Claims (3)
1.สารผสมของตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งประกอบด้วยโลหะมีสกุลในหมู่ VIII หนึ่งหรือมาก กว่าหนึ่งชนิดอยู่บนวัสดุรองรับซึ่งวัสดุรองรับนี้ประกอบด้วย ซีโอไลต์ที่เตรียมได้โดยการสัมผัส ซีโอไลท์ตั้งแต่ต้นชนิด Y ซึ่งมีขนาดของเซลล์หน่วยน้อยกว่า 24.65 อังสตรอม มีอัตราส่วนโดย โมลของซิลิกาต่ออะลูมินามากกว่า 5, และมีปริมาณรวมของโลหะแอลคาไล และโลหะ แอลคาไลน์เอิร์ทน้อยกว่า 0.3 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก (โลหะพื้นฐาน) กับสารละลายในน้ำ อย่างน้อย 1 ชนิด ซึ่งประกอบด้วยไอออนของโลหะแอลคาไล และ/หรือ ไอออนของโลหะ แอลคาไลเอิร์ท ภายใต้ภาวะที่เพียงพอที่จะให้ปริมาณรวมของโลหะแอลคาไล และโลหะ แอคาไลน์เอิร์ท ในขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น (วัดเป็นกรัมสมมูลต่อกรัมของซีโอไลท์), ซึ่งปริมาณ รวมของโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลซ์เอิร์ทในขั้นสุดท้าย คือ อย่างน้อยที่สุด 1.5 เท่า มากกว่าปริมาณรวมของโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท ของซีโอไลต์ตั้งต้น (วัด เป็นน้ำหนักกรัมสมมูลต่อกรัมของซีโอไลท์) 2. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อ 1 ซึ่งซีโอไลต์ตั้งตันชนิด Y มีขนาดของเซลล์หน่วยน้อยกว่า 24. 4 อังสตรอม, ที่ควรใช้คือ น้อยกว่า 24.35 อังสตรอม 3. สารผสมตามที่ขอถือสิทธิไว้ในข้อถือสิทธิข้อ 1 หรือข้อ 2 ซึ่งซีโอไลท์ตั้งต้นมีขนาดของ เซลล์หน่วยระหว่าง 24.2 และ 24.3 อังสตรอม, ที่ควรใช้คือขนาดของเซลล์หน่วยระหว่าง 24.22 และ 24.28 อังสตรอม 4. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งซีโอไลท์ตั้งต้นชนิด Y มีอัตราส่วน โดยโมลาร์ของซิลิกาต่ออะลูมินามากกว่า 25, ที่ควรใช้คือมากกว่า 35 5.สารผสมตามข้อถือสิทธิข้อ 4 ซึ่งซีโอไลท์ตั้งต้นชนิด Y มีอัตราส่วนโดยโมลาร์ของ ซิลิกาต่ออลูมินามากกว่า 50 ที่ควรใช้คือมากกว่า 60 6. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งซีโอไลท์ตั้งต้นชนิด Y มีคอนเทนต์ ของโลหะแอลคาไลและโลหะแอลคาไลท์เอิร์ท น้อยกว่า 0.15 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ที่ควร ใช้คือน้อยกว่า 0.075 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก 7. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งซีโอไลท์ตั้งต้นชนิด Y ประกอบด้วย โลหะแอลคาไล 8. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งมีคอนเทนต์ของโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลเอิร์ท ในขั้นสุดท้ายมากกว่าคอนเทนต์ของโลหะแอลคาไล และ โลหะ แอลคาไลน์เอิร์ทที่มีอยู่ของซีโอไลท์ตั้งต้นอย่างน้อยที่สุด 2 เท่า, ที่ควรใช้คือมากกว่าคอน- เทนต์ของโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลน์เอิร์ทของซีโอไลท์ตั้งต้นอย่างน้อยที่สุด 5 เท่า 9.สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลน์ เอิร์ท ในขั้นสุดท้ายเลือกจากโซเดียม, โพแทสเซียม และสารผสมของโลหะเหล่านั้น และมี คอนเทนต์ของโลหะเหล่านั้น ในช่วงจาก 0.1 ถึง 1.4 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก, โลหะพื้นฐาน 1 0.สารผสมของข้อถือสิทธิข้อ 9 ซึ่งโลหะแอลคาไล และโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท, คือ โซเดียมและมีอยู่ในช่วงจาก 0.1 ถึง 0.8 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก, โลหะพื้นฐาน 1 1. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาประกอบด้วยสาร ยึดเป็นการเพิ่มเติมซึ่งเลือกจากหมู่ที่ประกอบด้วย อะลูมินา, ซิลิกา, ซิลิกา-อะลูมินา, อะลูมิโนฟอสเฟท, ซิลิโคอะลูมิโนฟอสเฟท, แมกนีเซีย, ไทเทเนีย, เซอร์โคเนีย, ดินและ สารผสมของสารเหล่านั้น 1 2. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งโลหะมีสกุลในหมู่ VIII เลือก จากหมู่ที่ประกอบด้วย แพลทินัม, แพลเลเดียม, และสารผสมของโลหะ เหล่านั้น, ที่ควรใช้ คือในปริมาณจาก 0.05 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของตัวเร่งปฏิกิริยารวมทั้งหมด 1 3. สารผสมตามข้อถือสิทธิข้อ 12 ซึ่งโลหะมีสกุลในหมู่ VIII ประกอบด้วยแพลทินัม และแพลเลเดียมโดยมีอัตราส่วนโดยโมลาร์ของแพลทินัมต่อแพลเลเดียมอยู่ในช่วงจาก 0.1 ถึง 1.0 1 4. สารผสมตามข้อถือสิทธิก่อนหน้านี้ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งได้เผาให้เป็นเถ้าแล้วที่อุณหภูมิ ซึ่งอยู่ในช่วงจาก 200 ํ ซ ถึง 850 ํ ซ , ที่ควรใช้คือ 250 ํซ ถึง 600 ํซ 1 5. สารผสมของข้อถือสิทธิข้อ 14 ซึ่งได้รับการทำให้ว่องไวต่อไปอีกที่อุณหภูมิซึ่งอยู่ใน ช่วงจาก 150 ํซ ถึง 600 ํซ ที่ควรใช้คือจาก 200 ํซ ถึง 500 ํซ ในบรรยากาศ ที่มีไฮโดรเจนที่ความดันที่สูงขึ้น, ที่ควรใช้คือมากกว่า 30 บาร์ 1 6. กรรมวิธีการเติมไฮโดรเจนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอนที่มี ส่วนประกอบซึ่งสามารถเติมไฮโดรเจนได้และซึ่งมีจุดเดือดอยู่ในช่วงระหว่าง 125 ํซ และ 625 ํซ ซึ่งกรรมวิธีประกอบด้วยการสัมผัสผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมดังกล่าว กับไฮโดรเจนและ ตัวเร่งปฏิกิริยาตามที่ขอถือสิทธิไว้ในข้อถือสิทธิข้อ 1-15 ข้อใดข้อหนึ่งที่อุณหภูมิซึ่งอยู่ในช่วง ระหว่าง 150 ํซ และ 400 ํซ 1 7. กรรมวิธีตามที่ขอถือสิทธิไว้ในข้อถือสิทธิข้อ 16 ซึ่งอุณหภูมิในการสัมผัสอยู่ในช่วง ระหว่าง 200 ํซ และ 400 ํซ , ที่ควรใช้คือระหว่าง 225 และ 375 ํซ 1 8. กรรมวิธีตามที่ขอถือสิทธิไว้ในข้อถือสิทธิข้อ 16 หรือข้อ 17 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยา ได้รับการเผาให้เป็นเถ้าที่อุณหภูมิซึ่งอยู่ในช่วงจาก 200 ํซ ถึง 850 ํซ ก่อนการใช้ใน กรรมวิธี 1 9. กรรมวิธีตามที่ขอถือสิทธิไว้ในข้อถือสิทธิข้อ 18 ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาได้รับการทำให้ ว่องไวต่อไปอีกที่อุณหภูมิซึ่งอยู่ในช่วงจาก 150 ํซ ถึง 600 ํซ ที่ควรใช้คือจาก 200 ํซ ถึง 500 ํซ ในบรรยากาศที่มีไฮโดรเจนที่มีความดันที่สูงขึ้น, ที่ควรใช้คือมากกว่า 30 บาร์ ก่อนการใช้ในกรรมวิธี 2 0. กรรมวิธีตาม ข้อถือสิทธิข้อ 16-19 ข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ในช่วง ของเชื้อเพลิงดีเซล ซึ่งมีแอโรแมทิค และโอเลฟินจะได้รับการเติมไฮโดรเจน เพื่อผลิตผลิตผล ที่มีช่วงของจุดเดือดระหว่าง 125 ํซ และ 425 ํซ โดยที่โอเลฟินและแอโรแมทิคดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้รับการแปลงไปเป็นสารที่อิ่มตัว และแอโรแมทิคที่อิ่มตัวแล้วจะได้รับการแปลงอย่าง น้อยที่สุดบางส่วนไปเป็นเอไซคลิคโดยที่ค่อนข้างจะไม่มีการไฮดรอกแครคของวัตถุดิบประเภท ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 21. Catalyst mixtures consisting of one or more noble metals of the VIII category are on the substrate. Zeolite prepared by exposure Y-type early zeolites with unit cell size of less than 24.65 angstroms were proportionally Moles of silica to alumina greater than 5, and the total content of alkali metals and alkaline earth metals is less than 0.3 percent by weight. (Base metal) with at least one aqueous solution containing alkali metal ions and / or alkali earth metal ions. Under conditions that are sufficient to provide the total content of alkali and alkaline earth metals In the final increase (Measured in grams, equivalent per gram of zeolite), in which the total content of alkali metals And the final alkali metal is at least 1.5 times greater than the total content of alkali metals. And alkaline earth metals Zeolite (measured in gram equivalent weight per gram of zeolite) 2. Mixture of claim 1 in which Y-type zeolite has a unit cell size of less than 24.4 angstroms, which should be used less. More than 24.35 Angstrom 3. Mixture as requested in Clause 1 or Article 2, which zeolite has the size of The unit cell between 24.2 and 24.3 angstroms, which should be used is the size of the unit cell between 24.22 and 24.28 angstroms. 4. Mixture according to one of the previous claims. The Y-type substrate zeolite had a molar ratio of silica to alumina greater than 25, which should be more than 35. 5. Mixture according to claim 4, where the Y-type zeolite had a ratio of By molar of Silica to alumina greater than 50 to be used is greater than 60 6. Mixture according to one of the previous claims. The Y-type zeolite has less than 0.15 percent content of alkali and alkali-earth metals, with the recommended weight being less than 0.075 percent by weight. Any of the previous claims The Y-type zeolite consists of alkali metals. 8. Mixture according to one of the previous claims. Which contains the content of alkali metals And alkali earth metals Finally, at least twice the content of the alkali metal and the alkaline earth metal of the zeolite substrate, preferably greater than the metal contents. Alkali And alkaline earth metals of the zeolite precursor at least 5 times 9. Mixture according to any of the preceding claims Which alkali metals And the final alkaline earth metals were selected from sodium, potassium and their alloys and their contents ranged from 0.1 to 1.4% by weight, base metals 1 0. Mix of claim No. 9, which alkali metals And alkaline earth metals, is sodium and is in the range from 0.1 to 0.8 percent by weight, base metals 1 1. Mixture according to one of the previous claims. In which the catalyst contains substances Based on additions, selected from among containing alumina, silica, silica-alumina, aluminophosphate, silico aluminophosphate, magnesia. , Titania, zirconia, soil and their mixtures 1 2. Mixture according to any of the preceding claims Among the VIII class metals selected from platinum, palladium, and their mixtures, that should be used in amounts from 0.05 to 3% by weight of the total catalyst. Holds the right to Article 12 in which the metals belonging to the VIII category are made up of platinum And palladium, with the molar ratio of platinum to palladium in the range from 0.1 to 1.0 1. 4. Mixture of one of the previous claims. Which had been burned to ash at temperature Which is in the range from 200 ํ to 850 ํ, the preferred use is 250 ํ to 600 ํ 1 5. Mixture of claim 14, which is further reactivated at temperatures in the range. From 150 ํ to 600 ํ should be from 200 ํ to 500 ํ in an atmosphere containing hydrogen at higher pressures, the preferred use is more than 30 bar. 1 6. Hydrogenation of petroleum products. Which are hydrocarbons that are A component that is hydrogenable and having a boiling point of between 125 ํ and 625 ํ the process consists of contact with the petroleum product. With hydrogen and The catalyst as requested in any Clause 1-15 at a temperature range between 150 ํ and 400 ํ 1 7. The process as requested in the Clause 16 Where the exposure temperature is between 200 ํ and 400 ํ, the preferred method is between 225 and 375 ํ 1. 8. The process as requested in Clause 16 or No. 17, whereby the catalyst reaction It was incinerated to ash at a temperature range from 200 ํ to 850 ํ prior to use in the process 1. 9. The process as claimed in claim 18, in which the catalyst was treated. In a hydrogen atmosphere with a higher pressure, the preferred use is more than 30 bar. Before using in the process 2 0. Process according to the claims 16-19, any one In which petroleum products are in the Of diesel fuel Aerobic And the olefins will be hydrogenated. To produce produce With the boiling point range between 125 ํ and 425 ํ by the olefins and aeromics. Most of them have been converted to saturated substances. And the saturated aerometric will be converted as This is the least partly to acyclic, with relatively no hydroxyl raw materials. Petroleum products 2
1. กรรมวิธีสำหรับการดำเนินการด้วยไฮโดรเจน และการเติมไฮโดรเจนรวมกัน ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอนที่มีสารเจือปนซึ่งมีไนโตรเจน และกำมะถัน, แอโรแมทิค และโอเลฟิน และผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีจุดเดือดอยู่ในช่วงระหว่าง 125 ํซ และ 625 ํซ ซึ่งกรรมวิธีประกอบด้วย : (a) การผ่านผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมไปยังขั้นที่หนึ่ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมดังกล่าว จะสัมผัส กับไฮโดรเจนและตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการดำเนินการด้วยไฮโดรเจนซึ่งประกอบด้วยโลหะหมู่ VIII ซัลไฟต์ ซึ่งเลือกจากนิกเกิล, โคบอลต์และสารผสมของสารเหล่านั้น และโลหะหมู่ VIB ซัลไฟต์ซึ่งเลือกจากโมลิบดีนัม ทังสเตนและสามารถผสมของสารเหล่านั้น ซึ่งได้รับการรองรับ ไว้ด้วยวัสดุรองรับ ที่อุณหภูมิซึ่งอยู่ในช่วงจาก 200 ํซ ถึง 425 ํซ (b) การแยกแก๊สออกจากผลิตภัณฑ์ซึ่งกำลังออกจากขั้นตอนขั้นที่หนึ่ง เพื่อผลิตผลิตผล ชนิดของเหลว (c) การผ่านผลิตภัณฑ์ชนิดของเหลวดังกล่าวไปยังขั้นที่สอง ซึ่งผลิตผลชนิดของเหลว ดังกล่าวจะสัมผัสกับไฮโดรเจน และตัวเร่งปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนตามที่ขอถือสิทธิไว้ใน ข้อถือสิทธิข้อ 1-15 ข้อใดข้อหนึ่ง, (d) การแยกแก๊สออกจากผลิตผลซึ่งกำลังผ่านออกจากขั้นที่สอง เพื่อผลิตผลิตผลชนิด ของเหลวขั้นสุดท้าย 21.Processes for processing with hydrogen And combined hydrogenation Of petroleum products Which are hydrocarbons containing nitrogen and sulfur, aeromics and olefins, and products thereof The boiling point ranges between 125 ํ and 625 ํ. The process consists of: (a) the first step of the petroleum product. The petroleum products are exposed to hydrogen and a catalyst for hydrogen processing, including group VIII metals, sulfites selected from nickel, cobalt and their mixtures, and VIB sulphite metals. Choose from molybdenum And tungsten can be a mixture of those substances. Which has been supported With support material At temperatures ranging from 200 ํ to 425 ํ (b), the gas separation from the product is exiting the first step. To produce liquid products (c) through the second step of the liquid product Which produces liquid products It will be in contact with hydrogen And hydrogenation catalyst as requested in Any claim 1-15, (d) the separation of gas from the produce which is passing through the second stage. To produce produce Final liquid 2
2. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิข้อ 21 ซึ่งความดันย่อยของไฮโดรเจนในทั้งสองขั้นอยู่ใน ช่วงจาก 35 ถึง 100 บาร์ 22. Method of claim 21 in which the fractional pressure of hydrogen in both phases ranges from 35 to 100 bar 2.
3. กรรมวิธีของข้อถือสิทธิข้อ 22 ซึ่งความดันย่อยของไฮโดรเจนในขั้นที่สองอยู่ใน ช่วงจาก 35 ถึง 70 บาร์3. Procedure for claim 22 in which the secondary pressure of the second stage of hydrogen ranges from 35 to 70 bar.