TH60494A

TH60494A - คลัทช์ทางเดียว

Info

Publication number: TH60494A
Application number: TH201004867A
Authority: TH
Inventors: อิชิซากะ นายทาคาชิ; อาคากิ นายมาซาโตชิ; ฟูคูอิ นายคิโยตากะ; มิยาโมโตะ นายทาดาชิ
Original assignee: นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์; นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์; นายบุญมา เตชะวณิช; นายต่อพงศ์ โทณะวณิก
Filing date: 2002-12-27
Publication date: 2004-01-23

Abstract

DC60 (20/03/46) คลัทช์ทางเดียวจะประกอบรวมด้วยรางลูกกลิ้งด้านใน (2) รางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ซึ่งขับไป ในทิศทางที่กำหนดเฉพาะและจัดเตรียมไว้พร้อมด้วยช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) ในเส้นรอบวงด้านใน ของรางลูกกลิ้งด้านนอกซึ่งหันหน้าเข้าหาเส้นรอบวงด้านนอกของรางลูกกลิ้งด้านใน (2) และรูยึดติด แบบมีเกลียว (3a) ที่จะใช้สำหรับการยึดติดชิ้นประกอบตามเข้ากับรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ลูกกลิ้ง (5) ซึ่งจัดวางในช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) ตามลำดับ และชิ้นประกอบยืดหยุ่น (6) ซึ่งกดลูกกลิ้ง (5) ใน ทิศทางที่กำหนดเฉพาะ ช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางระหว่างช่องเว้าตรงกลาง (4) ในช่องเว้าที่ ต่อเนื่องกันสามช่องเว้าใดๆ (4) ในระหว่างช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) และช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) บน ด้านไปทางด้านหน้าของช่องเว้าตรงกลาง (4) และช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางระหว่างช่องเว้า ตรงกลาง (4) และช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) บนด้านไปทางด้านหลังของช่องเว้าตรงกลางจะมีขนาดต่าง ไปจากกัน ดังนั้นระยะ (d) ระหว่างพื้นผิวที่ปลายด้านหน้า (4b) ของช่องเว้า (4) และรูยึดติดแบบ มีเกลียว (3a) บนด้านไปทางด้านหน้าของช่องเว้า (4) จึงมีขนาดเพียงพอ และสามารถกันไม่ให้เกิด การลดสภาพความแข็งเกร็งของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ให้น้อยลงได้โดยไม่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์ กลางของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ให้มากขึ้น สปริง (6) อาจจะเป็นสปริงขดที่มีลักษณะราบเรียบ ซึ่งมีภาคตัดขวางที่มีด้านที่ยาวมากกว่าขนานกับความยาวของลูกกลิ้ง (5) และฝาครอบสปริงรูปตัวยู (7) ซึ่งแต่ละฝาครอบมีคู่ของผนังด้านข้างอาจจะได้รับการสวมลงไปบนปลายด้านข้างของลูกกลิ้ง (5) ของสปริง (6) ตามลำดับ คลัทช์ทางเดียวจะประกอบรวมด้วยรางลูกกลิ้งด้านใน (2) รางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ซึ่งขับไป ในทิศทางที่กำหนดเฉพาะและจัดเตรียมไว้พร้อมด้วยช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) ในเส้นรอบวงด้านใน ของรางลูกกลิ้งด้านนอกซึ่งหันหน้าเข้าหาเส้นรอบวงด้านนอกของรางลูกกลิ้งด้านใน (2) และรูยึดติด แบบมีเกลียว (3a) ที่จะใช้สำหรับการยึดติดชิ้นประกอบตามเข้ากับรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ลูกกลิ้ง (5) ซึ่งจัดวางในช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) ตามลำดับ และชิ้นประกอบยืดหยุ่น (6) ซึ่งกดลูกกลิ้ง (5) ใน ทิศทางที่กำหนดเฉพาะ ช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางระหว่างช่องเว้าตรงกลาง (4) ในช่องเว้าที่ ต่อเนื่องกันสามช่องเว้าใดๆ (4) ในระหว่างช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) และช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) บน ด้านไปทางด้านหลังของช่องเว้าตรงกลาง (4) และช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางระหว่างช่องเว้า ตรงกลาง (4) และช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) บนด้านไปทางด้านหลังของช่องเว้าตรงกลางจะมีขนาดต่าง ไปจากกัน ดังนั้นระยะ (d) ระหว่างพื้นผิวที่ปลายด้านหน้า (4b) ของช่องเว้า (4) และรูยึดติดแบบ มีเกลียว (3a) บนด้านไปทางด้านหน้าของช่องเว้า (4) จึงขนาดเพียงพอ และสามารถกันไม่ให้เกิด การลดสภาพความแข็งเกร็งของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ให้น้อยลงได้โดยไม่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์ กลางของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ให้มากขึ้น สปริง (6) อาจจะเป็นสปริงขดที่มีลักษณะราบเรียบ ซึ่งมีภาคตัดขวางที่มีด้านที่ยาวมากกว่าขนานกับความยาวของลูกกลิ้ง (5) และฝาครอบสปริงรูปตัวยู (7) ซึ่งแต่ละฝาครอบมีคู่ของผนังด้านข้างอาจจะได้รับการสวมลงไปบนปลายด้านข้างของลูกกลิ้ง (5) ของสปริง (6) ตามลำดับ

Claims

ข้อถือสิทธฺ์ (ทั้งหมด) ซึ่งจะไม่ปรากฏบนหน้าประกาศโฆษณา :

1. คลัทช์ทางเดียวซึ่งประกอบรวมด้วย : รางลูกกลิ้งด้านใน (2) ; รางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ซึ่งจัดเตรียมไว้พร้อมด้วยช่องเว้าจำนวนหนึ่ง (4) ในพื้นผิวตามแนวเส้นรอบวงด้านในนั้น ซึ่งหันหน้าเข้าหาเส้นรอบวงด้านนอกของรางลูกกลิ้งด้านใน (2) และได้รับการจัดเตรียมไว้ พร้อมด้วยรูยึดติด (3a) ซึ่งจัดไว้ที่ตำแหน่งเชิงมุมระหว่างช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) ซึ่งได้รับการใช้ สำหรับการยึดติดชิ้นประกอบตามเข้ากับรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ; ลูกกลิ้ง (5) ซึ่งจัดวางในช่องเว้า จำนวนหนึ่ง (4) ตามลำดับ ; และชิ้นประกอบยืดหยุ่น (6) ซึ่งกดลูกกลิ้ง (5) ในทิศทางตามแนว เส้นรอบวงหนึ่งทิศทางของรางลูกกลิ้งด้านในและด้านนอก ที่ซึ่งกำลังจะได้รับการส่งต่อในทิศทาง ตามแนวเส้นรอบวงดังกล่าวระหว่างรางลูกกลิ้งด้านในและด้านนอก และที่ซึ่งช่วงห่างเชิงมุม จากกึ่งกลางอย่างน้อยที่สุดหนึ่งช่วงห่างในระหว่างช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางของช่องเว้า ที่อยู่ใกล้กัน (4) ของช่องเว้าจำนวนหนึ่งดังกล่าว (4) มีขนาดต่างไปจากช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลาง ของช่องเว้าที่อยู่ใกล้กันอื่น (4) ; ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่ารูยึดติดอย่างน้อยที่สุดหนึ่งรู (3a) ได้รับการจัดให้มีตำแหน่งอยู่ในส่วนของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ระหว่างช่องเว้าที่อยู่ใกล้กัน (4) ซึ่งได้รับการเว้นระยะห่างด้วยช่วงห่างเชิงมุมซึ่งมีขนาดโตมากกว่าช่วงห่างเชิงมุมระหว่าง ช่องเว้าที่อยู่ใกล้กันอื่น (4)

2. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่าช่องเว้า (4) ได้รับการ แบ่งออกเป็นกลุ่มช่องเว้า m กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มประกอบด้วยช่องเว้า n ช่องเว้า (4) ซึ่งเว้นระยะที่ ช่วงห่างเชิงมุมจากกึ่งกลางเป็น 360ํ/n และผลต่างเชิงมุมระหว่างกลุ่มช่องเว้าอย่างน้อยที่สุด หนึ่งกลุ่มและกลุ่มช่องเว้าอีกกลุ่มหนึ่งจะไม่เท่ากับ 360ํ/(m . n)

3. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่าชิ้นประกอบยืดหยุ่น (6) เป็นสปริงขดที่มีลักษณะกลม และฝาครอบสปริงที่มีลักษณะกลม (7) ได้รับการสวมลงไปบน ปลายบนด้านข้างของลูกกลิ้ง (5) ของสปริงขด

4. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งมีลักษณะเแพาะตรงที่ว่าชิ้นประกอบยืดหยุ่น (6) เป็นสปริง และฝาครอบสปริงที่มีรูปร่างเป็นรูปตัวยู (7) ซึ่งแต่ละฝาครอบนั้นมีคู่ของผนังด้านข้าง ได้รับการสวมลงไปบนปลายของสปริงบนด้านข้างของลูกกลิ้ง (5)

5. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 4 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่าสปริงเป็นสปริงขด ที่มีลักษณะราบเรียบซึ่งมีภาคตัวขางที่มีด้านที่ยาวมากกว่าขนานกับทิศทางความยาวของลูกกลิ้ง (5)

6. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 4 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่าฝาปิดที่หนึ่ง (8) ได้รับการต่อประกบเข้ากับพื้นผิวด้านข้างหนึ่งพื้นผิวของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) และส่วนของ ฝาปิดที่หนึ่ง (8) ได้รับการดัดเข้าทางด้านในเพื่อการก่อรูปขึ้นมาเป็นส่วนรองรับฝาครอบสปริง (8a) ซึ่งจะรองรับผนังด้านข้างของฝาครอบสปริง (7) ไว้

7. คลัทช์ทางเดียวตามข้อถือสิทธิข้อ 6 ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตรงที่ว่าฝาปิดที่สอง (9) ได้รับการต่อประกบเข้ากับพื้นผิวด้านนอกของรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ พื้นผิวด้านข้างที่ซึ่งฝาปิดที่หนึ่ง (8) ได้รับการต่อประกบเข้ากับรางลูกกลิ้งด้านนอก (3) และส่วนของฝาปิดที่สอง (9) ได้รับการดัดเข้าทางด้านในเพื่อที่จะให้ประสานเข้ากับ ส่วนรองรับฝาครอบสปริง (8a) ในลักษณะยืดหยุ่น