Claims (4)
1. ขบวนการสำหรับการปรับสภาพวัสดุไฮโดรคาร์บอนที่เป็นสารป้อนให้ไปเป็นสารอาโรเมติค ซึ่งใช้สารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งประกอบรวมด้วย การให้วัสดุป้อนสัมผัสกับสารเร่งปฏิกิริยาที่ใส่ไว้ในท่อ ของเตาเผา ภายใต้สภาวะของการปรับสภาพ ซึ่งใช้สารเร่งปฏิกิริยา เมื่อสารเร่งปฏิกิริยานี้เป็นสารเร่ง ปฏิกิริยาโมโนฟังก์ชันแนล และไม่เป็นกรด และประกอบรวมด้วยโลหะกลุ่ม VIII และซีโอไลน์ แอล และเมื่อท่อเตาเผามีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในจาก 2 ถึง 8 นิ้ว และซึ่งท่อเตาเผาถูกให้ความร้อน อย่างน้อย ที่สุดส่วนหนึ่งด้วยหัวเผาที่ใช้ก๊าซหรือน้ำมัน ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของท่อเตาเผา 2. ขบวนการสำหรับการปรับสภาพไฮโดรคาร์บอนซึ่งใช้สารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งประกอบรวม ด้วย : การผ่านสารไฮโดรคาร์บอนไปเหนือสารเร่งปฏิกิริยา ซึ่งประกอบด้วยโลหะกลุ่ม VIII และ ซีโอไลท์แอลที่บรรจุอยู่ภายในเตาเผา ; ซึ่งเตาเผาดังกล่าวประกอบด้วยชองแรกและช่องที่สองที่อยู่ ติดกัน ซึ่งถูกแยกด้วยพื้นผิวแลกเปลี่ยนความร้อน ; ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว อยู่ภายในช่องแรก ดังกล่าว และมีหัวเผาที่ใช้ก๊าซหรือน้ำมันหนึ่งหัวหรือมากกว่านั้นอยู่ภายในช่องที่สองดังกล่าว ; และ ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาอยู่ห่างจากพื้นผิวแลกเปลี่ยนความร้อนไม่เกิน 4 นิ้ว และอย่างน้อยที่สุดหนึ่งส่วน ของสารเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว อยู่ห่างจากพื้นผิวแลกเปลี่ยนความร้อนดังกล่าวมากกว่าหนึ่งนิ้ว 3. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาภายใต้สภาวะของการปรับสภาพดังกล่าวมี อัตราเร็วของการเกิดความเฉื่อยน้อยกว่า 0.04 ดีกรีเอฟต่อชั่วโมง 4. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 2 เมื่อสารเร่งปฏิกิริยาภายใต้สภาวะของการปรับสภาพดังกล่าวมี อัตราเร็วของการเกิดความเฉื่อยน้อยกว่า 0.04 ดีกรีเอฟต่อชั่วโมง 5. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 เมื่อท่อเตาเผามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ถึง 6 นิ้ว 6. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 2 เมื่อสารเร่งปฏิกิริยาอยู่ห่างจากพื้นผิวแลกเปลี่ยนความร้อนไม่ เกิน 3 นิ้ว และอย่างน้อยที่สุดส่วนหนึ่งของสารเร่งปฏิกิริยาดังกล่าวอยู่ห่างจากพื้นผิวแลกเปลี่ยนความ ร้อนมากกว่า 1.5 นิ้ว 7. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่อสภาวะของการปรับสภาพที่ใช้สารเร่งปฏิกิริยา รวมถึง LHSV ที่มีค่า 1.0 ถึง 7 8. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 ซึ่งสภาวะของการปรับสภาพรวมถึงอัตราส่วนโมลของ ไฮโดรเจนต่อไฮโดรคาร์บอนอยู่ระหว่าง 0.5 และ 3.0 9. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่อโลหะกลุ่ม VIII คือ แพลตินัม 1 0. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 ซึ่งสารเร่งปฏิกิริยาถูกผลิตขึ้นโดยขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่ง ประกอบรวมด้วยการดำเนินการในบรรยากาศที่เป็นก๊าซในช่วงอุณหภูมิระหว่าง 1025 ํฟ. และ 1275 ํฟ. ในขณะที่รักษาระดับของน้ำในก๊าซที่ออกมาให้อยู่ต่ำกว่า 1000 ppm 1 1. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 10 เมื่อระดับน้ำอยู่ต่ำกว่า 200 ppm 1 2. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่อสารเร่งปฏิกิริยามีฮาโลเจน หนึ่งชนิดเป็นอย่างน้อย ที่สุดในปริมาณระหว่าง 0.1 และ 2.0% โดย นน.ของซีโอไลท์แอล 1 3. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 12 เมื่อฮาโลเจนต่าง ๆ คือฟลูโอรีนและคลอรีน และมีอยู่บน สารเร่งปฏิกิริยาในปริมาณระหว่าง 0.1 ถึง 0.1 % โดย นน. สำหรับฟลูออรีน และ 0.1 และ 1.0 % โดยน้ำหนัก สำหรับคลอรีนในขณะเริ่มต้นดำเนินการ 1 4. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่อวัสดุป้อนมีซัลเฟอร์น้อยกว่า 50 ppb 1 5. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 13 ซึ่งวัสดุป้อนมีซัลเฟอร์น้อยกว่า 10 ppb 1 6. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 3 ซึ่งสภาวะของการปรับสภาพที่ใช้สารเร่งปฏิกิริยา รวมถึง LHSV ระหว่าง 3 และ 5, อัตราส่วนของไฮโดรเจนต่อไฮโดรคาร์บอนอยู่ระหว่าง 1 และ 1.5, อุณหภูมิภายในของท่อเตาเผาอยู่ระหว่าง 600 ํ ฟ. และ 960 ํฟ. ที่ทางเข้า และระหว่าง 860 ํฟ. และ 1025 ํฟ. ที่ทางออกที่ SOR และระหว่าง 600 ํฟ. และ 1025 ํฟ. ที่ทางเข้าและระหว่าง 920 ํฟ. และ 1025 ํฟ. ที่ทางออกที่ EOR และความดันที่ทางออกอยู่ระหว่าง 35 และ 75 psig 1 7. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 3 เมื่อท่อเตาเผาดังกล่าวถูกทำขึ้นด้วยวัสดุซึ่งมีความ ต้านทางต่อการคาร์บูไรเซซันและละอองโลหะภายใต้สภาวะของการปรับสภาพที่มีซัลเฟอร์ต่ำ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดต้องดีถึงขั้นเหล็กกล่าไม่เป็นสนิมชนิด 347 1 8. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 2 หรือ 4 เมื่อช่องแรกดังกล่าวถูกทำขึ้นด้วยวัสดุที่มีความ ต้านทางต่อการคาร์บูไรเซชันและละอองโลหะภายใต้สภาวะของการปรับสภาพที่มีซัลเฟอร์ต่ำ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดต้องดีถึงขั้นเหล็กกล้าไม่เป็นสนิมชนิด 347 1 9. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 3 ซึ่ง : (a) ท่อเตาเผาดังกล่าวถูกทำขึ้นตามเหล็กกล้าไม่เป็นสนิมชนิด 347 หรือ เหล็กกล้าที่มีความ ต้านทานต่อการคาร์บูไรเซชันและละอองโลหะ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดต้องดีถึงขั้นเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ชนิด 347, หรือ (b) ท่อเตาเผาดังกล่าวได้ถูกดำเนินการโดยวิธีซึ่งประกอบด้วยการชุบ, การหุ้ม, การทาสี หรือการเคลือบผิวหน้าของท่อเตาเผาที่จะสัมผัสกับวัสดุป้อน เพื่อให้มีความต้านทางต่อการ คาร์บูไรเซชันและละอองโลหะที่ดีขึ้น , หรือ (c) ช่องแรกดังกล่าวถูกสร้างขึ้นหรือบุด้วยวัสดุที่เป็นเซรามิค 2 0. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 2 หรือ 4 ซึ่ง : (a) ช่องแรกดังกล่าวถูกทำขึ้นตามเหล็กกล้าไม่เป็นสนิมชนิด 347 หรือ เหล็กกล้าที่มีความ ต้านทานต่อการเกิดเขม่าและละอองโลหะ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดต้องดีถึงขั้นเหล็กกล้าไม่เป็นสนิมชนิด 347, หรือ (b) ช่องแรกดังกล่าวได้ถูกดำเนินการโดยวิธีซึ่งประกอบด้วยการชุบ, การหุ้ม, การทาสี หรือการเคลือบผิวหน้าของช่องแรกที่จะสัมผัสกับวัสดุป้อนเพื่อให้มีความต้านทางต่อการ คาร์บูไรเซชันและละอองโลหะที่ดีขึ้น , หรือ (c) ช่องแรกดังกล่าวถูกสร้างขึ้นหรือบุด้วยวัสดุเซรามิค 21. The process for the conditioning of hydrocarbon materials as feeders to aromatic substances. Which uses catalysts Which includes Exposure to the catalyst put into the furnace tube under the condition of pretreatment. Which uses catalysts When this catalyst is a catalyst Monofunctional reactions And not acidic It is composed of group VIII metals and coiled L, and where the furnace tube has an internal diameter from 2 to 8 inches and where the furnace tube is at least partially heated with a gas or oil burner. Which is on the outside of the furnace tube. 2. Processes for conditioning hydrocarbons, which use catalysts. These include: passing hydrocarbons over catalysts. Containing group VIII and zeolite L in the furnace; In which the furnace consists of adjacent first and second compartments separated by heat exchanger surfaces; Which the catalyst Is inside the first such compartment, and one or more gas or oil burners within the second compartment; And the catalyst is no more than 4 inches from the heat exchanger surface and at least one Of such catalysts It is located more than one inch from the heat exchanger surface. 3. Procedure of claim 1, in which the catalyst under the condition of such conditioning has The speed of inertia is less than 0.04 degrees F per hour. 4. The process of claim 2 when the catalyst under the condition of such conditioning has The speed of inertia is less than 0.04 degrees F per hour. 5. Proceeding of claim 1 when the furnace tube is 3 to 6 inches in diameter. 6. The process of claim 2 when the catalyst is away from the exchange surface. The heat exchanger does not exceed 3 inches and at least part of the catalyst is more than 1.5 inches from the heat exchanger surface. 7. Clause 1 or 2 process when the condition of the pretreatment using the combined catalyst. To LHSV with values 1.0 to 7. 8. Claim Procedure 1 or 2 where the condition of the conditioning, including the mole ratio of Hydrocarbon-to-hydrocarbon is between 0.5 and 3.0 9. Clause 1 or 2. Procedure for Clause VIII metals is platinum 1. 0. The process of claim 1 or 2 in which the catalyst is produced by different processes. This includes operations in a gaseous atmosphere in the temperature range between 1025 F and 1275 F while keeping the water level in the gas being below 1000 ppm. Hold 10 when the water level is below 200 ppm 1 2. The process of claim 1 or 2 when the catalyst contains halogen. At least one of a kind In the amount between 0.1 and 2.0% by n.m. of zeolite L. 1 3. Procedure of claim 12 when the different halogens are fluorene and chlorine and are present on the catalyst in Dosage between 0.1 and 0.1% by nm for fluorine and 0.1 and 1.0% by wt for chlorine at initiation 1 4. Procedures of claim 1 or 2 when the feed material contains less than 50 ppb sulfur 1.5. Clause 13 process in which the feed material contains sulfur less than 10 ppb 1 6. The process of claim 1 or 3 where the conditions of the catalyst-based conditioning, including LHSV, between 3 and 5, the ratio of hydrogen to hydrocarbons Between 1 and 1.5, the internal temperature of the furnace tubes is between 600 and 960 ํ at the inlet and between 860 and 1025 ํ at the SOR exit, and between 600 ํ and 1025 ํ. F. At the entrance and between 920 and 1025 ํ F at the outlet at the EOR and the pressure at the outlet is between 35 and 75 psig 1. 7. Proceedings of claim 1 or 3 when the furnace tubes are made. Based on materials which are Resistance to carburization and metal mist under low sulfur conditioning conditions. Which, at the very least, must be as good as non-rusting steel type 347 1 8. The Claims 2 or 4 Movement when the first channel is made of materials that are high Resistance to carburization and metal mist under low sulfur conditioning conditions. Which, at the very least, must be as good as Type 347 1. 9. Movement of claim 1 or 3, in which: (a) the furnace tubes are made according to type 347 stainless steel or high strength steel. Resistant to carburization and metal dust Which, at the very least, must be as good as Type 347, or (b) anodized steel pipe. The furnace pipe was performed by means of plating, cladding, painting or surface coating of the furnace pipe to be in contact with. Feed material In order to have resistance to Improved carburization and aerosol, or (c) the first compartment is constructed or lined with a ceramic material 2 0. The Claims 2 or 4 Movement, in which: (a) the first channel is as follows It is made according to Type 347 stainless steel or Resistant to the formation of soot and metal mist Which, at the very least, must be as good as Type 347, or (b) anodized steel. In order to have resistance to Improved carburization and metal mists, or (c) the first such cavity is constructed or lined with ceramic material 2.
1. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 2 เมื่อสภาวะของการปรับสภาพที่ใช้สารเร่งปฏิกิริยารวมถึง LHSV ระหว่าง 3 และ 5, และอัตราส่วนของไฮโดรเจนต่อไฮโดรคาร์อบนอยู่ระหว่าง 1.0 และ 1.5 21. The process of claim 2 when the catalytic conditioning conditions include LHSV between 3 and 5, and the ratio of hydrogen to upper hydrocarbons is between 1.0 and 1.5 2.
2. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่อสารเร่งปฏิกิริยาภายใต้สภาวะของการปรับสภาพ ดังกล่าวมีอัตราเร็วของการเกิดความเฉื่อยน้อยกว่า 0.03 ดีกรี เอฟต่อชั่วโมง 22. The process of claim 1 or 2 when the catalyst under conditions of conditioning It has a speed of inertia less than 0.03 degrees F.
3. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่ออัตราการเกิดความเฉื่อยน้อยกว่า 0.02 ดีกรีเอฟต่อ ชั่วโมง 23. The movement of claim 1 or 2 when the incidence of inertia is less than 0.02 degrees F per hour 2.
4. ขบวนการของข้อถือสิทธิ 1 หรือ 2 เมื่ออัตราการเกิดความเฉื่อยน้อยกว่า 0.01 ดีกรี เอฟ ต่อ ชั่วโมง4. The movement of claim 1 or 2 when the incidence of inertia is less than 0.01 degrees F per hour.