DC60 (17/11/43) สารผสมที่ใช้ประโยชน์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบรวมตัวประกอบรวมด้วย A) สารยึดติด (รองรับ) ชนิดเฉื่อย; B) สารเชิงซ้อนโลหะหมู่ 3-10 หรือแลนธาไนด์, และ C) สารประกอบที่เป็นตัวก่อกัมมันต์ที่สามารถเป็นเหตุให้สารเชิงซ้อนโลหะ B) เกิดเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ที่กัมมันต์ สารประกอบดังกล่าวสมนัยกันกับสูตร : (A*+a)b(Z*J*j)-cd, (I) ซึ่ง : A* คือ แคทไอออน ที่มีประจุ +a Z* คือ หมู่แอนไอออนที่ประกอบด้วยอะตอมจาก 1 ถึง 50 อะตอม ที่ควรใช้คือ 1 ถึง 30 อะตอม, ที่ไม่นับไฮโดรเจนอะตอม, ซึ่งมีบริเวณลิวอิสเบส สองแห่งหรือมากกว่าต่อไปนี้ J* แต่ละกรณีเป็นอิสระต่อกันคือ ลิวอิส แอซิด ที่โคออร์ดิเนท อยู่กับบริเวณลิวอิสเบส อย่าง น้อยที่สุดหนึ่งแห่งของ Z*, และอาจเลือกเชื่อมหมู่ J* เช่นนั้นสองหมู่หรือมากกว่าเข้าด้วยกันในส่วนที่ มีฟังก์ชันแนลิที (functionality) หลายค่าของลิวอิส แอซิด j คือ ตัวเลขจาก 2 ถึง 12 และ a, b, c และ d คือจำนวนเต็มจาก 1 ถึง 3, พร้อมกับมีข้อแม้ว่า a X b ต้องเท่ากับ c X d สารผสมที่ใช้ประโยชน์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบรวมตัวประกอบรวมด้วย: A) สารยึดติด(รองรับ)ชนิดเฉื่อย B) สารเชิงซ้อนโลหะหมู่ 3-10หรือแลนธาไนด์,และ C) สารประกอบที่เป็นตัวก่อกัมมันต์ที่สามารถเป็นเหตุให้สารเชิงซ้อนโลหะB)เกิดเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ที่กัมมันต์ สารประกอบดังกล่าวสมนัยกันกับสูตร : (A*+a)b(Z*J*j)-cd, (I) ซึ่ง A* คือ แคทไอออน ที่มีประจุ +a Z* คือหมู่แอนไอออนที่ประกอบด้วยอะตอมจาก 1 ถึง 50 อะตอม ที่ควรใช้คือ 1 ถึง 30 อะตอม,ที่ไม่นับไฮโดรเจนอะตอม, ซึ่งมีบริเวณลิวอิสเบส สองแห่งหรือมากกว่าต่อไปนี้ J* แต่ละกรณีเป็นอิสระต่อกันคือ ลิวอิส แอซิด ที่โคออร์ดิเนท อยู่กับบริเวณลิวอิสเบส อย่าง น้อยที่สุดหนึ่งแห่งของ Z*, และอาจเลือกเชื่อมหมู่ J* เช่นนั้นสองหมู่หรือมากกว่าเข้าด้วยกันในส่วนที่ มีฟังก์ชันแนลิที (functionality) หลายค่าของลิวอิส แอซิด j คือตัวเลขจาก 2 ถึง12และ a,b,c และ d คือจำนวนเต็มจาก 1 ถึง 3, พร้อมากับมีข้อแม้ว่า aXb ต้องเท่ากับ cXd: DC60 (17/11/43) Active mixtures as catalysts, compounded polymerization, A) inert (support) adhesives; B) group 3-10 metal complexes or lanthanides, and C) activated compounds that can cause metal complexes B) form polymerization catalysts that Action The compounds correspond to the formula: (A * + a) b (Z * J * j) -cd, (I) where: A * is the charged cation + a Z * is the anion group of The atoms from 1 to 50 should be 1 to 30, not counting the hydrogen atoms, which have the Lewis base area. Two or more of the following J * cases are independent of each other, ie Lewis acid at the coordinate. It is at least one of the Z * subspecies of Lewis Base, and may choose to connect two or more such J * groups in that section Has a function (functionality) Many Lewis acid j numbers are numbers from 2 to 12 and a, b, c and d are integers from 1 to 3, with the condition that a X b must be equal to c X d. Useful as a composite polymerization catalyst, including: A) inert (support) adhesives, B) metal-group complexes. 3-10 or lanthanide, and C) activated compounds that can cause metal complexes B) to form Activated polymerization catalyst The compounds correspond to the formula: (A * + a) b (Z * J * j) -cd, (I) where A * is the charged cation + a Z * is the anion group consisting of atoms. From 1 to 50 atoms to use are 1 to 30 atoms, not counting the hydrogen atoms, which have the Lewis base region. Two or more of the following J * cases are independent of each other, ie Lewis acid at the coordinate. It is at least one of the Z * subspecies of Lewis Base, and may choose to connect two or more such J * groups in that section Has a function (functionality) Several Lewis acid j values are numbers from 2 to 12, and a, b, c and d are integers from 1 to 3, accompanied, although aXb must be equal to cXd: