (b) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกที่ถูกทำให้เย็นลงดังกล่าว; และ (c) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาหใเกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 6. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 3 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวและกระแสของเหลวดังกล่าว; (b) กระแสก๊าซลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง ดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันท่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ ร้อน,และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง ที่ต่ำกว่าดังกล่าว; (d) กระแสไอจาการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอลำดับแรกที่ขยายออกดังกล่าวและกระแสไอลำดับที่สองที่ถูกขยายออกดังกล่าว; และ (e) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 4 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวและกระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าว; (b) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันทีต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง ดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ร้อน, และหลังจหานั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของ คอลัมน์ตรงกลางที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าวว (d) กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออกจากบริเวณของหอกลั่นดังกล่าวที่ต่ำกว่า กระแสไอลำดับแรกที่ถูกขยายออกดังกล่าวและกระแสไอลำดับที่สองที่ถูกขยายออกดังกล่าว; และ (e) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 8. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1, 2, 3, หรือ 4 ซึ่ง (a) กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าวและส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนดังกล่าวจะถูก รวมกันเพื่อก่อตัวกระแสไอที่เหลืออยู่; และ (b) กระแสไอที่เหลืออยู่ดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่าและหลังจากนั้นถูก รวมกันกับกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าวเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ ซึ่งระเหยง่ายดังกล่าว 9. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1,2,3,4,6, หรือ 7 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังลก่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นนัยสำคัญซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าว จะถูกดึงออก 1 0. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 5 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแแรกดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นสำคัญซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าว จะถูกดึงออก 1 1. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 8 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนบนดังกล่าว; และ (c) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนของคคอลัมน์ตรงกลางในบริเวณเดียวกันอย่างเป็นนัยสำคัยซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าว จะถูกดึงออก 1 2. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1,2,3,4,6, หรือ 7 ซึ่งกระแส ของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจาก การกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจากที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและ กระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 5 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจาก ที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 8 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจาก ที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งระแสไอจาก การกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 5. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 9 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจาก ที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 6. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 10 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจาก ที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 11 ซึ่งกระแสของเหลวจากการกลั่นจะถูกดึงออกจาก หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งเหนือกว่าบริเวณซึ่งกระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก, หลังจาก ที่กระแสของเหลวจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและกระแสของเหลวจากการกลั่นที่ถูกทำให้ ร้อนดังกล่าว หลังจากนั้นจะถูกนำไปสู่หอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่งต่ำกว่าบริเวณซึ่งระแสไอจากการ กลั่นดังกล่าวจะถูกดึงออก 1 8. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮดดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอระเหยมัน, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นการแสไอ; (b) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะถูกจัดหา ให้ที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับแรกไปยังหอดูดซึมซึ่งจะผลิตกระแสไอส่วนบนและกระแส ของเหลวส่วนล่าง; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้เย็นลง, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (d) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (e) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอลอกออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการกลั่นดงกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อน ดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (f) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอดูดซึมดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (g) กระแสไอส่วนบนดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วน ลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (h) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (i) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (j) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาหให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (k) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำไดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (l) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบน ของหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบ ไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าว โดยการแยกลำดับส่วนในหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าว 1 9. กระบวนการสำหรับการแยกธรรมชาติที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมนเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมันบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกระเหยบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้ เกิดกระแสไอและกระแสของเหลว; (c) กระแสไอดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้นจะถูกจัดหา ให้ที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับแรกไปยังหอดูดซึมซึ่งจะผลิตกระแสไอส่วนบนและกระแส ของเหลวส่วนล่าง; (d) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้เย็นลง, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าที่สอง; (e) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกที่ตำแหน่งสาร ป้อนของคอลัมน์ของส่วนบน; (f) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจาก นั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง; (g) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอลอกออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อน ดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (h) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอดูดซึมดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (i) กระแสไอส่วนบนดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วน ลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (j) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (k) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (l) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (m) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (n) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวและกหอลอกออกดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบน ของหอดูดซึมดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าว โดยการแยกลำดับส่วนในหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าว 2 0. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่า ที่มีส่วนหลักของส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, โดยวิธีนั้น จะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับแรก; (b) กระแสไอลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้น จะถูกจัดหาให้ที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับแรกไปยังหอดูดซึมซึ่งจะผลิตกระแสไอส่วนบนและ กระแสของเหลวส่วนล่าง; (c) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้น จะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (d) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้เกิด กระแสไอลำดับที่สองและกระแสของเหลว; (e) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (f) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (g) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลาง; (h) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอลอกออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อน ดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (i) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอดูดซึมดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (j) กระแสไอส่วนบนดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วน ลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับสองดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (k) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (l) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (m) ส่วนลำดับแรกดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (n) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (o) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังกล่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบน ของหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบ ไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยหว่าดังกล่าว โดยการแยกลำดับส่วนในหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าว 2 1. กระบวนการสำหรับการแยกของก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักและกระแสก๊าซที่มีเมทเทน, ส่วนประกอบ C2, และ ส่วนประกอบไฮโดรคาร์บอนหนักไปสู่ส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่งระเหยง่ายที่มีส่วนหลักของ เมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าวและส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าที่มี ส่วนหลักของส่วนปรกอบไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวซึ่ง (a) ก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยบางส่วน; (b) ก๊าซธรรมชาติเหลวที่ถูกระเหยบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้ เกิดกระแสไอลำดับแรกและกระแสของเหลวลำดับแรก; (c) กระแสไอลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าและหลังจากนั้น จะถูกจัดหาให้ที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับแรกไปยังหอดูดซึมซึ่งจะผลิตกระแสไอส่วนบนและ กระแสของเหลวส่วนล่าง; (d) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและหลังจากนั้น จะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน; (e) กระแสก๊าซที่ถูกควบแน่นบางส่วนดังกล่าวจะถูกแยกโดยวิธีนั้นเพื่อจัดหาให้เกิด กระแสไอลำดับที่สองและกระแสของเหลวลำดับที่สอง; (f) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอกลั่นดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง; (g) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกที่ตำแหน่ง สารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (h) กระแสของเหลวลำดับแรกดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับ แรก; (i) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนและหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สอง; (j) กระแสไอจากการกลั่นจะถูกดึงออกจากบริเวณด้านบนของหอลอกออกดังกล่าว, หลังจากที่กระแสไอจากการกลั่นดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสที่ถูกควบแน่นและกระแสที่มีไอที่เหลืออยู่ใดๆ, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อน ดังกล่าวของก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (k) อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยัง หอดูดซึมดังกล่าวในฐานะเป็นกระแสรีฟลักซ์ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน; (l) กระแสไอส่วนบนดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด ส่วนลำดับแรกและส่วน ลำดับที่สอง, หลังจากที่ส่วนลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่า; (m) ส่วนลำดับที่สองที่ถูกบีบอัดดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมัน บางส่วน เป็นอย่างน้อยที่สุด และโดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่าย, กับการจัดหา ให้เกิดการทำให้เย็นลงดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้ร้อนดังกล่าวของก๊าซ ธรรมชาติเหลวดังกล่าว; (n) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซที่ถูกขยายออกดังกล่าว; (o) ส่วนลำดับแรกดังลก่าวจะถูกทำให้ร้อน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้น ดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลงดังกล่าวของกระแสไอจากการกลั่น ดังกล่าว; (p) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าว, กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าว, และส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังลก่าวที่มีส่วนหลักของเมทเทนดังกล่าวและส่วนประกอบ C2 ดังกล่าว; และ (q) ปริมาณและอุณหภูมิของกระแสรีฟลักซ์ดังลก่าวและอุณหภูมิของสารป้อนดังกล่าว ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุณหภูมิส่วนบน ของหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าวที่อุณหภูมิ โดยวิธีนั้นส่วนหลักของส่วนประกอบ ไฮโดรคาร์บอนหนักดังกล่าวจะถูกคืนกลับในส่วนของของเหลวซึ่งค่อนข้างระเหยน้อยกว่าดังกล่าว โดยการแยกลำดับส่วนในหอดูดซึมดังกล่าวและหอลอกออกดังกล่าว 2 2. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 18 หรือ 19 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลง, จะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สอง ดังกล่าว; และ (b) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 2 3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 20 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวและกระแสของเหลวดังกล่าว; (b) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ ร้อน, และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรง กลางดังกล่าว; และ (d) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับส่วนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 2 4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 21 ซึ่ง (a) กระแสก๊าซดังกล่าวจะถูกทำให้เย็นลงอย่างเพียงพอเพื่อควบแน่นมันบางส่วน, โดยวิธีนั้นจะก่อตัวเป็นกระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวและกระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าว; (b) กระแสไอลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าวและ หลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนที่ต่ำกว่าลำดับที่สองดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกขยายออกไปสู่แรงดันที่ต่ำกว่าดังกล่าว, จะถูกทำให้ร้อน,และหลังจากนั้นจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของ คอลัมน์ตรงกลางลำดับที่สองดังกล่าว; และ (d) กระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนอย่างเพียงพอเพื่อระเหยมัน, กับการจัดหาให้เกิดการทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุด สำหรับสวนหนึ่งของการทำให้เย็นลง ดังกล่าวของกระแสก๊าซดังกล่าว 2 5. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งข้อถือสิทธิที่ 18,19,20, หรือ 21 ซึ่ง (a) กระแสไอที่เหลืออยู่ใดๆ ดังกล่าวและส่วนลำดับแรกที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นดังกล่าวจะ ถูกรวมกันเพื่อก่อตัวเป็นกระแสไอที่เหลืออยู่; และ (b) กระแสไอที่เหลืออยู่ดังกล่าวจะถูกบีบอัดไปสู่แรงดันที่สูงกว่าและหลังจากนั้นจะถูก รวมกันกับกระแสของเหลวซึ่งระเหยง่ายที่ถูกระเหยดังกล่าวเพื่อก่อตัวเป็นส่วนของก๊าซที่เหลืออยู่ซึ่ง ระเหยง่ายดังกล่าว 2 6. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งข้อถือสิทธิที่ 18,19,20,21,23 หรือ 24 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ลำดับ แรกและกระแสรีฟลักซืลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังลก่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกอออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 7. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 22 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกของดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วสนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังลก่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 8. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 25 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 8. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 25 ซึ่ง (a) กระแสที่ถูกควบแน่นดังกล่าวจะถูกแบ่งไปสู่ อย่างน้อยที่สุด กระแสรีฟลักซ์ ลำดับแรกและกระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สอง; (b) กระแสรีฟลักซ์ลำดับแรกดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอดูดซึมดังกล่าวที่ตำแหน่ง สารป้อนส่วนบนดังกล่าว; (c) กระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบน; และ (d) กระแสรีฟลักซ์ลำดับที่สองดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหลอกออกดังกล่าว ที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 2 9. กระบวนการตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 18,19,20,21,23 หรือ 24 ซึ่ง อย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบน ดังกล่าว 3 0. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 22 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอ ลอกออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 3
1. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 25 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอก ออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ส่วนบนดังกล่าว 3
2. กระบวนการคตามข้อถือสิทธิที่ 26 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอก ออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว 3
3. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 27 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอก ออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว 3
4. กระบวนการตามข้อถือสิทธิที่ 28 ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของกระแสของเหลว ส่วนล่างดังกล่าวจะถูกทำให้ร้อนก่อนกระแสของเหลวส่วนล่างดังกล่าวจะถูกจัดหาให้ไปยังหอลอก ออกดังกล่าวที่ตำแหน่งสารป้อนของคอลัมน์ตรงกลางด้านบนดังกล่าว
TH1001000750A 2010-05-14 กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน TH55215B (th)

Publications (3)

Publication Number Publication Date
TH117464B TH117464B (th) 2012-11-15
TH117464A TH117464A (th) 2012-11-15
TH55215B true TH55215B (th) 2017-05-26

Family

ID=

Similar Documents

Publication Publication Date Title
CA2536214A1 (en) Liquefied natural gas processing
AR031133A1 (es) Procesamiento de gas de hidrocarburo
AR023066A1 (es) Proceso para la separacion de un flujo de gas
JP2013505422A5 (th)
CA2653610A1 (en) Liquefied natural gas processing
AR051544A1 (es) Proceso y aparato para la separacion de gas natural licuado
RU2015114715A (ru) Интегрированное удаление азота при производстве сжиженного природного газа с использованием охлаждаемого теплового насоса
TW201127945A (en) Hydrocarbon gas processing
GB2487111A (en) Liquefied natural gas and hydrocarbon gas processiing
CO5100987A1 (es) Un proceso para separar un componente volatil del gas natural
JPH09176658A (ja) 液体原料混合物の分離方法
WO2012003358A3 (en) Methods and systems for recovering liquified petroleum gas from natural gas
MX2009010441A (es) Procesamiento de gas natural licuado.
CA2562323A1 (en) Natural gas liquefaction
US20080302650A1 (en) Process to recover low grade heat from a fractionation system
CN108700373A (zh) 用于稀有气体回收的系统和方法
RU2286377C1 (ru) Способ низкотемпературного разделения углеводородного газа
TH55215B (th) กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน
TH117464A (th) กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน
CN109748772B (zh) 从lng中分离和回收烃类的设备
TH60953B (th) กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน
TH109436A (th) กระบวนการของก๊าซธรรมชาติเหลวและก๊าซไฮโดรคาร์บอน
RU2570540C1 (ru) Способ низкотемпературной переработки газа и установка для его осуществления (варианты)
TH55128B (th) ก๊าซธรรมชาติเหลวและกระบวนการก๊าซไฮโดรคาร์บอน
RU143479U1 (ru) Установка глубокого извлечения легких углеводородов