Claims (5)
1. วิธีสำหรับเคลือบแคปเล็ตด้วยสารเคลือบพวกเจละตินเพื่อทำเป็นเม็ดยาที่เลียนแบบลักษณะแคปซูลที่ประกอบด้วย (ก) การให้มีวิถีทางยึดที่มีช่องสำหรับแคปเล็ตอยู่ภายใน (ข) การสอดปลายที่หนึ่งของแคปเล็ตดังกล่าวเข้าไปในช่องสำหรับแคปเล็ตดังกล่าวในขณะที่ปล่อยให้ปลายที่สองของแคปเล็ตดังกล่าวโผล่ออกมา (ค) การเคลือบสารเคลือบพวกเจละตินลงบนปลายที่สองดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าว (ง) การปล่อยให้สารเคลือบพวกเจละตินดังกล่าวแห้งเพื่อให้เกิดเป็นปลายที่สองที่ได้เคลือบแล้ว (จ) การเคลือบสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งลงบนปลายที่หนึ่งดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าวสารเคลือบพวกเจละตินดังกล่าวที่อยู่บนปลายที่หนึ่งและปลายที่สองดังกล่าวจะปิดคลุมแคปเล็ตดังกล่าวไว้ทั้งหมด (ฉ) การปล่อยให้สารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งดังกล่าวที่อยู่บนปลายที่หนึ่งดังกล่าวแห้ง (ช) การเคลือบสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองลงบนปลายที่หนึ่งดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าว และ (ซ) การปล่อยให้สารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวที่อยู่บนปลายที่หนึ่งดังกล่าวแห้ง สารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งและชนิดที่สองดังกล่าวที่อยู่บนปลายที่หนึ่งดังกล่าวจะเกิดเป็นชั้นเคลือบเจละตินที่หนากว่าชั้นเคลือบที่เคลือบอยู่บนปลายที่สองดังกล่าว 2. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ยังประกอบต่อไปด้วยขั้นตอนของการให้มีแคปเล็ตที่ถูกเคลือบรองพื้นไว้ก่อนเพื่อลดการดูดซับความชื้นและสารเคลือบพวกเจละตินดังกล่าวไว้โดยแคปเล็ตดังกล่าว 3. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว (ค) และ (จ) ดังกล่าวจะเคลือบปลายที่หนึ่งและปลายที่สองดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าวด้วยสารเคลือบพวกเจละตินที่มีสีต่างกัน 4. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (ฉ) และ (ช) ดังกล่าวจะเคลือบปลายที่หนึ่งดังกล่าวด้วยสารเคลือบพวกเจละตินที่มีสีคล้ายกัน 5. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (ค) และ (จ) ดังกล่าวจะเคลือบปลายแคปเล็ตดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 5 ถึง 40 มิล 6. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (ค) และ (จ) ดังกล่าวจะเคลือบปลายแคปเล็ตดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 10 ถึง 30 มิล 7. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (ค) และ (จ) ดังกล่าวจะเคลือบปลายแคปเล็ตดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 15 ถึง 25 มิล 8. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (จ) และ (ช) ดังกล่าวจะเคลือบปลายที่หนึ่งดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 10 ถึง 80 มิล 9. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (จ) และ (ช) ดังกล่าวจะเคลือบปลายที่หนึ่งดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 20 ถึง 60 มิล 1 0. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอน (จ) และ (ช) ดังกล่าวจะเคลือบปลายที่หนึ่งดังกล่าวให้มีความหนาประมาณ 30 ถึง 50 มิล 1 1. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ยังประกอบต่อไปด้วยการส่งย้ายแคปเล็ตดังกล่าวจากวิถีทางยึดวิถีทางแรงดังกล่าวไปยังวิถีทางยึดวิถีทางที่สอง 1 2. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 11 ที่ซึ่งช่องสำหรับแคปเล็ตดังกล่าวถูกเลือกแบบให้มีรูตรงกลางทอดตัวตลอดความยาวของวิถีทางยึดวิถีทางแรกดังกล่าวเพื่อให้แคปเล็ตดังกล่าวผ่านรูดังกล่าวไปได้อย่างน้อยที่ส่วนหนึ่งของรู 1 3. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 12 ที่ซึ่งขั้นตอนการส่งย้ายดังกล่าวประกอบด้วยการเคลื่อนแคปเล็ตดังกล่าวผ่านรูตรงกลางดังกล่าว 1 4. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 13 ที่ซึ่งขั้นตอนการส่งย้ายดังกล่าวประกอบด้วยการทำให้วิถีทางยึดวิถีทางที่สองและวิถีทางแรกดังกล่าวมาอยู่ในแนวเดียวกันแล้วเคลื่อนแคปเล็ตดังกล่าวจากวิถี ทางยึดวิถีทางแรกดังกล่าวไปยังวิถีทางยึดวิถีทางที่สอง 1 5. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 14 ที่ซึ่งขั้นตอนการจัดให้อยู่ในแนวเดียวกันดังกล่าวจะให้วิถีทางยึดวิถีทางที่สองดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งใกล้กับวิถีทางยึดวิถีทางแรกดังกล่าวเพื่อเคลื่อนแคปเล็ตดังกล่าวจากด้านหน้าของวิถีทางยึดวิถีทางแรกดังกล่าวไปยังด้านหน้าของวิถีทางยึดวิถีทางที่สองดังกล่าวเพื่อให้ปลายที่หนึ่งดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าวโผล่ออกมา 1 6. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 11 ที่ซึ่งวิถีทางยึดวิถีทางที่สองดังกล่าวถูกเลือกให้มีรูตรงกลางที่ทอดตัวอยู่ตลอดความยาวของวิถีทางเพื่อให้แคปเล็ตดังกล่าวไปได้อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่งของรู 1 7. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 16 ที่ซึ่งขั้นตอนการส่งย้ายดังกล่าวจะเคลื่อนแคปเล็ตดังกล่าวไปจนกระทั่งปลายที่หนึ่งดังกล่าวยื่นออกจากวิถีทางยึดวิถีทางที่สองดังกล่าว 1 8. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งสารเคลือบพวกเจละตินดังกล่าวถูกเลือกให้ประกอบด้วยเจละติน 1 9. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอนการสอดดังกล่าวประกอบด้วยการจัดแคปเล็ตหลายๆ แคปเล็ตเข้าไปในส่วนตรึงที่ประกอบขั้นด้วยวิถีทางยึดจำนวนหนึ่ง 2 0. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 19 ที่ซึ่งขั้นตอนการสอดดังกล่าวประกอบด้วยการใส่แคปเล็ตหลายๆ แคปเล็ตพร้อมๆ กันเข้าไปในส่วนตรึงดังกล่าวขั้นตอนการใส่ดังกล่าวจะทำให้ปลายที่สองของแคปเล็ตหลายๆ แคปเล็ตดังกล่าวโผล่ออกมา 2 1. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 1 ที่ซึ่งขั้นตอนการเคลือบ (ค) (จ) และ (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวเข้าไปในสารพวกเจละตินและการนำแคปเล็ตดังกล่าวออกมาจากสารพวกเจละตินการจุ่มดังกล่าวทำให้เกิดขั้นเคลือบเจละตินที่เปียกอยู่บนปลายที่หนึ่งและปลายที่สองดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าว 2 2. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 21 ที่ซึ่งตอนการจุ่มดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวในแนวดิ่งลงไปในอ่างของสารพวกเจละติน 2 3. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 22 ที่ซึ่งขั้นตอนการปล่อยทิ้งให้แห้ง (ง) (ฉ) และ (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการหมุนแคปเล็ตดังกล่าวเพื่อกระจายสารเคลือบดังกล่าวบนแคปเล็ตดังกล่าว 2 4. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 22 ที่ซึ่งอย่างน้อยขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ง) (ฉ) และ (ช) ขั้นตอนหนึ่งประกอบด้วยการทำให้แคปเล็ตดังกล่าวแห้งในเตา 2 5. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 11 ยังประกอบต่อไปด้วยขั้นตอนการเอาแคปเล็ตดังกล่าวออกจากวิถีทางยึดวิถีทางที่สองดังกล่าวหลังจากขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ซ) ดังกล่าว 2 6. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 25 ที่ซึ่งขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ฉ) ดังกล่าวประกอบด้วยการหมุนแคปเล็ตดังกล่าวเพื่อทำให้แห้งและเพื่อกระะจายสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งดังกล่าวบนปลายที่หนึ่งดังกล่าว 2 7. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 26 ที่ซึ่งขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการหมุนแคปเล็ตดังกล่าวเพื่อทำให้แห้งและกระจายสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวบนปลายที่หนึ่งดังกล่าว 2 8. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 27 ที่ซึ่งขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ช) ดังกล่าวยังรวมต่อไปถึงการทำให้แคปเล็ตดังกล่าวแห้งในเตา 2 9. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 28 ที่ซึ่งขั้นตอนการปล่อยให้แห้ง (ฉ) ดังกล่าวยังประกอบต่อไปด้วยการให้แคปเลตดังกล่าวแห้งในเตา 3 0. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 28 ที่ซึ่งขั้นตอนการเคลือบ (จ) และ (ซ) ดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวลงไปในอ่างของสารพวกเจละตินที่ต่างกัน 3 1. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 29 ที่ซึ่งขั้นตอนการเคลือบ (จ) และ (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวลงไปในอ่างของสารพวกเจละตินที่ต่างกัน 3 2. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 29 ที่ซึ่งขั้นตอนการเคลือบ (จ) และ (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวลงไปในอ่างของสารพวกเจละตินเพียงอ่างเดียว 3 3. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 29 ที่ซึ่งขั้นตอนการเคลือบ (จ) และ (ช) ดังกล่าวประกอบด้วยการจุ่มแคปเล็ตดังกล่าวลงไปในอ่างของสารพวกเจละตินที่ต่างกัน 3 4. เม็ดยาเลียนแบบลักษณะแคปซูลที่ประกอบด้วย (ก) แคปเล็ตที่เป็นของแข็งที่มีปลายที่หนึ่งและปลายที่สองและแคปเล็ตดังกล่าวประกอบขึ้นที่โดยทั่วไปแล้วมีรูปทรงกระบอก (ข) เคลือบสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งลงบนปลายที่สองดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าว และ (ค) เคลือบสารเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองลงบนปลายที่หนึ่งดังกล่าวของแคปเล็ตดังกล่าว ชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวมีความหนามากกว่าความหนาของชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดเป็นเม็ดยาที่มีรอยต่อรอบวงเม็ดยาประมาณตรงจุดกึ่งกลางของแกนตามยาวของเม็ดยา 3 5. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 34 ที่ซึ่งชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวประกอบด้วยชั้นเจละตินจำนวนหนึ่ง 3 6. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 34 ที่ซึ่งแคปเล็ตดังกล่าวถูกเคลือบรองพื้นไว้เพื่อลดการดูดซับความชื้นและสารเคลือบพวกเจละตินดังกล่าวโดยแคปเล็ตดังกล่าว 3 7. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 34 ที่ซึ่งให้ชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งดังกล่าวมีความหนาประมาณ 15 ถึง 25 มิล 3 8. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 34 ที่ซึ่งให้ชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวมีความหนาประมาณ 30 ถึง 50 มิล 3 9. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 34 ที่ซึ่งให้ชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งและชนิดที่สองดังกล่าวประกอบด้วยเจละติน 4 0. วิธีของข้อถือสิทธิข้อที่ 35 ที่ซึ่งชั้นเจละตินจำนวนหนึ่งดังกล่าวมีความหนารวมเป็นประมาณ 30 ถึง 50 มิล 41. A method for coating caplets with gel-based coatings to make tablets that mimic the capsule form, consisting of (a) the provision of a retaining path with internal caplets (b) insertion. The first end of the caplet enters the opening for the caplet while allowing the second end of the caplet to emerge. The second end of the aforementioned caplets (d) to allow the aforementioned J-Latin coating to form a second end that has been coated (e) to coat the first gelatin coat. On the first end of the caplet, the aforementioned J Latin coatings on the first and second ends shall cover the entire caplet (f). The drying of the aforementioned G-latin coatings on the first end (g) to dry the second G-latin coatings on the first end of the caplets; and (H) allowing the aforementioned second J-Latin coatings on the first tip to dry. The first and second gel coatings on the first end form a thicker layer of gel coat than the coat on the second end. Article 1 continues with the process of having pre-primed caplets to reduce moisture absorption and the aforementioned gel coatings by the aforementioned caplets. Claim 1, where the aforementioned (c) and (e) procedures will coat the aforementioned first and second ends of the aforementioned caplets with different colored gel coatings. 4. Clause 1 method whereby procedures (f) and (g) shall coat the said end with a similarly colored G-Latin coating. 1 where the aforementioned steps (c) and (e) will coat the tip of the said caplet to a thickness of approximately 5 to 40 mil. 6. Method of claim No. 1, where step (c) And (e) such caplets shall be coated with a thickness of approximately 10 to 30 mm. 7. Method of Clause 1 where the procedures (c) and (e) shall be coated. The tip of the caplet is about 1 thick. 8. Method of Clause 1, where the aforementioned procedures (e) and (g) will coat the aforementioned end to a thickness of approximately 10 to 80 mil. 9. Method of Clause 1. Clause 1 where the procedure (e) and (g) will coat the said end to a thickness of 20 to 60 mm 1 0. Method of claim No. 1 where the procedure (E) and (g) shall coat the said first tip to a thickness of approximately 30 to 50 mm. 1 1. Method of claim No. 1 continues by transferring the caplets as follows. Proceed from the method of holding the force to the second method of claim 1 2. The method of claim 11 where the hole for the said caplet is chosen with a center hole throughout. The length of the first such path is to allow the caplets to pass through at least part of hole 1. 3. Method of claim 12, where the transmission procedure moves. It consists of moving the aforementioned caplet through the center hole 1 4. Method of claim 13, where the procedure for such transfer consists of an anchor, a second and a second path. The first one is in one line. Together and move the said caplet from the trajectory The first alignment method to the second method of claiming method 1 5. The method of claim 14, where the aforementioned alignment procedure provides the second method of holding method. It is positioned close to the aforementioned first anchor route to move the caplet from the front of the said first anchor route to the front of the aforementioned second anchor route so that the tip One such caplet emerges 1 6. Method of claim 11, where the second anchoring route is chosen to have a central hole extending the entire length of the trajectory. The way to make such a caplet possible is at least part of the hole 1. 7. Method of claim 16 where the transmission procedure moves the said caplet until the end of the claim. One of them extends from the aforementioned second claim method 1. 8. Method of claim No. 1, where such J-Latin coatings are selected to contain J. Latin 1. 9. Method of claim No. The first place where the insertion process consists of organizing multiple caplets. The caplets are inserted into the fixation part consisting of a number of mounting paths 2 0. Clause 19 of the insertion procedure where the insertion procedure consists of inserting multiple caplets. Ready caplets This insertion procedure will cause the second end of multiple caplets to The aforementioned caplets emerge 2 1. Method of claim No. 1 where the coating procedures (c) (e) and (g) the above consist of immersion of the said caplets into the substance. The J-Latin and the removal of the caplets from the J-Latin, this dip produces a wet gel coating on the first and second ends of the caplets 2. 2. The method of claim No. 21, where the immersion procedure consists of the vertical immersion of the caplets into a tub of G-latin substance 2. 3. The method of claim 22, where The drying process of (d), (f) and (g), consists of rotating the aforementioned caplets to distribute the coating onto the said caplets. 2 4. Method of claim. Article 22 where at least one of the drying steps (d), (f) and (g) consist of drying the caplets in the oven 2 5. Method of claim 11 also This is followed by a procedure for removing the caplets from the second of the aforementioned retention method after the aforementioned (h) drying phase 2 6. Method of claim 25, where The drying process (f) consists of rotating the The tablet is used for drying and for the distribution of the aforementioned G-Latin coatings on the first end. 2 7. Method of claim No. 26, where the drying process ( G) It consists of rotating the aforementioned caplets to dry and distribute the aforementioned second gel coatings on the first end. 2. 8. Method of claim 27, where the procedure Let dry (g) also include drying the caplets in the oven. 2. 9. Method of Clause 28, where the aforementioned let-dry (f) process also includes. By drying the caplets in the oven, 3 0. Method of claim No. 28 where the above coating procedures (e) and (h) consist of dipping the caplets. 3 1. Method of claim No. 29, where the coating procedures (e) and (g) the above consist of immersion of such caplets in the tub of the. 3 2. Method of claim No. 29, where the aforementioned coating procedures (e) and (g) consist of immersion of such caplets into a basin of JET. Latin only one basin 3. 3. Method of holding for Article 29 where the aforementioned coating procedures (e) and (g) consisted of dipping the caplets into a tub of different gelatinous substances. It consists of (a) solid caplets with a first and second ends, and such caplets made up of, typically cylindrical, (b) coated, the first gelatinous coating. And (c) coat the second end of the caplet and (c) coat the second end of the caplet on the first end of the caplet. The second glaze of the second gel is thicker than the thickness of the aforementioned G-type coating to form a tablet with a peripheral boundary approximately at the center of the longitudinal axis of the drug. Pill 3 5. The tablet of claim 34, where the second gel coat of claim consists of a certain number of G Latin 3. 6. The tablet of claim 34, where the caplet The caplets are primed to reduce moisture absorption and the gel coatings by the aforementioned caplets 3 7. Tablets of Clause 34, which provide the first gel coat. The thickness is approximately 15 to 25 milliliters. 3. 8. The pill of Clause 34, which provides a layer of the aforementioned Latino gel, approximately 30 to 50 milliliters. Of claim 34, where the first and second class J Latin coatings consist of J. Latin 4 0. Method of claim 35, where some of the J Latin layers are thicker. A total of about 30 to 50 mil 4
1. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 37 ที่ซึ่งชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งและชนิดที่สองดังกล่าวนั้นให้มีความหนาเป็นประมาณ 5 ถึง 40 มิล 41.The tablet of claim 37, where the first and second type of gel coat, is approximately 5 to 40 mm thick.
2. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 37 ที่ซึ่งแคปเล็ตดังกล่าวประกอบขึ้นโดยมีความกว้างและความยาวที่ซึ่งความยาวดังกล่าวอย่างน้อยจะเป็น 2.5 เท่า ของความกว้าง 42. The tablet of claim 37, where the aforementioned caplets are composed of width and length, where such length is at least 2.5 times the width 4.
3. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 37 ที่ซึ่งชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งและชนิดที่สองดังกล่าวนั้นให้มีความหนาเป็นประมาณ 15-25 มิล 43. The tablet of claim 37, where the first and second type of gel coatings are approximately 15-25 mm thick.
4. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 37 ที่ซึ่งชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งและชนิดที่สองดังกล่าวประกอบด้วยเจละติน 44. Tablet of claim 37, where the first and second class J Latin coatings consist of J. Latin 4.
5. เม็ดยาของข้อถือสิทธิข้อที่ 37 ที่ซึ่งชั้นเคลือบพวกเจละตินชนิดที่สองดังกล่าวจะซ้อนเคลือบพวกเจละตินชนิดที่หนึ่งดังกล่าวเป็นบางส่วนเกิดเป็นรอยต่อแบบของแคปซูลรอบวงของเม็ดยาดังกล่าวที่ประมาณจุดกึ่งกลางของแกนตามยาวของเม็ดยาดังกล่าว5. The pill of claim 37, where the second G-type coating is partially overlaid, the first type of G-latin is formed as a capsule-like joint around the circle of that tablet. Said approximately the center of the longitudinal axis of the tablet.