TH21115B - โฟมโพลิยูรีเทนชนิดแข็งเกร็ง - Google Patents

Abstract

DC60 (06/01/41) ของผสมโพลีออลที่ประกอบด้วยโพลีเอสเทอร์ โพลีออล, ตัวเร่งปฏิกิริยา เทอร์เทียรี่เอมีน และกรดคาร์บอกซิลิคอินทรีย์ ในที่นี้ กรดคาร์บอกซิลิกที่กล่าวถึงจะมี กลุ่มฟังก์ชันแนล OH ,SH , NH2 หรือ NHR อย่างน้อยทึ่สุด 1 กลุ่ม, โดยที่ R คือกลุ่มอัลคิล, กลุ่มไซโคลอัคคิล หรือกลุ่มเอริล และการใช้ของผสมโพลีออลที่กล่าวถึงในการผลิตโฟม โพลียูรีเทนชนิดแข็งตัว ของผสมโพลีออลที่ประกอบด้วยโพลีเอสเทอร์ โพลีออล , ตัวเร่งปฏิกิริยา เทอร์เทียรี่เมมีน และกรดคาร์บอกซิลิคอินทรีย์ ในที่นี้ กรดคาร์บอกซิลิกที่กล่าวถึงจะมี กลุ่มฟังก์ชันแนล OH,SH, NH2 หรือ NHR อย่างน้อยทึ่สุด 1 กลุ่ม, โดยที่ R คือกลุ่มอัลคิล, กลุ่มไซโคลอัคคิล หรือกลุ่มเอริล และการใช้ของผสมโพลีออลที่กล่าวถึงในการผลิตโฟม โพลียูรีเทนชนิดแข็งตัว

Claims (2)

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :1 สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกริยากับไอโซไซยาเนท ซึ่งประกอบรวมด้วยโพลีเอสเทอร์ โพลีออล, ซึ่งมีค่าฟังก์ชันแนลลิตี้เฉลี่ย 1.8 ถึง 8 จำนวนไฮดรอกซิล 15 ถึง 750 มิลลิกรัม KOH ต่อกรัม และน้ำหนักโมเลกุล 400 ถึง 10000, ตัวเร่งปฏิกิริยาเอมีน และกรดคาร์บอกซิลิค ซึ่งมีลักษณะ ว่ากรดคาร์บอกซิลิกที่กล่าวถึงสอดคล้องกับสูตร OH-R -(COOH)m โดยที่ R\' คืออะลิฟาติก- ไฮโดรคาร์บอชนิดโซตรงหรือโซ่กิ่ง ซึ่งมีคาร์บอน 1 ถึง 5 อะตอม และ m คือ จำนวนเต็มที่มีค่า เท่ากับ 1,2 หรือ 3 2. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อถือสิทธิ 1 ในที่นี้ กรดคาร์บอกซิลที่กล่าวถึงถูกเลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วยกรดแลคติค, กรดไกลคอลลิค, กรดมาลิค, กรดซิตริค 3. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อถือสิทธิ 2 ในที่นี้ กรดคาร์บอกซิลิกที่ใช้เป็นของผสมของกรดซิตคิคและกรดมาลิค ที่อัตราส่วนน้ำหนักประมาณ 1 ต่อ 1 4. สารผสมที่ไวตอการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้กรดคาร์บอกซิลิกที่กล่าวถึง ถูกใช้เป็นช่วงประมาณตั้งแต่0.1% ถึง 5% โดยน้ำหนัก โดยคิดจากสารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท 5. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้โพลีเอสเทอร์ โพลีออล ประกอบขึ้นเป็นอย่างนอ้ยที่สุด 10% โดยน้ำหนัก ของสารประกอบที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซยาเนททั้งหมด 6. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้ตัวเร่งปฏิกิริยาเอมีนที่กล่าวถึงคือ เทอเชียรี่เอมีนที่ถูกเลือกจากหมู่ที่ประกอบ ด้วย N-อัคคิลเมอร์โฟลีน(N-alkylmorpholine),N-อัลคิลอัลดานอลามีน (N-alkylalkanolarmine), N,N-ไดอัลคิลไซโคลเฮกซิลลามีน (N,N-dialkylcycloherxylamine), อัลคิลลามีน (alkylamime) เฮเทอโรไซคิลก เอมีน (heterocyclic amine) 7. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ตามใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้ตัวเร่งปฏิกิริยาเอทมีนที่กล่าวถึงคือ ไดมอร์โฟลิไน ไดเอทิลอีเทอร์ (diamorpholino diethylether) หรือ N-เมทิลอิมิตาโซล (N-methylimidazole) หรือไดเมทิลลามิโน พิริดีน(dimethylamino) หรือไตรอาซีน (triazine) 8. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกริยากับไอโซไซยาเนทตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ในที่นี้ตัวเร่งปฏิกริยาเอมีนที่กล่าวถึงถูกใช้ในรปิมาณต่าง ๆ ระหว่าง 0.1% และ 5% โดยน้ำหนัก โดยคิดจากสารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท 9. สารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกริยากับไอโซไซยาเนท ตามข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ ที่กล่าวมาข้างต้น ยังประกอบด้วยตัวช่วยให้การเป่าพ่น (blowing agent) 1 0. กระบวนการทำโฟมโพลียูรีเทนชนิดแข็งแกร็ง หรือ โฟมโพลีไอโซไซยานูเรทที่ถูก ตัดแปรด้วยยูรีเทน ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการทำปฏิกริยาของสารผสมโพลีไอโซไซยาเนท อินทรียกับสารผสมที่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ซึ่งมีลักษณะดังที่นิยามไว้ในข้อใด ข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่กล่าวมาข้างต้น 1

1. กระบวนการทำโฟมโพลียูรีเทรชนิดแข็งเกร็ง หรือโฟมโพลีไอโซยานูเรทที่ถูก ดัดแปรด้วยยูรีเทน ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการทำปฏิกิริยาของสารผสมโพลีไอโซไซยาเนท อินทรีย์กับสารผสมที่ไวต่อการเกกิดปฏิกิริยากับไอโซไซยาเนท ซึ่งประกอบด้วยโพลีเอสเทอร์ โพลีออล ซึ่งมีค่าฟังก์ชั่น แนลลิตี้เฉลี่ย 1.8 ถึง 8 จำนวนไฮดรอกซิล 15 ถึง 750 มิลลิกรัม KOH ต่อ กรัม และน้ำหนักโมเลกุล 400 ถึง 10000 โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาเอมีน และกรดคาร์บอกซิลิกอยู่ด้วย ซึ่งลักษณะของกรดคาร์บอกซิลิคดังกล่าวเป็นดังที่ถูกนิยามไว้ในข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิ1 ถึง 4 1

2. โฟมโพลียูเทนชนิดแข็งแกร็ง หรือโฟมโพลีไอโซไซยานูเรทที่ถูกตัดแปรด้วยยูรีเทน ที่ได้มาจากระบวนการดังที่ถูกนิยามไว้ในข้อถือสิทธิ 10 หรือ 11