Claims (7)
1. วิธีของการเข้ารหัสเวคเตอร์ป้อนเข้าโดยทางการใช้เล่มรหัส M แต่ละอัน ที่มีเวคเตอร์ตัวแทนกำหนดชื่อจำนวนมากซึ่งมีจำนวนมิติเท่ากัน M ดังกล่าวจะเป็นค่าจำนวนเต็ม เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการดังกล่าวประกอบด้วยขั้นตอนคือ a) ทำการเลือกเวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าวทีละตัวจากเล่มรหัส M ดังกล่าว b) ทำการคูณเวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าว (แต่ละตัวจะเลือกมาจากหนึ่งค่า ในเล่มรหัส M ดังกล่าว) โดย M ได้มีการกำหนดเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักค่าตัวเลขมิติ เดียวกันกับบรรดาเวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าวเพื่อที่จะผลิตเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก M เวคเตอร์ สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อยหนึ่งค่าในมิติขนาด แตกต่าง c) บวกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก M ดังกล่าวทั้งหมดเพื่อสร้างเวคเตอร์ ตัวแทนร่วม d) คำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ป้อนเข้าดังกล่าว และเวคเตอร์ ตัวแทนร่วมดังกล่าว e) ทำซ้ำขั้นตอน (a), (b), (c) และ (d) เพื่อค้นหาและกำหนด เวคเตอร์ตัวแทนร่วมดังกล่าวซึ่งมีค่าระยะทางระหว่างตัวมัน และเวคเตอร์สัญญาณป้อนเข้า ดังกล่าวมีค่าน้อยที่สุด f) การเข้ารหัส และกำหนดชื่อติดออกเอาท์พุทไปยังเวคเตอร์ตัวแทน ดังกล่าวของเล่มรหัสดังกล่าวซึ่งให้เวคเตอร์ตัวแทนร่วมดังกล่าวด้วยระยะทางน้อยที่สุดดังกล่าว 2. วิธีการของการเข้ารหัสเวคเตอร์ (อินพุท) ป้อนเข้าโดยทางการใช้เล่ม รหัส M ที่แต่ละอันจะมีเวคเตอร์ตัวแทนกำหนดชื่อจำนวนมากด้วยจำนวนมิติเท่ากัน M ดังกล่าว จะเป็นค่าจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีดังกล่าวประกอบด้วยขั้นตอนของ a) ค่าการคูณเวคเตอร์ตัวแทน (โดยคัดเลือกแต่ละตัวจากหนึ่งในเล่ม รหัส M ดังกล่าว) ด้วยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ที่จำนวนมิติขนาดเดียวกันกับบรรดา เวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าวของเล่มรหัส M ดังกล่าวเพื่อให้ได้กลุ่ม M ของเวคเตอร์ตัวแทน น้ำหนัก และกำหนดเส้นตรง M เพื่อการประมาณกลุ่ม M ของเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าว โดยลำดับ เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละส่วนจะมีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อย หนึ่งค่าในมิติต่าง ๆ b) ลากยื่นเวคเตอร์ป้อนเข้าดังกล่าวบนเส้นตรง M ดังกล่าวลงบนระบบ พิกัดมิติ M และทำการเลือกขั้นต้นสำหรับเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักจำนวนมากที่อยู่ติด หรือใกล้กับ เส้นลากดังกล่าว ตามลำดับเพื่อทำให้เกิดกลุ่ม M c) เลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักจากกลุ่มย่อย M ดังกล่าวและทำการ บวกเพื่อหาเวคเตอร์ตัวแทนร่วม d) คำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ตัวแทนร่วมดังกล่าว และเวค เตอร์ป้อนเข้าดังกล่าว e) ทำซ้ำขั้นตอน c) และ d), ดังกล่าวสำหรับการรวมเวคเตอร์ตัวแทน น้ำหนักแต่ละตัวของกลุ่มย่อย M ดังกล่าวเพื่อคำนวณค่าระยะทาง และ f) กำหนดชื่อในเล่มรหัส M ดังกล่าวซึ่งเทียบได้กับเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก ดังกล่าวของการร่วมซึ่งให้ระยะทางดังกล่าวน้อยที่สุด และให้เอาท์พุทออกเป็นชื่อสัญลักษณ์ ดังกล่าว เป็นผลจากการเข้ารหัสเวคเตอร์สัญญาณอินพุท 3. วิธีการเข้ารหัสเวคเตอร์อินพุทโดยการใช้เล่มรหัส M ที่แต่ละตัวจะมีเวค เตอร์ตัวแทนซึ่งกำหนดสัญลักษณ์ไว้อยู่จำนวนมาก ซึ่งมีขนาดมิติจำนวนเดียวกัน M ดังกล่าวจะ มีค่าเป็นจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการดังกล่าวประกอบไปด้วยขั้นตอน a) ทำการผลิตเล่มรหัสน้ำหนัก M ขั้นต้นที่แต่ละค่าจะมีเวคเตอร์ตัวแทน น้ำหนักซึ่งหาได้โดยการคูณเวคเตอร์ตัวแทนของเล่มรหัส M ดังกล่าวโดยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนักที่กำหนดไว้ M ที่มีจำนวนมิติเดียวกันกับบรรดาเวคเตอร์ตัวแทน เวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนัก M ดังกล่าว โดยแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อยหนึ่งอันในมิติแตกต่าง b) ทำการเลือกเวคเตอร์ตัวแทนทีละอันจากเล่มรหัสน้ำหนัก M ดังกล่าว c) บวกเล่มรหัสตัวแทนน้ำหนัก M ดังกล่าวทั้งหมดรวมกันเพื่อสร้างเวค เตอร์ตัวแทนร่วม d) คำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ป้อนเข้าดังกล่าว และเวคเตอร์ ตัวแทนร่วมดังกล่าว e) ทำซ้ำขั้นตอน b) , c) และ d) เพื่อค้นหาและกำหนดเวคเตอร์ตัว แทนร่วมดังกล่าวซึ่งมีระยะทางระหว่างตัวมัน และเวคเตอร์อินพุทดังกล่าวให้มีค่าน้อยที่สุด f) เข้ารหัส และชื่อกำหนดเอาท์พุท ทำการติดไว้กับเวคเตอร์ตัวแทนของเล่มรหัสดังกล่าวซึ่งให้เวคเตอร์ตัว แทนร่วมดังกล่าวด้วยระยะทางน้อยที่สุดดังกล่าว 4. วิธีการเข้ารหัสเวคเตอร์ป้อนเข้า (อินพุท) โดยการใช้เล่มรหัส M ที่แต่ละ ค่าจะมีเวคเตอร์ตัวแทนกำหนดชื่อจำนวนมาก ด้วยมิติจำนวนเดียวกัน M ดังกล่าวจะเป็นจำนวน เต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีดังกล่าวประกอบไปด้วยขั้นตอนของ a) คูณเวคเตอร์ตัวแทนของเล่มรหัส M ดังกล่าวด้วยเวคเตอร์สัมประ สิทธิ์น้ำหนัก M และที่จำนวนมิติเดียวกันกับเวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าว ให้ได้กลุ่ม M ของเวค เตอร์ตัวแทนน้ำหนัก เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละส่วนจะมีส่วนประกอบสูงสุด หนึ่งค่าเป็นอย่างน้อยในมิติที่แตกต่างกัน b) กำหนดเส้นตรง M สำหรับประมาณกลุ่ม M ของเวคเตอร์ตัวแทน น้ำหนักดังกล่าวตามลำดับ c) ลากยื่นเวคเตอร์ป้อนเข้าดังกล่าวลงบนเส้นตรง M บนระบบพิกัด มิติ M และการเลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักล่วงหน้าที่ติดหรือชิดกับเส้นลากยื่นดังกล่าวตาม ลำดับทำให้เป็นกลุ่มย่อย d) เลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักจากกลุ่มย่อย M ดังกล่าวตามลำดับ และบวกรวมเข้าไว้ให้ได้เวคเตอร์ตัวแทนร่วม e) คำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ตัวแทนร่วมดังกล่าว และเวค เตอร์ (อินพุท) ป้อนเข้าดังกล่าว f) ทำซ้ำขั้นตอน (d) และ (e) สำหรับการรวมเวคเตอร์ตัวแทนน้ำ หนักของกลุ่มย่อย M เพื่อที่จะคำนวณระยะทางดังกล่าว g) กำหนดชื่อลงในเล่มรหัส M ดังกล่าว ซึ่งเทียบเท่ากับเวคเตอร์ตัว แทนน้ำหนักดังกล่าว การร่วมซึ่งมีระยะทางน้อยที่สุดดังกล่าวและเอาท์พุทชื่อดังกล่าวเสมือนผล รหัสของเวคเตอร์ดังกล่าว 5. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 1,2,3, หรือ 4 ที่ซึ่งเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวถูกเลือกเพื่อให้ผลรวมของเมทริกซ์ทแยงมุมโดยใช้ส่วนประกอบของเวคเตอร์ สัมประสิทธิ์น้ำหนักดังกล่าวเหมือนกับส่วนประกอบย่อยทแยงมุมของมันจะกลายเป็นผลคูณคงที่ ของหน่วยเมทริกซ์ 6. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 2 หรือ 4 ที่ซึ่งขั้นตอนกำหนดกลุ่มย่อยดังกล่าว จะรวมถึงขั้นตอนการเลือกจำนวนที่กำหนดไว้แล้วสำหรับเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักที่อยู่ในตำแหน่ง ใกล้กับเส้นลากเวคเตอร์อินพุทของเส้นตรง M ดังกล่าวมากที่สุด 7. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 2 หรือ 4 ที่ซึ่งขั้นตอนการกำหนดกลุ่มย่อยดังกล่าว จะรวมถึงขั้นตอนการเลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าวที่วางอยู่ภายใต้ช่วงระยะทางที่กำหนด ไว้จากตำแหน่งเส้นลากของเวคเตอร์อินพุทบนเส้นตรง M ดังกล่าวแต่ละเส้น 8. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 2 หรือ 4 ที่ซึ่งเวคเตอร์ตัวแทนดังกล่าวและเวค เตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักดังกล่าวต่างก็เป็นเวคเตอร์มิติ M เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M แต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อยค่าในมิติที่แตกต่างเพื่อสร้างมิติดังกล่าวที่เป็นมิติเฉพาะ ค่าขีดเปลี่ยน F กำหนดไว้ก่อนบนพื้นฐานของค่าส่วนย่อย ๆ ของมิติเฉพาดังกล่าวโดยตลอด ช่วงกำหนดส่วนประกอบสูงสุดและต่ำสุดของมิติเฉพาะดังกล่าวของเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก M ดังกล่าวทุก ๆ ตัวที่เปรียบได้กับเล่มรหัสดังกล่าว ซึ่งโดยค่าองค์ประกอบของมิติเฉพาะดังกล่าว ของเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น F+1 อาณาเขต และเวคเตอร์ ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าวจำนวนมากนั้นจะถูกจัดไว้สำหรับอาณาเขตดังกล่าวแต่ละพื้นที่ F มีค่า เป็นจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 1 และขั้นตอนการกำหนดกลุ่มย่อยดังกล่าวคือขั้นตอนของ การเปรียบเทียบค่าในมิติเฉพาะดังกล่าวของเวคเตอร์อินพุทดังกล่าวที่ลากอยู่บนเส้นตรง M ดังกล่าว ตามลำดับกับค่าขีดเปลี่ยนดังกล่าวเพื่อจะหาบริเวณซึ่งค่าต่าง ๆ ดังกล่าวอยู่ในมิติ เฉพาะดังกล่าว และการเลือกสรรเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าวที่อยู่ในบริเวณที่ถูกกำหนด ดังกล่าวจนทำให้เกิดกลุ่มย่อยดังกล่าว 9. วิธีการเข้ารหัสเวคเตอร์สัญญาณโสตทัศน์ทางอินพุทโดยใช้เล่มรหัสแหล่งการ กระตุ้น M ที่มีเวคเตอร์การกระตุ้นที่กำหนดชื่อจำนวนมากในแต่ละอัน ค่า M ดังกล่าวจะเป็น จำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการดังกล่าวประกอบด้วยขั้นตอนคือ a) การคำนวณตัวแปรรอบ ๆ สเปคตรัมของเวคเตอร์ดังกล่าวของ สัญญาณป้อนเข้าโสตทัศน์ดังกล่าว ทำการประเมินตัวแปรโดยรอบสเปคตรัมดังกล่าว และตั้งค่า ตัวแปรประเมินดังกล่าวให้เป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรองของส่วนกรองสังเคราะห์ b) เลือเวคเตอร์กระตุ้น M จากเล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าว เพื่อการผิดเพี้ยนของสัญญาณโสตทัศน์ที่สังเคราะห์โดยตัวกรองสังเคราะห์ดังกล่าวมีค่าน้อย ที่สุดจากสัญญาณโสตทัศน์ที่ป้อนเข้าดังกล่าว c) เลือกเวคเตอร์อัตราขยายหนึ่งค่าจากเล่มรหัสอัตราขยาย M แต่อัน ที่มีเวคเตอร์อัตราขยายมิติ M ที่กำหนดชื่อไว้อยู่เป็นจำนวนมาก d) คูณเวคเตอร์อัตราขยายดังกล่าวซึ่งเลือกจากเล่มรหัสอัตราขยาย M ดังกล่าวด้วยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักมิติ M ซึ่งเป็นค่า M ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามลำดับ เพื่อสร้างเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก M เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละค่า มีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อยค่าหนึ่งในมิติแตกต่าง e) ทำการบวกทุก ๆ ค่าของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าว เพื่อทำให้เกิดเวคเตอร์อัตราขยายรวม และกำหนดส่วนประกอบ m-th ที่หนึ่งของเวคเตอร์ อัตราขยายรวมดังกล่าวให้เป็นอัตราขยาย M-th ที่หนึ่ง f) จัดอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งดังกล่าวไปยังเวคเตอร์การกระตุ้นซึ่ง กำหนดไว้ M ดังกล่าวโดยลำดับ g) บวกเวคเตอร์กระตุ้นที่จัดอัตราขยาย M ดังกล่าวแล้ว และกระตุ้น ตัวกรองสังเคราะห์ดังกล่าวโดยการบวกเอาท์พุทดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดสัญญาณโสตสังเคราะห์ h) คำนวณการผิดเพี้ยนของสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าวที่ได้จาก สัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว i) ทำซ้ำขั้นตอน c) จนถึง h) สำหรับการรวมทุก ๆ เวคเตอร์อัตรา ขยายแต่ละอันของเล่มรหัสอัตราขยาย M ดังกล่าวเพื่อหาว่าเวคเตอร์อัตราขยาย M ใดที่ให้ การผิดเพี้ยนน้อยที่สุด และทำชื่อัตราขยาย M ที่เทียบได้กับเวคเตอร์อัตราขยาย M ดังกล่าว j) ส่งผลออกซึ่งอย่างน้อยต้องเป็นผลการเข้ารหัสของสัญญาณโสตที่ป้อน เข้าดังกล่าวเป็นอย่างน้อยส่วนหนึ่ง ชื่อกำหนดอัตราขยาย M ดังกล่าวที่ได้ในขั้นตอน i) ดังกล่าวและชื่อต่าง ๆ ของเล่มรหัสการกระตุ้นดังกล่าวจะได้จากในขั้นตอน b) ดังกล่าว 1 0. วิธีการเข้ารหัสเวคเตอร์ของสัญญาณโสตทัศน์ที่ป้อนเข้าผ่านทางการนำ เอาเล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M มาใช้ที่แต่ละค่าจะมีเวคเตอร์การกระตุ้นที่กำหนดชื่อจำนวน มาก ค่า M ดังกล่าวจะเป็นจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการประกอบด้วยขั้นตอน ของการ a) คำนวณตัวแปรต่าง ๆ โดยรอบสเปคตรัมของเวคเตอร์ดังกล่าว สำหรับสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว ทำการประเมินตัวแปรรอบ ๆ สเปคตรัมดังกล่าว และ ตั้งตัวแปรที่ประเมินค่าแล้วดังกล่าวให้เป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรองของส่วนกรองสังเคราะห์ b) เลือกเวคเตอร์การกระตุ้น M จากเล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าวตามลำดับ โดยที่การผิดเพี้ยนของเสียงพูดสังเคราะห์จากส่วนกรองสังเคราะห์ดังกล่าว จากสัญญาณโสตป้อนเข้าจะมีค่าน้อยที่สุด c) จัดค่าอัตราขยาย m-th แรกไปยังเวคเตอร์การกระตุ้นที่กำหนดไว้ M ดังกล่าวตามลำดับ บวกรวมกันเพื่อทำให้เกิดเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นสำหรับการกระตุ้น ส่วนกรองสังเคราะห์ดังกล่าวที่ทำให้เกิดสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าว และสำหรับการรวมใน แต่ละส่วนของเวคเตอร์การกระตุ้นดังกล่าว ค้นหาค่าเหมาะสมสำหรับอัตราขยาย m-th ที่หนึ่ง ดังกล่าวซึ่งลดการผิดเพี้ยนให้น้อยที่สุดของสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าวจากสัญญาณโสตป้อน เข้าดังกล่าว d) คูณเวคเตอร์อัตราขยายแต่ละค่าของเล่มรหัสอัตราขยาย M ที่แต่ละ อันจะมีเวคเตอร์อัตราขยายมิติ M ที่กำหนดชื่อไว้จำนวนมากด้วยค่าเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก มิติ M ที่กำหนดไว้แล้ว M สำหรับเล่มรหัสอัตราขยาย M ดังกล่าวเพื่อที่จะได้ M กลุ่มของเวค เตอร์อัตราขยายน้ำหนัก และกำหนดเส้นตรง M เพื่อการประมาณกลุ่ม M ดังกล่าวของเวค เตอร์อัตราขยายน้ำหนัก เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ซึ่งแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุด อย่างน้อยค่าหนึ่งในมิติแตกต่าง e) ลากเส้นเวคเตอร์ซึ่งประกอบด้วยอัตราขยาย m-th ที่เหมาะสมที่ หนึ่งลงบนเส้นตรง M ดังกล่าวบนระบบพิกัดมิติ M และทาการเลือกขั้นต้นจากกลุ่ม M ดังกล่า ที่มีเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักที่ติดหรืออยู่ใกล้กับเส้นลากดังกล่าว เพื่อสร้างให้เกิดกลุ่มย่อย M f) เลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าวทีละค่าจากกลุ่มย่อย M บวก รวมค่าเพื่อให้ได้เวคเตอร์อัตราขยายร่วมมิติ M กำหนดส่วนประกอบอัตราขยาย m-th แรกของเวคเตอร์อัตราขยายร่วมเปรียบได้กับอัตราขยาย m-th ที่หนึ่ง g) คูณเวคเตอร์การกระตุ้นดังกล่าว (กำหนดกไว้ในขั้นตอน b) ด้วย ส่วนประกอบอัตราขยาย m-th ที่หนึ่งดังกล่าวของเวคเตอร์อัตราขยายร่วมดังกล่าวตามลำดับ และบวกรวมกันเพื่อทำให้เกิดเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้น h) การเอาเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นดังกล่าว ที่เกิดขึ้นจากขั้นตอน g) ไปยังส่วนกรองสังเคราะห์ดังกล่าวเพื่อดำเนินการสังเคราะห์สัญญาณโสตทัศน์ และคำนวณ ค่าผิดเพี้ยนของสัญญาณโสตทัศน์ดังกล่าวจากสัญญาณโสตป้อนดังกล่าว i) ทำซ้ำในขั้นตอน f) , g) และ h)\' สำหรับเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก ของกลุ่มย่อย M ดังกล่าวทุก ๆ ค่าที่รวมกันเพื่อคำนวณหาการผิดเพี้ยนดังกล่าวและกำหนดชื่อ อัตราขยายในเล่มรหัส M ดังกล่าวซึ่งเทียบได้กับการรวมกันของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก ดังกล่าว ซึ่งให้การผิดเพี้ยนน้อยที่สุด j) ส่งผลชื่อกำหนดของเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าวออกมาทาง เอาท์พุท และชื่ออัตราขยายดังกล่าวที่เป็นอย่างน้อยส่วนหนึ่งของผลเข้ารหัสของเวคเตอร์ ดังกล่าวสำหรับเวคเตอร์โสตที่ป้อนเข้า 1 1. วิธีการเข้ารหัสของเวคเตอร์สัญญาณโสตป้อนเข้าโดยการใช้เล่มรหัส แหล่งกระตุ้น M ที่แต่ละอันจะมีเวคเตอร์การกระตุ้นจำนวนมาก ค่า M ดังกล่าวจะเป็นจำนวน เต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการดังกล่าวประกอบด้วยขั้นตอนคือ a) คำนวณตัวแปรรอบ ๆ สเปคตรัมของเวคเตอร์ดังกล่าวซึ่งสำหรับ สัญญาณโสตป้อนเข้า (อินพุท) ทำการประเมินตัวแปรรอบ ๆ สเปคตรัมดังกล่าวจากนั้นตั้งค่า ตัวแปรที่ประเมินไว้ให้เป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรองของส่วนกรองสังเคราะห์ b) คัดเลือกเวคเตอร์การกระตุ้นดังกล่าวทีละอันจากเล่มรหัสแหล่ง การกระตุ้น M เพื่อว่าการผิดเพี้ยนของสัญญาณโสตสังเคราะห์โดยตัวกรองสังเคราะห์ดังกล่าว จากสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าวจะมีค่าน้อยที่สุด c) ผลิตเล่มรหัสอัตราขยายน้ำหนัก M ไว้ก่อนโดยแต่ละอันจะมีกลุ่ม M ต่าง ๆ ของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักที่กำหนดสัญลักษณ์ไว้ซึ่งได้จากการคูณเวคเตอร์อัตรา ขยายมิติ M ของรหัสอัตราขยาย M ด้วยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักมิติ M ที่กำหนดไว้ แล้ว M ตามลำดับ เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุด อย่างน้อยหนึ่งที่มิติแตกต่าง d) ทำการเลือกเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักตัวแทนทีละค่าจากเล่มรหัส น้ำหนัก M ดังกล่าว e) บวกค่าเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าวเข้าดัวยกันทั้งหมด เพื่อก่อให้เกิดเวคเตอร์อัตราขยายร่วม และกำหนดให้ส่วนประกอบ m-th ที่หนึ่งของเวคเตอร์ อัตราขยายร่วมเป็นอัตราขยาย m-th ที่หนึ่ง f) จัดอัตราขยาย m-th ที่หนึ่งดังกล่าวให้ยังเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าวตามลำดับ g) บวกเวคเตอร์การกระตุ้นอัตราขยายที่จัดไว้ M และกระตุ้นส่วนกรอง สังเคราะห์ดังกล่าวโดยการเพิ่มเอาท์พุทดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดสัญญาณโสตสังเคราะห์ h) คำนวณความผิดเพี้ยนของสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าวจากสัญญาณ โสตป้อนเข้า i) ทำซ้ำขั้นตอน d) จนถึง h) สำหรับการรวมทุก ๆ ค่าของเวคเตอร์ อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวสำหรับเล่มน้ำหนัก M ดังกล่าวไปค้นหาและกำหนดเวคเตอร์ อัตราขยายน้ำหนัก M ซึ่งลดค่าการผิดเพี้ยนดังกล่าว และหาชื่อกำหนด M ที่เทียบได้กับเวค เตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวและ j) เอาท์พุทผลส่วนหนึ่งของรหัสที่เข้าไว้ในสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว ชื่อกำหนด M ดังกล่าวของเล่มรหัสอัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าวที่ได้ในขั้นตอน i) และชื่อ กำหนดของเล่มรหัสการกระตุ้น M ดังกล่าวได้จากขั้นตอน b) 1 2. วิธีการเข้ารหัสเวคเตอร์สัญญาณโสตป้อนเข้า โดยการใช้เล่มรหัสแหล่ง กระตุ้น M ที่แต่ละส่วนจะมีเวคเตอร์การกระตุ้นที่มีชื่อระบุอยู่เป็นจำนวนมาก ค่า M ดังกล่าว จะเป็นจำนวนเต็มเท่ากับหรือมากกว่า 2 วิธีการดังกล่าวประกอบด้วยขั้นตอนของการ a) คำนวณตัวแปรรอบ ๆ แถบสเปคตรัมของเวคเตอร์ดังกล่าวสำหรับ สัญญาณโสตป้อนเข้า (input acowstic signal) ทำการประเมินตัวแปรต่าง ๆ รอบ สเปคตรัมดังกล่าวและตั้งค่าตัวแปรที่ประเมินไว้ให้เป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรองของส่วนกรอง สังเคราะห์ b) เลือกเอาเวคเตอร์กระตุ้นดังกล่าวทีละค่าจากเล่มรหัสแหล่งการ กระตุ้นดังกล่าว เพื่อที่ว่าการผิดเพี้ยนของสัญญาณเสียงสังเคราะห์โดยส่วนกรองสังเคราะห์ ของสัญญาณโสตป้อนเข้าจะมีค่าน้อยที่สุด d) ทำการผลิตเล่มรหัสน้ำหนัก M ไว้ก่อนโดยแต่ละค่าจะมีกลุ่ม M เวค เตอร์อัตราขยายระบุชื่อที่ได้จากการคูณเวคเตอร์อัตราขยายมิติ M ของเล่มรหัสอัตราขยาย M ด้วยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักมิติ M ที่กำหนดไว้ M ตามลำดับ เวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนักดังกล่าวแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุดค่าหนึ่งเป็นอย่างน้อยในมิติแตกต่าง และกำหนด เส้นตรง M ไว้สำหรับประมาณค่ากลุ่ม M ดังกล่าวของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักตามลำดับ e) จากกำหนดเวคเตอร์อันประกอบด้วยอัตราขยาย m-th ที่เหมาะสม ที่หนึ่ง เส้นตรง M ดังกล่าวอยู่ในระบบพิกัดมิติ M และส่วนที่เลือกเอาไว้จากกลุ่ม M ดังกล่าวซึ่งมีเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักจำนวนวางติดอยู่หรือใกล้กับเส้นลากดังกล่าวจนเกิด เป็นกลุ่ม M ขึ้น f) คัดเลือกเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวทีละค่าจากกลุ่มย่อย M ดังกล่าว และทำการบวกรวมเพื่อให้ได้เวคเตอร์อัตราขยายร่วมมิติ M และกำหนดอัตรา ขยาย m-th แรกของเวคเตอร์อัตราขยายร่วมให้เป็นอัตราขยาย m-th ที่หนึ่ง g) คูณเวคเตอร์กระตุ้น M ดังกล่าวที่หาได้ในขั้นตอน b) ด้วยส่วน ประกอบอัตราขยาย m-th ที่หนึ่งของเวคเตอร์อัตราขยายรวมดังกล่าว และทำการบวกรวม เข้าไว้เพื่อผลิตเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นขึ้น h) นำเอาเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นดังกล่าวไปให้กับส่วนกรองสัง เคราะห์ดังกล่าวเพื่อทำการสังเคราะห์สัญญาณโสตทัศน์ (เสียง) และคำนวณค่าการผิดเพี้ยน ของมันจากสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว i) ทำซ้ำขั้นตอน f) , g) และ h) สำหรับการรวมในทุก ๆ ค่าของ เวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักของกลุ่มย่อย M ดังกล่าวเพื่อคำนวณการผิดเพี้ยนดังกล่าว และทำการ ตรวจสอบกำหนดชื่ออัตราขยายในเล่มรหัส M ดังกล่าวซึ่งเทียบได้กับเวคเตอร์อัตราขยาย น้ำหนักของผลรวมที่ทำให้เกิดการผิดเพี้ยนดังกล่าวน้อยที่สุด j) ส่งเอาท์พุทชื่อของเวคเตอร์การกระตุ้นที่กำหนดไว้แล้ว M ดังกล่าว และชื่อระบุอัตราขยายที่ให้ไว้ดังกล่าวโดยส่วนหนึ่งเป็นอย่างน้อยของผลรหัสเวคเตอร์ดังกล่าว สำหรับเวคเตอร์สัญญาณโสตป้อนเข้า 1 3. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 9, 10 ,11 หรือ 12 ที่ซึ่งเวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนัก M ถูกเลือกไว้เพื่อให้ผลรวมของค่าเมทริกซ์ทแยงมุง M โดยใช้ส่วนประกอบของเวค เตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักของ M ดังกล่าวเป็นส่วนประกอบทแยงมุมจนกลายเป็นผลคูณค่าคงที่ ของหน่วยเมทริกซ์ 1 4. วิธีการตามข้อถือสิทธิ 10 หรือ 12 โดยที่ขั้นตอนกำหนดกลุ่มย่อยดังกล่าว จะรวมถึงขั้นตอนเลือกจำนวนที่กำหนดไว้ก่อนแล้วของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวที่ ใกล้ตำแหน่งของการลากเส้นเวคเตอร์มากที่สุด โดยประกอบอัตราขยาย m-th ที่หนึ่ง ดังกล่าว เส้นตรง M ดังกล่าวตามลำดับ 1 5. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 10 หรือ 12 ที่ซึ่งขั้นตอนการกำหนดกลุ่มย่อย ดังกล่าวจะรวมถึงขั้นตอนการเลือก เวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวที่ว่างอยู่ภายใน ช่วงระยะที่กำหนดไว้จากตำแหน่งของเส้นเวคเตอร์ประกอบด้วยอัตราขยาย m-th ส่วนที่หนึ่ง ดังกล่าวบนเส้นตรง M ดังกล่าวตามลำดับ 1 6. วิธีการตามข้อถือสิทธิที่ 10 หรือ 12 ที่ซึ่งให้มิติดังกล่าวเทียบได้กับส่วน ประกอบสูงสุดของเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักแต่ละค่าดังกล่าว โดยกำหนดให้เป็นมิติเฉพาะ ค่า F ค่าขีดเปลี่ยนจะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าตลอดช่วงกำหนดค่าสูงสุดโดยรวมของ ส่วนประกอบดังกล่าวในมิติเฉพาะดังกล่าวของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวทั้งหมดที่ เทียบเท่ากับเล่มรหัสอัตราขยายแต่ละเส้น โดยใช้หลักของค่าส่วนประกอบในมิติเฉพาะ ที่ซึ่ง ค่าส่วนประกอบในมิติเฉพาะดังกล่าวของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวจะถูกแยกออกมา เป็นอาณาบริเวณ F+1 และเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักดังกล่าวมากมายจะถูกกำหนดไว้สำหรับ บริเวณดังกล่าวแต่ละบริเวณ ค่า F ดังกล่าวจะเป็นค่าจำนวนเต็มหรือมากกว่า 1 และขั้นตอน การกำหนดกลุ่มก็คือขั้นตอนการเปรียบเทียบค่าในมิติเฉพาะดังกล่าวของเวคเตอร์ที่ประกอบ ไปด้วยอัตราขยาย m-th ที่เหมาะสมอันแรก และทำการลากเส้นพิกัดวาดบนเส้นตรง M ดังกล่าวตามลำดับ พร้อมกับค่าขีดเปลี่ยนดังกล่าวเพื่อที่จะกำหนดบริเวณซึ่งค่าประกอบ ดังกล่าวในแบบมิติเฉพาะดังกล่าว และการเลือกเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักที่เป็นของบริเวณ ที่ถูกกำหนดทำให้เกิดกลุ่มย่อย 1 7. อุปกรณ์เข้ารหัสสำหรับใส่รหัสเวคเตอร์สัญญาณเข้าโดยทางการใช้ เล่มรหัสจำนวนมาก อันประกอบไปด้วย เล่มรหัส M แต่ละอันมีเวคเตอร์ตัวแทนระบุชื่อจำนวนมาก ส่วนการคูณไว้สำหรับคูณเวคเตอร์ตัวแทนที่เลือกออกจากเล่มรหัส M ดัง กล่าวโดยการกำหนดล่วงหน้า M หากแต่ละเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักที่แตกต่าง ทำให้เกิดเวค เตอร์ตัวแทนน้ำหนัก ค่า M ดังกล่าวจะเป็นค่าจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือมากกว่า 2 และเวค เตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุดอย่างน้อยค่าหนึ่งในมิติที่ แตกต่าง ส่วนการรวมเวคเตอร์สำหรับเพื่อบวกเวคเตอร์น้ำหนัก M ดังกล่าวเพื่อผลิตเป็น เวคเตอร์ตัวแทนรวม ส่วนการคำนวณระยะทางมีไว้เพื่อคำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ตัวแทนร่วม ดังกล่าวจากส่วนสำหรับรวมเวคเตอร์ดังกล่าวและเวคเตอร์ป้อนเข้าดังกล่าว และ ส่วนควบคุมสำหรับทำงานส่วนร่วมเวคเตอร์ และส่วนการคำนวณระยะดังกล่าว ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนการเลือกของเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักจากเล่มรหัสน้ำหนัก M ดังกล่าว เพื่อกำหนดการรวมของเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักของเล่มรหัส M ดังกล่าวซึ่งให้ระยะทางดังกล่าว น้อยที่สุด และเพื่อจะส่งผลของมันออกไปเป็นรหัสระบุชื่อเหมือนผลการเข้ารหัสของเวคเตอร์ สำหรับสัญญาณอินพุทดังกล่าว 1 8. อุปกรณ์เข้ารหัสเพื่อการเข้ารหัสเวคเตอร์ ของสัญญาณอินพุทโดยการใช้ เล่มรหัสจำนวนมากอันประกอบไปด้วย เล่มรหัสตัวแทนน้ำหนัก M โดยแต่ละอันจะมีกลุ่ม M ของเวคเตอร์ตัว แทนที่น้ำหนักที่เกิดขึ้นโดยการคูณเวคเตอร์ตัวแทนของกลุ่ม M โดยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักที่ แตกต่างตามลำดับ ค่า M ดังกล่าวจะเป็นจำนวนเต็มเท่ากับหรือมากกว่า 2 และเวคเตอร์ สัมประสิทธิ์น้ำหนักดังกล่าวแต่ละค่าจะมีส่วนประกอบอย่างน้อยหนึ่งค่าสูงสุดในมิติแตกต่าง ส่วนการรวมเวคเตอร์มีไว้เพื่อบวกเวคเตอร์น้ำหนัก M ตามอันดับซึ่งคัด จากเล่มรหัสน้ำหนัก M เพื่อสร้างเวคเตอร์ตัวแทนรวม ส่วนการคำนวณระยะทางมีไว้เพื่อคำนวณระยะทางระหว่างเวคเตอร์ตัว แทนรวมดังกล่าวจากส่วนรวมเวคเตอร์ดังกล่าว และเวคเตอร์ของสัญญาณป้อนเข้าดังกล่าว ส่วนควบคุมการทำงานส่วนการรวมเวคเตอร์ดังกล่าวและส่วนการคำนวณ ระยะทางดังกล่าว ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนแปลงการคัดเลือกเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักจากเล่ม รหัสนำหนัก M ดังกล่าวเพื่อกำหนดการรวมเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักของเล่มรหัสน้ำหนัก M ดังกล่าวซึ่งให้ระยะทางน้อยที่สุด และส่งเอาท์พุทเป็นสัญญลักษณ์ระบุชื่อที่เทียบได้กับผลรหัสของ เวคเตอร์ของสัญญาณป้อนเข้าดังกล่าว 1 9. อุปกรณ์เข้ารหัสตามข้อถือสิทธิที่ 17 หรือ 18 ที่ซึ่งเวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนักดังกล่าวถูกกำหนดเพื่อว่าผลรวมเมทริกซ์ทแยงมุม M ที่ใช้ส่วนประกอบ (เป็นส่วน ในแบบทแยงมุม) เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวที่จะกลายเป็นผลคูณคงที่ของ หน่วยเมทริกซ์ 2 0. อุปกรณ์เข้ารหัสตามข้อถือสิทธิที่ 17 หรือ 18 ที่ซึ่งส่วนควบคุมดังกล่าว จะรวมถึงส่วนซึ่งกำหนดเส้นตรง M ที่อยู่ใกล้กับกลุ่ม M ดังกล่าวของเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก ตามลำดับโดยเลือกคัดก่อนจากเล่มรหัสตัวแทนน้ำหนัก M ให้เป็นกลุ่มย่อย เวคเตอร์ตัวแทน น้ำหนักจำนวนมาก ซึ่งติดอยู่ใกล้กับจุดของเส้นเวคเตอร์ของสัญญาณป้อนเข้าดังกลาวบนแนวเส้น ตรง M ดังกล่าว ควบคุมส่วนคำนวณระยะทางดังกล่าวสำหรับทุก ๆ ค่ารวมของเวคเตอร์ตัว แทนน้ำหนัก M ซึ่งเลือกจากกลุ่มย่อย M และกำหนดเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักที่มีการรวมว่า ส่วนใดให้ระยะทางดังกล่าวได้สั้นที่สุด 21. A method of vector encoding, entered using book M, each containing a large number of named representative vectors with the same number of dimensions M is an integer value. Equal to or greater than 2, the above method consists of steps: a) select the representative vectors one by one from the M code book; b) multiply the representative vectors. (Each option is selected from one of the values in the M code) where M has been assigned a vector, weight coefficient, dimensional numerical value. Same as the aforementioned representative vectors, in order to produce M-weighting vector, each M-weight coefficient has at least one maximum component in the different dimensions c) plus all such M-weight representative vectors to create the representative vector. Co d) Calculate the distance between the said input vector and the common representative vector e) Repeat steps (a), (b), (c) and (d) to find and define. Such a common representative vector which has the distance between them. And the input signal vector This is minimal f) encoding and assigning a name to output to the representative vector. As of the aforementioned cipher volumes, which provide the common representative vectors with the minimum distance as such. 2. A method of encoding vectors (input), entered using the M code book, where each has a representative vector. Numerous names with the same number of dimensions M are integers equal to or greater than two of these methods include the steps of a) the representative vector multiplication values. (By selecting each one from one of the M code book) with the M weight coefficient vector at the same size dimension as those. Such representative vectors of the M code book to obtain the M group of the weight representative vectors and define the linear M for the approximation of the M group of the representative vectors of such weights. little B) Drag the input vector on the M line onto the M coordinate system and make a preliminary selection for the bulk weight representation vector adjacent to or near it. In order to create group M c) select a vector representing weights from the subgroup M and perform Add to find the common agent vector d) calculate the distance between the said common vector and the input vector e) repeat steps c) and d), as mentioned for joining the agent vector. Each weight of the M subgroup to calculate the distance and f) is named in the M code book, which is comparable to the weight representative vector. Such a joint, which gives the least such distance. And let the output be the name of the symbol as a result of the input signal vector encoding. 3. The input vector coding method is by using the M code, where each has a wake. A wildcard set with a large number of symbols The same number of dimensions M is an integer equal to or greater than two. This method consists of steps a) producing a pre-weight M code book, where each value has a representative vector. The weight, which is obtained by multiplying the representative vectors of the M code by the coefficient vectors. Nominal weight M with the same number of dimensions as the representative vectors. The weight coefficient M vector, each of which has at least one maximum component in different dimensions; b) selects the representative vector one by one from the M weight-code book; c) add together all of the above-mentioned representative vectors. To create a wake Co-agent vector d) Calculate the distance between the said input vector and the common agent vector e) Repeat steps b), c) and d) to find and define the character vectors. Instead of the said joint, which has a distance between them And the input vector is kept to a minimum. F) encode and output assignment name. Attached to the representative vector of the aforementioned code, which gives the vector 4. A method of encoding an input vector (input) using the M code book, where each value contains a large number of named representative vectors. With the same number of dimensions, that M will be a number Integers equal to or greater than 2, the above method consists of the steps of a) multiply the representative vector of the M-code book by the relative vector. Right-weight M and at the same number of dimensions as such a representative vector, get group M of the representative vector weights. Each of the M weight coefficient vectors has a maximum component. One value is at least in different dimensions. B) Define the linear M for approximating the M group of the representative vector. C) Drag the input vector onto the line M on the M coordinate system and the selection of the pre-weighting vector attached to or close to the stroke as The sequence makes it a subgroup. D) selects the weight-representative vector from that M subgroup, respectively. E) Calculate the distance between the said common agent vector and the input (input) as said f) Repeat steps (d) and (e) for combining the vectors. Water agent The weight of subgroup M in order to calculate the distance. G) Name it in the M code, which is the equivalent of a vector. Instead of the said weight The joint which has the least distance said and outputs the said effect. Code of such vector 5. Method according to claim 1,2,3, or 4, where the M weight coefficient vector is selected so that the sum of the diagonal matrices using the vector component. Such a weight coefficient, like its diagonal sub-components, becomes a constant product. Of the matrix unit 6. Method for claim 2 or 4 where the procedure for defining such subgroups It includes a predetermined number selection procedure for the positioned weight representation vector. The input vector of the line M is as close as possible to the linear M vector. 7. Method of claim 2 or 4 where the subgroup assignment procedure. It includes a procedure for selecting such a weight representative vector placed under a certain distance range. 8. The method of claim 2 or 4, where such representative vectors and wake are drawn from the line position of the input vector on each such line M. These weight coefficients are M-dimensional vectors. Each weight coefficient M has a maximum complement of at least a different dimension to form a particular dimension. The dash value F is always set on the basis of the subsection values of that particular dimension. The range defines the maximum and minimum components of the aforementioned dimensions of every such M-weight representative vector that is comparable to that book. In which the values of the elements of the specific dimensions Of the M-weight coefficient vectors are divided into F + 1. The territorial and multiple such weight representative vectors are assigned for that region, each area F has an integer equal to or greater than 1 and the grouping procedure. Such sub is the process of Comparing the values in that specific dimension of the aforementioned input vector dragged on the line M respectively with the stroke value to find the area in which the values are in the dimension. Such specific And selecting a vector representing that weight in a given area 9. How to encode the input audiovisual signal vectors using the M stimulation source code book with multiple named actuation vectors in each of them. An integer equal to or greater than two of these methods consists of a procedure: a) the calculation of the variables around the spectral of such vectors. Such audio input signal Evaluate the variables surrounding this spectra and set it as the filter coefficient of the synthetic filter. B) Select the excitation vector M from the said source code M for auditory distortion. The landscape synthesized by such synthetic filters is small. C) select one of the gain vector from the M-gain code book, but the one with a large number of the named M-dimensional gain vector; d) multiply that gain vector, which Choose from the aforementioned M gain code book with the dimensional weight coefficient M, which is the pre-defined value of M, respectively. To create a weight gain vector M, each such weight coefficient M It has at least one maximum component in the different dimensions. E) Add every value of the M weight gain vector to produce the total gain vector. And define the first m-th component of the vector The total gain is given to the first M-th gain; f) assigns the aforementioned M-th gain to the stimulation vector defined M, in the g) sequence plus the excitation vector rated M as. H) Calculate the distortion of such a synthetic filter obtained by adding the output to the sonic signal. Such audio input i) repeat steps c) through h) for all rate vector summation. Enlarge each of the M-gain code to find which M-gain vector provides the least amount of distortion. And name the gain M comparable to the vector gain M) j) results in the output, which must at least be the result of the encoding of the input audio signal. Such access is at least part The name given for the gain M is given in step i) and the names of the volume of the aforementioned excitation code are given in step b) as mentioned 1 0. The vector coding method of the input audio signal. Enter through navigation Use the source code M activation, where each value contains a large number of named activation vectors, such M values are integers equal to or greater than two methods, consisting of procedures for a) calculating the variables surrounding for The spectrum of the said vector For the said audio input Evaluate the variables surrounding the spectrum and set the said variable as the filter coefficient of the synthetic filter. B) Select the activation vector M from the said M activation source code, respectively. Where the distortion of the synthetic speech from the synthetic filter C) assigns the first m-th gain to the specified excitation vector M, respectively. Combined to produce the excitation signal vector for excitation. The synthetic filter that generates the auditory signal. And for inclusion in Each part of the said stimulation vector Find the appropriate value for the first m-th gain, which minimizes the distortion of the aforementioned audiovisual signal from the aforementioned audio input; d) multiply each gain vector of the gain code M each. There are many named M-dimensional gain vectors with a predetermined M-dimensional weight coefficient vector M for the aforementioned M gain code volume M in order to obtain M groups of weight gain vectors. And set the line M for the approximation of the M group of Wake Weight gain Weight coefficient M vector, each of which has a maximum component. At least one of the values in different dimensions e) draws a line vector which contains the appropriate m-th gain at One onto the M line on the M coordinate system and make a preliminary selection from the M group with the weight gain vector attached to or near it. To create subgroup M f), select the weights representative vector, one by one from subgroup M, add to the values to obtain the co-gain vector. Dimension M defines the first m-th gain component of the gain vector. First m-th gain (g) times the said excitation vector. (Defined in step b) with the aforementioned m-th gain component of the aforementioned co-gain vector, respectively. And add them together to produce the excitation signal vector. H) The removal of the excitation signal vector (G) to the said synthetic filter to perform the audiovisual synthesis and calculate the distortion of the said audiovisual signal from the said auditory signal i) repeat steps f), g). And h) \ 'for the weight representative vector of the subgroup M, for every value combined to calculate the distortion and name it. The magnification in the M code, which is comparable to the combination of the aforementioned weight gain vectors, j) results in the designation of the M-activation vector through the output and the name. That gain is at least part of the vector encoding output. As mentioned for input vector 1 1. How to encode the audio signal vector using the source code volume M, where each has a large number of excitation vectors, that M is the number. Integers equal to or greater than two of these methods consists of a procedure: a) calculates the variables around the spectral of such vectors, which for Audio input (input), evaluate the variables around the spectrum, then set The variable evaluated as the filter coefficient of the synthetic filter. B) Selected the excitation vector one by one from the stimulation source code book M to determine the distortion of the sonic signal by the synthetic filter. From such an audio input there is a minimum. C) Produce the weight gain code volume M beforehand, each containing the M groups of the designated weight gain vector, which is obtained by multiplying the dimensional gain vector. M of the gain code M with a predetermined dimensional weight coefficient vector M M respectively. Each such weight coefficient M has a maximum component. At least one of the dimensions is different: d) Selects the representative weight gain vector one by one from the aforementioned M-code book. E) plus all the above-mentioned weight gain vector M. To form a common gain vector And set the first m-th component of the vector The co-gain is the first m-th gain, f) assigns the aforementioned m-th gain vector to the aforementioned M excitation vector, g) plus the organized gain excitation vector M and the filter excitation vector. H) calculate the distortion of the said audiosynthetic signal from the audiovisual signal i) repeat steps d) through h) for every combination. Vector value The magnification of the weights for the M weights looks for and determines the vector. Weight gain M, which reduces the said distortion. And find the given name M that is equivalent to Wake And j) the output of the part of the code entered into the said auditory signal M of the aforementioned weight gain code volume M obtained in step i) and The designation of the actuation code M is given in step b) 1 2. How to encode the auditory signal vector. By using the source code volume M, where each part contains a large number of named activation vectors, that M is an integer equal to or greater than two of these methods consists of steps of a) calculating the variables around. The spectrum of the aforementioned vector for The input acowstic signal evaluates the variables around the spectrum and sets the predetermined variable to the filter coefficient of the synthetic filter. B) Selects the excitation vector individually from Book source code Such urge So that the distortion of the synthesized signal by the synthetic filter D) Pre-production of the M weight code book, each of which has a group M, the gain gain vector, the name obtained by multiplying the magnification vector M of the M gain code book. Defined M-dimensional weight coefficient vectors M in order of coefficient vectors Each of these weights has at least one maximum component in different dimensions, and a linear M is defined for estimating the M-group of the weight gain vector, respectively, e) from a vector containing m-th gain. It is appropriate that one such line M is in the M coordinate system and the part selected from the M group, where the weight gain vector is placed on or close to it, to form group M f. ) Select the aforementioned weight gain vector from the M subgroup and add it to obtain the co-dimensional gain vector M and set the first m-th gain of the co-gain vector to the m-th gain. 1st g) multiplies the said excitation vector M obtained in step b) by the first m-th gain component of the total gain vector. And do the total H) Take the impulse vector to the sonic filter. It was to synthesize audio signals (sound) and calculate the distortion. Of it from the aforementioned auditory signals i) repeat steps f), g) and h) for the inclusion of every value of the vector, representing the weights of the a subgroup M to calculate such distortion and to verify it. Define the magnification rate in the M code, which is equivalent to the gain vector. The weight of the sum that produces the least amount of such distortion; j) output the name of the predefined excitation vector, M, and the name specifying the gain provided as at least part of the result. Such vector code For the audio signal vectors input 1 3. Method according to claim 9, 10, 11, or 12, where the weight coefficient M vector is selected so that the sum of the diagonally mated matrix M using the wake component. The weight coefficient of M above is a diagonal complement to a constant product. Of the matrix unit 1 4. Method for claim 10 or 12 where the procedure for defining such subgroups This includes a preset number selection step of that weight gain vector. Closest to the position of the vector stroke The first m-th gain is composed of a straight line M, respectively. 1. 5. Method for claim 10 or 12 where the subgroup assignment process. It includes a selection process. An empty weight gain vector inside The specified interval from the position of the vector consists of the m-th magnification part one on the aforementioned line M, respectively 1. 6. Methods according to claim 10 or 12 where such dimensions are compared. With part Consists of the maximum weight coefficient of each such value. The limit values are predetermined throughout the overall maximum setting of the F-value. All such weight gain vectors in this specific dimension Equivalent to each line of magnification code volume Using the principle of the component values in the local dimensions where the component values in that particular dimension of the vector, the gain weight gain is extracted. Is an F + 1 region, and many such weight gain vectors are set for Each area of the F-value is an integer value or greater than 1, and the grouping procedure is the procedure for comparing the values in the specific dimensions of the composite vector. With the first suitable m-th gain And draw a coordinate line drawn on the M line respectively Along with the aforementioned limit value in order to define the area where the compound value In such specific dimensions And the selection of vector-gain weight gain that is of the area Which is set to cause subgroup 1. 7. Encoder device for encoding the input vector code by using Many code volumes It consists of the M code book, each containing a large number of named agent vectors. Multiplication is for multiplying the selected representative vector from the M code book by pre-assigning M if each different weight coefficient vector produces a weighting representative vector, then M is an integer equal to or greater than 2, and Each of the M-weight coefficients has at least one maximum component in different dimensions, while the vector combination for adding the M weight vector to produce Combined Representative Vector The distance calculator is intended to calculate the distance between the common agent vectors. This is based on the section for combining such and the input vectors and controls for working together. And the calculation of the said distance At the same time, the selection of the weighting vector from the M-weight code book is changed to determine the sum of the weighting vector of the M-code book, which gives the said distance to a minimum and so that its effect is specified. The name is the same as the vector encoding result. For such input signals. 1 8. Encoder for vector coding. Of the input signal by using A large number of code volumes including Book the weight representative code M, each of which has a group M of vector vectors. Replace the resulting weights by multiplying the representative vectors of group M by the weight coefficient vectors at The M values are an integer equal to or greater than 2, and each such weight coefficient vector has at least one of the maximum components in a different dimension. The vector combination is used to add M weight vectors according to the selected rank. From the M weight code book to create the total representative vector The distance calculator is used to calculate the distance between the vectors. Instead of the said sum from the above vector combination And the vector of that input signal Operation control, such vector combination and calculation section Such distance At the same time, the selection of the weighting vectors from the M-weight-code book has been changed to determine the combination of the weight-representative vectors of the M-weight-code book, which provides a minimum distance. And send the output as a name symbol that is equivalent to the output code of The vector of such input signal 1 9. Encoding device according to claim 17 or 18, where the coefficient vector The weights are determined so that the sum of the diagonal matrices M using the components (as diagonals) the M weight coefficient vector becomes the constant product of Matrix unit 2 0. Coding device according to claim 17 or 18, where the control This includes the section that defines the line M near the M group of the weight representative vector. In order by selecting first from the book, weight representative code, M to be a subgroup Representative Vector Bulk weight Which is located near the point of the input signal vector on the line M, controls that distance calculation for every sum of the M weight representation vector, selected from subgroup M, and defines the vector. Weight representatives that are included that Which part gives the shortest distance? 2
1. อุปกรณ์เข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสเวคเตอร์ของสัญญาณโสต (เสียง) ป้อนเข้าโดยการใช้เล่มรหัสจำนวนมากที่ประกอบไปด้วย M เล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ที่ แต่ละอันจะมีเวคเตอร์การกระตุ้นจำนวนมาก ค่า M ดังกล่าวจะเป็นจำนวนเต็มที่เท่ากับหรือ มากกว่า 2 อัตราขยาย M-th ส่วนแรกที่ให้ชิ้นส่วนเพื่อการคูณเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าว จากเล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าวโดยอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งตามลำดับ ส่วนการบวกสำหรับบวกเวคเตอร์การกระตุ้นที่จัดอัตราขยาย M ดังกล่าว จากส่วนจัดอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งดังกล่าวทำให้เกิดเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้น ส่วนกำเนิดสัมประสิทธิ์ตัวกรองซึ่งจะวิเคราะห์สัญญาณโสต (เสียง) ป้อน เข้าเพื่อให้ได้ตัวแปรที่ได้รอบแถบสเปคตรัมและเปลี่ยนตัวแปรดังกล่าวไปเป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรอง ส่วนกรองสังเคราะห์ซึ่งจะมีชุดสัมประสิทธิ์ตัวกรองดังกล่าวอยู่ด้วย และ ได้รับการกระตุ้นโดยเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นดังกล่าวเพื่อสังเคราะห์สัญญาณเสียงขึ้น ส่วนการคำนวณค่าผิดเพี้ยนไว้สำหรับคำนวณผลต่างระหว่างสัญญาณเสียง ป้อนเข้าดังกล่าวและสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าว และเพื่อคำนวณจากผลต่างการผิดเพี้ยน ดังกล่าวของสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าวจากสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว เล่มรหัสอัตราขยาย M ที่แต่ละอันจะมีเวคเตอร์อัตราขยายมิติ M กำหนด ชื่อจำนวนมากอยู่ ส่วนการคูณสำหรับไว้คูณเวคเตอร์อัตราขยายโดยลำดับซึ่งคัดจากเล่มรหัส อัตราขยาย M ดังกล่าว คูณด้วยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักมิติ M ที่กำหนดไว้ก่อน M เพื่อสร้างเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละอันจะมี อย่างน้อยหนึ่งส่วนประกอบหนึ่งสูงสุดในมิติแตกต่าง ส่วนการรวมเวคเตอร์ที่มีไว้สำหรับการบวกเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดเวคเตอร์อัตราขยายรวมมิติ M และเพื่อจัดตั้งส่วนประกอบ m-th ที่หนี่งของเวคเตอร์อัตราขยายรวมดังกล่าวเสมือนเป็นอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งในส่วนจัดอัตรา ขยาย m-th ที่หนึ่งดังกล่าวโดยลำดับ ส่วนควบคุมสำหรับควบคุมการเลือกเวคเตอร์กระตุ้น M ดังกล่าวจากเล่ม รหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าว เพื่อกำหนดการรวมกันของเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าว ซึ่งให้ค่าการผิดเพี้ยนน้อยที่สุดของสัญญาณเสียงสังเคราะห์ดังกล่าวจากสัญญาณเสียงป้อนเข้า สำหรับการคำนวณค่าการผิดเพี้ยนดังกล่าวทำได้โดดส่วนคำนวณ สำหรับทุก ๆ ครั้งการรวม ของเวคเตอร์อัตราขยายโดยลำดับซึ่งคัดมาจากเล่มรหัสอัตราขยาย M ดังกล่าวเพื่อบอกถึงการ รวมเวคเตอร์อัตราขยาย M ที่ให้การผิดเพี้ยนน้อย ๆ และสำหรับที่จะให้เอาท์พุทรหัสชื่อระบุ ของเล่มรหัสอัตราขยายดังกล่าวที่เทียบได้กับเวคเตอร์อัตราขยาย M ดังกล่าวที่กำหนดไว้แล้ว และให้ชื่อให้สอดคล้องกับเวคเตอร์การกระตุ้นที่กำหนด M ดังกล่าวอย่างน้อยหนึ่งส่วนในรหัส ผลที่ได้ของสัญญาณ (เสียง) โสตป้อนเข้า 21. An encoding device for encoding the audiovisual (audio) vector coding is fed by the use of a large number of code volumes containing M, the M stimulation source code, where each contains a large number of excitation vectors. Integers equal to or greater than 2 M-th gain. The first part that provides parts for multiplying the said M activation vector from the aforementioned M activation source code book by the first M-th gain, respectively. The addition of the positive M-rated excitation vector from the first M-th gain vector produces the excitation vector. Filter coefficient generator, which analyzes the input audio (audio) signal to obtain a variable around the spectrum and converts that variable to the filter coefficient. Synthetic filter, which contains such a set of filter coefficients and is activated by the excitation vector to synthesize the sound signal. The calculation of distortion is for calculating the difference between audio signals. The said input and the said auditory signal. And to calculate the distortion difference Such an audiovisual signal from the said auditory signal. Each volume of the magnification code M contains a large number of named magnification vectors M. The multiplication for multiplying the magnification vector by sequence, which is extracted from the mentioned volume code M, is multiplied by the pre-defined M-dimensional weight coefficient vector M to generate the weight gain vector. Each of the M-weight coefficients has At least one component, one maximum in different dimensions. The vector aggregation is intended for such M-weight gain vector addition to produce the M-dimensional sum-of-gain vector and to form the m-th component on the vector. th first in the m-th magnification section, that one, respectively The control for controlling the selection of the motive vector M is from the volume. The M stimulation source code to determine the combination of the aforementioned M stimulation vector that gives the least distortion of the said synthetic signal from the input signal. For such distortion calculations, the computation for every time the sequence gain vector is extracted from the M-Gain Code book to indicate the Includes an M-gain vector that provides little distortion and to provide a specified output code. Of the volume of the aforementioned magnification code that is equivalent to the said M gain vector And let the name correspond to at least one portion of the actuation vector defined M in the code. Output signal (sound) audio input 2
2. อุปกรณ์เข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสเวคเตอร์สัญญาณเสียงป้อนเข้าโดยใช้ เล่มรหัสจำนวนมากอันประกอบไปด้วย เล่มรหัสแหล่งกระตุ้น M ที่แต่ละส่วนจะมีเวคเตอร์การกระตุ้นอยู่จำนวน มากค่า M ดังกล่าวจะเป็นจำนวนเต็มที่มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 2 ส่วนจัดอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งเพื่อใช้คูณเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าว จากเล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าวตามลำดับ ส่วนการบวกสำหรับบวกเวคเตอร์การกระตุ้นที่ได้จัดอัตราขยาย M ดังกล่าว ไว้จากส่วนจัดอัตราขยาย M-th ที่หนึ่งดังกล่าวเพื่อให้เกิดเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้น ส่วน สร้างสัมประสิทธิ์ตัวกรองซึ่งจะวิเคราะห์สัญญาณเสียงอินพุทดังกล่าวเพื่อเอาค่าตัวแปรต่างที่ รอบ ๆ สเปคตรัมของมัน และจากนั้นจะเปลี่ยนค่าตัวแปรดังกล่าวไปเป็นสัมประสิทธิ์ตัวกรอง ส่วนกรองสังเคราะห์ซึ่งมีชุดสัมประสิทธิ์ตัวกรองดังกล่าวอยู่ภายในและ ถูกนำมากระตุ้นด้วยเวคเตอร์สัญญาณการกระตุ้นดังกล่าวเพื่อสังเคราะห์สัญญาณเสียง ส่วนคำนวณค่าผิดเพี้ยนซึ่งจะคำนวณผลต่างระหว่างสัญญาณโสตป้อนเข้า ดังกล่าวและสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าว และคำนวณจากผลต่างการผิดเพี้ยนดังกล่าวของ สัญญาณสังเคาะห์จากสัญญาณโสตป้อนเข้าดังกล่าว เล่มรหัสอัตราขยายน้ำหนัก M ที่ให้แต่ละอันจะมีกลุ่ม M ของเวคเตอร์ อัตราขยายน้ำหนักที่เกิดจากการคูณกลุ่ม M เวคเตอร์อัตราขยาย M มิติด้วยเวคเตอร์สัมประ สิทธิ์น้ำหนัก M มิติ เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวแต่ละอันจะมีส่วนประกอบสูงสุด อย่างน้อยหนึ่งค่าในขนาดมิติแตกต่าง ส่วนการรวมเวคเตอร์ซึ่งจะบวกเวคเตอร์น้ำหนัก M โดยลำดับซึ่งเลือก จากเล่มรหัสน้ำหนัก M ดังกล่าวเพื่อสร้างเวคเตอร์ตัวแทนรวมและจัดตั้งส่วนประกอบ M-th ที่หนึ่งของเวคเตอร์อัตราขยายรวมดังกล่าวเป็นดังอัตราขยาย M-th อันแรกไปยังส่วนจัด อัตราขยาย M-th โดยลำดับ ส่วนควบคุมซึ่งควบคุมการคัดเลือกเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าวจาก เล่มรหัสแหล่งการกระตุ้น M ดังกล่าว เป็นตัวกำหนดการรวมของเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าวซึ่งจะทำการผิดเพี้ยนน้อยที่สุดในสัญญาณโสตสังเคราะห์ดังกล่าวที่ได้จากสัญญาณโสต ป้อนเข้าโดยได้จากส่วนคำนวณการผิดเพี้ยนดังกล่าวสำหรับการรวมเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก ที่เลือกเอามาจากเล่มรหัสอัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าวใช้กำหนดการรวมของเวคเตอร์อัตรา ขยายน้ำหนัก M ซึ่งให้ค่าผิดเพี้ยนน้อยที่สุด และใช้เป็นตัวให้ค่าเอาท์พุทค่าระบุชื่อของเล่มรหัส อัตราขยายน้ำหนัก M ดังกล่าวที่เทียบได้กับเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักที่กำหนดเอาไว้ดังกล่าว และชื่อกำหนดจะเทียบได้กับเวคเตอร์การกระตุ้น M ที่กำหนดไว้ดังกล่าวโดยมีอย่างน้อยส่วน หนึ่งของผลรหัสที่เข้าของสัญญาณโสตป้อนเข้า (อินพุท) 22. An encoder for encoding the input audio vector using A large number of code volumes including The volume M activation source code book, where each part contains a large number of activation vectors, that M is an integer equal to or greater than 2, set the first M-th gain to multiply the activation vector M from the book. Stimulation source code M above, respectively. The addition for the addition of the excitation vector that M-gain is given from the first M-th gain factor to produce the excitation vector of the filter coefficient, which analyzes the noisy input signal. Say to get the values of the variables surrounding its spectrum And then change that variable to the filter coefficient Synthetic filters that have such a set of filter coefficients inside and Is induced by the excitation signal vector to synthesize the sound signal. Distortion Calculator which calculates the difference between the audio input signal. And such audio signals And calculated from the aforementioned distortion difference of Synchronous signal from the auditory signal. Each given M weight gain code book contains the M group of the weight gain vector produced by multiplying the M group, the M-dimensional gain vector by the diagonal vector. Right-weight M Dimension Vector, the weight coefficient M, each of which has a maximum component. At least one of the values in dimensions is different. For combining vectors which will add the weight vectors M respectively which are selected From the above M-weight code book to construct a representative vector and to form the first M-th component of the vector, the total gain is such as the first M-th gain to the M-th gain ratio by the control sequence, which Controls the selection of the M-stimulation vector from the book, the M-stimulation source code, determines the inclusion of the said M excitation vectors, which will perform the least distortion in the aforementioned audiovisual signals. Entered from the aforementioned distortion calculator for weight gain vector aggregation. Selected from the weight gain code M above, it defines the combination of the weight gain vector M, which gives the least amount of distortion. And used as the output value specifying the name of the code book This M weight gain is equivalent to the specified weight gain vector. And the given name is comparable to the specified M stimulation vector, with at least a fraction One of the input code output of the audio input (input) 2
3. อุปกรณ์เข้ารหัสตามข้อถือสิทธิข้อที่ 21 หรือ 22 ที่ซึ่งเวคเตอร์ สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวจะเลือกให้ผลรวมของเมทริกซ์ทแยงมุม M ที่ใช้ส่วนประกอบ ของเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวเสมือนส่วนย่อยทแยงมุมของมันที่จะกลายเป็นผล คูณคงที่ของหน่วยเมทริกซ์ 23. Encoding equipment according to Clause 21 or 22, where vectors The weight coefficient M is selected to be the sum of M diagonal matrices using the components. Of the vector, the weight coefficient M, as its diagonal subsection, becomes the result Constant multiplication of the matrix unit 2
4. อุปกรณ์เข้ารหัสตามข้อถือสิทธิที่ 21 หรือ 22 ที่ซึ่งส่วนการควบคุมรวม ไปถึงส่วนที่ : กำหนดวางเส้นตรง M ให้ใกล้กับเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนักของกลุ่ม M โดย ลำดับ เมื่อมีการกำหนดเวคเตอร์การกระตุ้น M ดังกล่าว ควบคุมอัตราขยาย M-th ที่หนึ่ง เพื่อหาค่าที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้การผิดเพี้ยนดังกล่าวน้อยที่สุด, ทำการเลือกขั้นต้นให้เป็น กลุ่มย่อย ๆ จากเวคเตอร์อัราขยายน้ำหนักของกลุ่ม M ดังกล่าวที่มีเวคเตอร์อัตราขยายน้ำ หนักจำนวนมากอยู่ติดกับหรือใกล้กับจุดแนวเส้นลากของเวคเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยอัตราขยาย M-th ที่เหมาะสมที่หนึ่ง เส้นตรง M ดังกล่าวตามลำดับ และควบคุมส่วนการคำนวณการผิด เพี้ยน เพื่อที่จะคำนวณค่าผิดเพี้ยนดังกล่าวในการรวมของเวคเตอร์อัตราขยายน้ำหนัก M โดยลำดับแต่ละอัน ซึ่งเลือกจากกลุ่มย่อย M ดังกล่าว และกำหนดการรวมของเวคเตอร์อัตรา ขยายน้ำหนักซึ่งให้การผิดเพี้ยนน้อยที่สุด 24. The encoding device according to claim 21 or 22, where the control segment includes part: where the linear M is placed next to the weight gain vector of group M, respectively, when the M excitation vector is defined. Control the first M-th gain to find a suitable value. In order to minimize such distortion, preliminary selection is made as a subgroup from the M group weight amplification vector with water gain vector. Many heavy loads are adjacent to or near the vector drag points. Which contains the appropriate M-th gain at one such M line, respectively And control the distortion calculation section in order to calculate the said distortion in the combination of M weight gain vector respectively. Which is selected from the M subgroup and defines the sum of rate vectors. Expanded weights with minimal distortion 2
5. อุปกรณ์ถอดรหัสสำหรับการถอดรหัสที่ป้อนเข้าโดยอ้างอิงถึงเล่มรหัสจำนวน มาก ประกอบไปด้วย เล่มรหัส M ที่แต่ละค่าจะมีเวคเตอร์ตัวแทนกำหนดซึ่งจำนวนมาก ค่า M ดังกล่าว จะเป็นตัวเลขจำนวนเต็มที่มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 2 ส่วนการคูณซึ่งจะเลือกเวคเตอร์ตัวแทนที่เทียบได้กับ ค่าระบุชื่อแต่ละตัวในรหัส ที่ป้อนเข้าดังกล่าวจากเหมือนของเล่มรหัสดังกล่าวหนึ่งค่า และคูณเวคเตอร์ตัวแทนที่เลือกไว้ ดังกล่าว โดยเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับเล่มรหัส M ดังกล่าว เพื่อผลิตเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนัก M และ ส่วนรวมเวคเตอร์ซึ่งรวมเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักดังกล่าว M ให้เป็นเวคเตอร์ใหม่ โดยที่เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนักดังกล่าว M แต่ละอันจะมีส่วนประกอบสูงสุด อย่างน้อยหนึ่งค่าในมิติแตกต่าง 25. A decoding device for decoding entered in reference to a large number of code books, consisting of an M code book, where each value contains a given representative vector, many of which M-values are integers equal to or greater than 2. Multiplication, which selects the representative vector that is equivalent to Each name identifier in the code. That is entered from the same value of one such code book And multiply the aforementioned representative vector by the weight coefficient M predetermined for the aforementioned M code book to produce the representative vector of the weight M and the total vector, including the weight coefficient M, as a new vector. Where the weight coefficient vector M has a maximum component At least one value in different dimensions 2
6. อุปกรณ์ถอดรหัสสำหรับรหัสป้อนเข้าโดยอ้างอิงกับเล่มรหัสจำนวนมาก ประกอบไปด้วย เล่มรหัสน้ำหนัก M ที่แต่ละค่าจะมีเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักที่ระบุชื่อจำนวนมาก ค่า M ดังกล่าวเป็นจำนวนเต็มที่มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 2 ส่วนรวมเวคเตอร์ซึ่งเลือกจากเวคเตอร์ตัวแทนน้ำหนักเล่มรหัสน้ำหนัก M ดัง กล่าว ที่เทียบได้กับค่าระบุชื่อ M ในรหัสป้อนเข้าดังกล่าวและรวมค่ากันเข้าเพื่อทำเป็น เวคเตอร์ใหม่ ที่ซึ่งเวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าว แต่ละค่าจะมีส่วนประกอบสูงสุด อย่างน้อยหนึ่งค่าที่มิติแตกต่าง 26. The decoder for the input code based on the many code books contains the M weight code book, where each value contains a large number of named weight representation vectors. Such M is an integer equal to or greater than 2 integral vectors. Which is selected from the volume representative vector, the M weight code corresponding to the nominal value M in the said input code, and combined to create a new vector where each such M weight coefficient vector has a maximum component. At least one value with different dimensions 2
7. อุปกรณ์ถอดรหัสตามข้อถือสิทธิ 25 หรือ 26 ที่ซึ่งเวคเตอร์สัมประสิทธิ์ น้ำหนัก M ดังกล่าวถูกเลือกเพื่อที่ผลรวมเมทริกซ์ทแยงมุม M ที่ใช้ส่วนประกอบต่าง ๆ ของ เวคเตอร์สัมประสิทธิ์น้ำหนัก M ดังกล่าวเป็นเสมือนส่วนทแยงมุมย่อย ๆ ของมัน ซึ่งจะกลาย เป็นตัวคูณคงที่ของหน่วยเมทริกซ์7. Decoding device according to claim 25 or 26, where the aforementioned weight coefficient M vector is selected so that the sum of diagonal matrices M using the components of the aforementioned weight coefficient M vector is as its diagonal. Which becomes the constant factor of the matrix unit.