TH3892A - การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4 - Google Patents

การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4

Info

Publication number
TH3892A
TH3892A TH8601000367A TH8601000367A TH3892A TH 3892 A TH3892 A TH 3892A TH 8601000367 A TH8601000367 A TH 8601000367A TH 8601000367 A TH8601000367 A TH 8601000367A TH 3892 A TH3892 A TH 3892A
Authority
TH
Thailand
Prior art keywords
type
oxide
group
weight
lanthanum
Prior art date
Application number
TH8601000367A
Other languages
English (en)
Other versions
TH1997B (th
TH3892EX (th
Inventor
เฮนรี โคลท์ส นายจอห์น
อัลเบิร์ต เดลเซอร์ นายแกรี
Original Assignee
นายดำเนิน การเด่น
นายวิรัช ศรีเอนกราธา
Filing date
Publication date
Application filed by นายดำเนิน การเด่น, นายวิรัช ศรีเอนกราธา filed Critical นายดำเนิน การเด่น
Publication of TH3892A publication Critical patent/TH3892A/th
Publication of TH3892EX publication Critical patent/TH3892EX/th
Publication of TH1997B publication Critical patent/TH1997B/th

Links

Abstract

องค์ประกอบใหม่ๆ ชนิดต่างๆ ของสารรวมถึง ออกไซด์ผสมชนิดต่างๆ ของ ก. อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม, อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และอย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม, โหละในอนุกรมของแลนธานัมซึ่งโดยเหมาะแล้วเป็นเลนธานัม และซีเรียม และ/หรือ ไนโอเบียม ข. อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแคลเซียม, สตรอนเซียม, ดีบุกและ/หรือพลวง อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีสและอย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม, โลหะในอนุกรมของแลนธานัม หรือ/หรือ ไนโอเบียม ค. อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และอย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม โลหะในอนุกรรมของลนธานัม และ/หรือไนโอเบียม และ ง. อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และอย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม โลหะในอนุกรมของแลนธานัม และ/หรือ ไนโอเบียม องค์ประกอบเหล่านี้มีประสิทธิผลอย่างยิ่งในการใช้เป็นองค์ประกอบสำหรับสารเร่งปฏิกิริยาสำหรับการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด C3 และ C4 ไปเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่อิ่มตัวน้อยกว่า โดยมีความสามารถในการเลือกผลิตผลิตภัณฑ์เอธิลีน และเอเธน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอธิลีน และการเติมโครเมียมจะเพิ่มความไวต่อปฏิกิริยาของสารเร่งปฏิกิริยาสำหรับการแปลงเปลี่ยนอย่างเลือกสรรดังกล่าวขึ้นอีกมากก่อนจำเป็นต้องมีการรีเจนเนอเรชันยังได้มีการเปิดเผยวิธีการหนึ่งของการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอน ชนิด C3 และ C4 ไปเป็นสารไฮโดรคาร์บอน ที่อิ่มตัวน้อยกว่า และให้ผลิตัณฑ์เอธิลีนและเอเธน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอธิลีนอย่างเลือกสรร เมื่อสารเร่งปฏิกิริยามีเหล็กประกอบอยู่ด้วยกระบวนการนี้จำเป็นต้องดำเนินโดยให้มีไอน้ำอยู่ด้วย แต่เมื่อไม่มีเหล็กประกอบด้วยด้วยกระบวนการนี้อาจมีไอน้ำอยู่ด้วยก็ได้ การจำกัดปริมาณของซัลเฟอร์ชนิดบาวน์หรือพืชในสารเร่งปฏิกิริยายังปรับปรุงสารเร่งปฏิกิริยาให้ดีขึ้นอีกด้วย

Claims (9)

1. วิธีการสำหรับแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อยที่สุดสารไฮโดรคาร์บอนชนิด C3 และ C4 ชนิดหนึ่งไปเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่อิ่มตัวน้อยกว่าซึ่งประกอบด้วย การสัมผัสสารป้อนไฮโดรคาร์บอนดังกล่าวกับส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วย (ก) สารเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบเป็นสำคัญด้วยประมาณ 0.1ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวของ (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม (ข) สารเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบด้วยประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวของ (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม และ (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียมอย่างน้อยที่สุดตัวหนึ่ง (ค) สารเร่งปฏิกิริยาที่ประกอบเป็นสำคัญด้วยประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวเอง (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วยแคลเซียม, สตรอนเซียม, แบเรียม, ดีบุกและพวงอย่างน้อยที่สุดตัวหนึ่ง และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนคบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม (ง) สารเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบด้วยประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวตัวเอง (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วยแคลเซียม, สตรอมเซียม, แบเรียม, ดีบุกและพลวงอย่างน้อยที่สุดตัวหนึ่งและ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแสนธานัม และโนโอเบียอย่างที่สุดโดยที่ % โดยน้ำหนักดังกล่าวอยู่ในเทอมของธาตุเทียบกับน้ำหนักรวมของสารเร่งปฏยัติ าภายใตสภาพที่เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนดังกล่าวไปเป็นผลิตภัณฑ์ไฮโดรคาร์บอนที่อิ่มตัวน้อยกว่าดังกล่าว
2. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรรมของแลนธานัมไน"อเนียม ย่างน้อยที่สุดตัว
3. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกมาจากกลุ่มอันประกอบด้วยแคลเซียม, สตรอนเซียม, แบเรียม, ดีบุกและพลวง อย่างน้อยที่สุดตัวหนึ่ง (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัม และไนโอเบียมอย่างน้อยที่สุดตัวหนึ่ง
4. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งสารป้อนโฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยโพรเพน
5. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งสารป้อนโฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยบิวเทน
6. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งสารป้อนไฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยส่วนผสมของโพรเพนและบิวเทน
7. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งสภาพต่างๆ เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนอย่างเลือกสรรไปเป็นเอธิลีนและอีเธน
8. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 7 ที่ซึ่งสภาพต่างๆ เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนอย่างเลือกสรรไปเป็นเอธิลีน
9. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียมเป็นโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่อันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัม 1
0. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 9 ที่ซึ่งโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมเป็นโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งทีเลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยแลนธานัมและซีเรียม 1
1. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบโดยจำเป็นด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดของออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม 1
2. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วยจำเป็นด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยแคลเซียม, สตรอนเซียม, แบเรียม ดีบุกและพลวง (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม 1
3. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งอุณหภูมิถูกรักษาไว้ระหว่างประมาณ 550 องศา ซ. ถึงประมาณ 850 องศา ซ 1
4. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งดำเนินวิธีการในที่ที่มีไอน้ำในอัตราส่วนไอน้ำ/สารป้อนไฮโดรคาร์บอนระหว่างประมาณ 0.1/1 กับประมาณ 10/1 1
5. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งปริมาณซัลเฟอร์ในส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาต่ำกว่า 0.2% โดยน้ำหนักซึ่งแสดงในเทอมของธาตุซัลเฟอร์เทียบกับน้ำหนักทั้งหมดของสารเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว 1
6. วิธีการแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยสารไฮโดรคาร์บอนชนิด C3 และ C4 อย่างน้อยที่สุดหนึ่งชนิดไปเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่อิ่มตัวน้อยกว่าซึ่งประกอบด้วย การสัมผัสสารป้อนไฮโดรคาร์บอนดังกล่าว ในที่ที่มีไอน้ำกับส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วย (ก) ส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบเป็นสำคัญด้วย ประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวของ (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม และ (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และส่วนที่เค ลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม (ข) ส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบด้วยประมาณ0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวของ (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม และ (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และส่วนที่เหลือของ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียม (ค) ส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งประกอบเป็นสำคัญด้วยประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวของ (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม (ง) ส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งประกอบด้วยประมาณ0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของแต่ละตัวเอง (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และส่วนที่เหลือจนครบ 100% โดยน้ำหนักเป็นของ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียมประมาณ 0.1 ถึง 30% โดยน้ำหนักของสารในแต่ละข้อ โดยที่ %โดยน้ำหนักดังกล่าวแสดงในเทอมของธาตุเทียบกับน้ำหนักทั้งหมดของสารเร่งปฏิกิริยา ภายใต้สภาพที่เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนารป้อนไฮโดรคาร์บอนดังกล่าวไปเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่อิ่มตัวน้อยกว่าดังกล่าว 1
7. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบดโดยจำเป็นด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งและแมงกานีส และ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม 1
8. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียม 1
9. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งสารป้อนไฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยโพรเพน 2
0. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งสารป้อนไฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยบิวเทน 2
1. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งสารป้อนไฮโดรคาร์บอนประกอบด้วยส่วนผสมของโพรเพนและบิวเทน 2
2. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งสภาพต่างๆ เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนอย่างเลือกสรรไปเป็นเอธิลีนและอีเธน 2
3. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 22 ที่ซึ่งสภาพต่างๆ เพียงพอที่จะแปลงเปลี่ยนสารป้อนไฮโดรคาร์บอนอย่างเลือกสรรไปเป็นเอธิลีน 2
4. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียมเป็นโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัม 2
5. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 24 ที่ซึ่งโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมเป็นโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งที่เลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยแลนธานัมและธีเรียม 2
6. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบเป็นสำคัญด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก และ (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมกนีเซียม 2
7. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วย (1) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโครเมียม (2) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็ก (3) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของแมงกานีส และ (4) อย่างน้อยที่สุดออกไซด์ชนิดหนึ่งของโลหะอย่างน้อยที่สุดชนิดหนึ่งเลือกจากกลุ่มอันประกอบด้วยโลหะในอนุกรมของแลนธานัมและไนโอเบียม 2
8. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งอุณหภูมิถูกรักษาไว้ระหว่างประมาณ 550 องศา ซ. และประมาณ 850 องศา ซ. 2
9. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งอัตราส่วนของไอน้ำ/สารป้อนฮโดรคาร์บอนถูกรักษาไว้ระหว่างประมาณ 0.1/1กับ 10/1 3
0. วิธีการตามข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งปริมาณซัลเฟอร์ในส่วนประกอบของสารเร่งปฏิกิริยาต่ำกว่าประมาณ 0.2% โดยน้ำหนัก ซึ่งแสดงในเทอมของธาตุซัลเฟอร์เทียบกับน้ำหนักทั้งหมดของสารเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว
TH8601000367A 1986-07-23 การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4 TH1997B (th)

Publications (3)

Publication Number Publication Date
TH3892A true TH3892A (th) 1987-02-02
TH3892EX TH3892EX (th) 1987-02-02
TH1997B TH1997B (th) 1990-11-12

Family

ID=

Similar Documents

Publication Publication Date Title
EP0259954A1 (en) Process for converting C2 to C12 aliphatics to aromatics over a zinc activated zeolite
JPH01231920A (ja) 炭化水素中の水銀除去方法
US4191632A (en) Process for the production of benzene from hydrocarbon fractions rich in alkyl-aromatic hydrocarbons and containing paraffinic and naphthenic hydrocarbons
US4621162A (en) Method for conversion of C3 and C4 hydrocarbons to olefinic products
US4658081A (en) Propylene and ethylene selectivity with H2 S
DK151939B (da) Katalysator til reduktion af indholdet af nitrogenoxider i gasstroemme samt fremgangsmaade til gennemfoerelse af en saadan reduktion
MY102427A (en) Composition of matter and method for conversion of c3 and c4 hydrocarbons.
CA1261315A (en) Composition of matter and method for conversion of c.sub.3 and c.sub.4 hydrocarbons
TH3892A (th) การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
TH1997B (th) การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
US5306682A (en) Process for the regeneration of coke-deposited, crystalline silicate catalyst
US5552362A (en) Catalysts for the removal of sulfur compounds from industrial gases, a process for their production and their use
WO1980002809A1 (en) Method of regeneration of rhodium-containing catalyst
US5766567A (en) Method for desulphurising a gaseous mixture containing H2 S and SO.sub.
TH3892EX (th) การดีไฮโดรจิเนตและการแคร์คไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
US4500646A (en) Conversion catalysts for synthesis gas
NZ216959A (en) Catalyst for hydrocarbon conversion comprising mn and mg oxides
AU577955B2 (en) Catalyst composition and method for conversion of c3 and c4 hydrocarbons
TH2268B (th) องค์ประกอบสารเร่งปฏิกิริยาและวิธีการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
TH3962A (th) องค์ประกอบสารเร่งปฏิกิริยาและวิธีการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
TH3962EX (th) องค์ประกอบสารเร่งปฏิกิริยาและวิธีการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
TH13223A (th) วิธีการเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์เอธิลีนและโพรพิลีน
TH3891A (th) องค์ประกอบสารเร่งปฏิกิริยาและวิธีการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4
US4304687A (en) Catalyst for the purification of polluted water
TH3891EX (th) องค์ประกอบสารเร่งปฏิกิริยาและวิธีการแปลงเปลี่ยนสารไฮโดรคาร์บอนชนิด c3 และ c4