TH45427B - ระบบและวิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อมูลแบบสามเฟส - Google Patents

ระบบและวิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อมูลแบบสามเฟส

Info

Publication number
TH45427B
TH45427B TH601000786A TH0601000786A TH45427B TH 45427 B TH45427 B TH 45427B TH 601000786 A TH601000786 A TH 601000786A TH 0601000786 A TH0601000786 A TH 0601000786A TH 45427 B TH45427 B TH 45427B
Authority
TH
Thailand
Prior art keywords
message
secret
content
pattern
prime number
Prior art date
Application number
TH601000786A
Other languages
English (en)
Other versions
TH82207B (th
TH82207A (th
Inventor
ดับบลิว บาร์แม่น นายเดวิด
เจย์ เลปฟีน นายโธมัส
ไวซีห์ นายนิมา
Original Assignee
นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์
นางสาวสนธยา สังขพงศ์
นายโรจน์วิทย์ เปเรร่า
นายโรจน์วิทย์ เปเรร่า นายธเนศ เปเรร่า นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์ นางสาวสนธยา สังขพงศ์
นายธเนศ เปเรร่า
Filing date
Publication date
Application filed by นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์, นางสาวสนธยา สังขพงศ์, นายโรจน์วิทย์ เปเรร่า, นายโรจน์วิทย์ เปเรร่า นายธเนศ เปเรร่า นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์ นางสาวสนธยา สังขพงศ์, นายธเนศ เปเรร่า filed Critical นางดารานีย์ วัจนะวุฒิวงศ์
Publication of TH82207B publication Critical patent/TH82207B/th
Publication of TH82207A publication Critical patent/TH82207A/th
Publication of TH45427B publication Critical patent/TH45427B/th

Links

Abstract

DC60 การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟสและวิธีการถอดรหัสลับแบบสามเฟส และอุปกรณ์ที่ดำเนินการติดตั้งใช้งานวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟสและ/หรือวิธีการถอดรหัสลับแบบ สามเฟส ในการเข้ารหัสลับข้อความตามวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟส เนื้อหาของข้อความจะถูก แปลงจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบที่สอง M' เนื้อหาของข้อความจะถูกแยกตามแพทเทิร์นการเว้น ช่วง และเนื้อหาของข้อความจะถูกเข้ารหัสลับแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม ในการ ถอดรหัสลับข้อความที่เข้ารหัสลับไว้โดยใช้วิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟส แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับ แบบสุ่มและแพทเทิร์นการเว้นช่วงจะถูกผันกลับ และเนื้อหาของข้อความก็จะถูกแปลงจากรูปแบบที่สอง M' กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟสและวิธีการถอดรหัสลับแบบสามเฟส และอุปกรณ์ที่ดำเนินการติดตั้งใช้งานวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟสและ / หรือวิธีการถอดรหัสลับแบบ สามเฟส ในการเข้ารหัสลับข้อความตามวิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟส เนื้อหาของข้อความจะถูก แปลงจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบทีสอง M' เนื้อหาของข้อความจะถูกแยกตามแพทเทิร์นการเว้น ช่วง และเนื้อหาของข้อความจะถูกเข้ารหัสลับแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม ในการ ถอดรหัสลับขัอความที่เข้ารหัสลับไว้โดยใช้วิธีการเข้ารหัสลับแบบสามเฟส แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับ แบบสุ่มและแพทเทิร์นการเว้นช่วงจะถูกผันกลับ และเนื้อหาของข้อความก็จะถูกแปลงจากรูปแบบที่สอง M' กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M

Claims (2)

1. วิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อความ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ การแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบที่สอง M\' โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่ เป็นกุญแจเข้ารหัสสลับที่รู้จัก E,จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่ สอง Q การแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วง และ การเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม 2. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งยังประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ การแปลงเนื้อหาของข้อความจากวากยสัมพันธ์ทางตัวอักษรเป็นระบบแสดงแทนเชิงเลข 3. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 2 โดยที่เนื้อหาข้อความจะถูกแปลงจากวากยสัมพันธ์ทางตัว อักษรให้เป็นระบบแสดงแทนเชิงเลขโดยใช้แฮชฟังก์ชัน 4. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่รหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จักคือจำนวนเฉพาะ สัมพัทธ์ของจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่งและจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง 5. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 4 โดยที่เนื้อหาของข้อความจะถูกแปลงจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็น รูปแบบที่สอง M\' ตามสูตรดังต่อไปนี้ M\' = ME*mod (P*Q) 6. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่แพทเทิร์นการเว้นช่วงสำหรับแยกเนื้อหาของข้อความจะ ขึ้นอยู่กับจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สาม R และโมดูลัส K ตามสูตรดังต่อไปนี้ F(R) = R* mod(K) 7. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 6 โดยที่เฟสการแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่อง จะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การพัลส์เนื้อหาของข้อความให้เป็นแพคเก็ตที่โดดเด่นหลายอัน 8. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 6 โดยที่เฟสการแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วง จะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การแทรกอักขระส่วนเกินเข้าไปยังเนื้อหาของข้อความเพื่อกระจายเนื้อหาของข้อความออกเป็น หลายกลุ่ม 9. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 8 โดยที่อักขระส่วนเกินเป็นช่องว่างหลายช่อง 1 0. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มจะขึ้นอยู่กับโมดูลัส ความลับ J และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สี่ S ตามสูตรดังต่อไปนี้ G(S) = S*mod (J) 1 1. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 1 ซึ่งยังประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การส่งข้อความที่เข้ารหัสลับไว้ไปยังอุปกรณ์สำหรับรับหลังจากที่มีการแปลงเนื้อหาของข้อ ความ, แยกเนื้อหาของข้อความ และเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มแล้ว 1 2. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 11 ซึ่งยังประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การรับข้อความที่เข้ารหัสลับไว้ที่อุปกรณ์สำหรับรับ การถอดรหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่ม การบรรจุเนื้อหาของข้อความที่ถูกแยกลงไปในข้อความที่รวมเป็นหน่วยเดียว และ การแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่สอง M\' กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M 1 3. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 12 โดยที่เฟสการถอดรหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มจะ ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การคำนวณแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มโดยใช้จำนวนเฉพาะที่เป็น ความลับที่สี่และโมดูลัสความลับ และ การกระจายข้อความที่เข้ารหัสลับไว้และผันกลับแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม 1 4. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 12 โดยที่เฟสการบรรจุเนื้อหาของข้อความที่ถูกแยกลงไปในข้อ ความที่รวมเป็นหน่วยเดียวจะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การคำนวณแพทเทิร์นการเว้นช่วงสำหรับเนื้อหาของข้อความโดยใช้จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับ ที่สาม R และรหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จักที่สอง K และ การกระจายข้อความที่แยกออกจากกันเพื่อผันกลับแพทเทิร์นการเว้นช่วง 1 5. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 12 โดยที่เฟสของการแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่สอง M\' ให้กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M จะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การคำนวณรหัสที่เป็นกุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับที่เป็นความลับ D ที่ขึ้นอยู่กับรหัสที่เป็นกุญแจเข้า รหัสลับที่รู้จัก E, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง Q ตาม สูตรดังต่อไปนี้ D *E = 1 * mod ((P - 1)(Q-1)) และ การใช้รหัสที่เป็นกุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับที่เป็นความลับ D ที่คำนวณไว้เพื่อแปลงเนื้อหาของข้อ ความในรูปแบบที่สอง M\' ให้กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M ตามสูตรดังต่อไปนี้ M = (M\') *mod (P*Q) 1 6. วิธีการเข้ารหัสลับและการถอดรหัสลับ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ การแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบที่สอง M\' โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่ เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จัก E, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่ สอง Q การแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วง โดยที่แพทเทิร์นการเว้นช่วงจะขึ้นอยู่กับ จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สาม R และรหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จักที่สอง K การเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม โดยที่แพท เทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มจะขึ้นอยู่กับจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สี่ S และโมดูลัสความลับ J การส่งข้อความที่เข้ารหัสลับไว้จากอุปกรณ์เข้ารหัสลับไปยังอุปกรณ์สำหรับรับ การคำนวณแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มและการกระจายข้อความที่เข้ารหัสลับไว้เพื่อทำการ ผันกลับแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม การคำนวณแพทเทิร์นการเว้นช่วงและกระจายข้อความที่เข้ารหัสลับไว้เพื่อบรรจุเนื้อหาของข้อ ความลงไปในข้อความที่รวมเป็นหน่วยเดียว และ การแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่สอง M\' ให้เป็นรูปแบบที่หนึ่ง M โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่ เป็นกุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับที่เป็นความลับ D, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่ เป็นความลับที่สอง Q 1 7. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 16 โดยที่ผลคูณของจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และ จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง Q จะมากกว่าค่าตัวเลขของเนื้อหาของข้อความในรูปแบบที่หนึ่ง M 1 8. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 17 โดยที่รหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จัก E เป็นจำนวนเฉพาะ สัมพัทธ์ของจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง Q 1 9. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 18 โดยที่เนื้อหาของข้อความจะถูกแปลงจากรูปแบบที่หนึ่ง M ให้เป็นรูปแบบที่สอง M\' ตามสูตรดังต่อไปนี้ M\'=ME mod N 2 0. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 16 โดยที่แพทเทิร์นการเว้นช่วงจะถูกคำนวณตามสูตรดังต่อไปนี้ F(R) = R* mod(K) 2 1. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 16 โดยที่แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มจะถูกคำนวณตาม สูตรดังต่อไปนี้ G(S) = S* mod (J) 2 2. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 16 โดยที่รหัสที่เป็นกุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับจะถูกคำนวณตาม สูตรดังต่อไปนี้ D*E = 1*mod ((p-1)*(Q-1)) 2 3. วิธีการดังระบุในข้อถือสิทธิ 22 โดยที่เนื้อหาของข้อความจะถูกแปลงจากรูปแบบที่สอง M\' เป็นรูปแบบที่หนึ่ง M ตามสูตรดังต่อไปนี้ M = (M\')D * mod (P*Q) 2 4. ระบบสำหรับเข้ารหัสลับข้อความ ซึ่งมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ โมดูลเข้ารหัสลับที่มีส่วนที่เป็นตัวประมวลผลที่หนึ่ง, หน่วยความจำที่ต่ออยู่กับตัวประมวลผลที่ หนึ่ง และอินเตอร์เฟสเครือข่ายที่หนึ่งที่ต่ออยู่กับเครือข่ายการสื่อสาร, ตัวประมวลผลที่หนึ่ง และหน่วย ความจำที่หนึ่ง ตรรกะที่ใช้แปลงที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่หนึ่งและดำเนินการโดยตัวประมวลผลที่หนึ่งเพื่อ แปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบที่สอง M\' โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่เป็นกุญแจเข้า รหัสลับที่รู้จัก E, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับ Q ตรรกะที่ใช้แยกที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่หนึ่งและดำเนินการโดยตัวประมวลผลที่หนึ่งเพื่อ แยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วง ตรรกะที่ใช้เข้ารหัสลับแบบสุ่มที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่หนึ่งและดำเนินการโดยตัวประมวล ผลที่หนึ่งเพื่อเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม และ ตรรกะที่ใช้สื่อสารที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่หนึ่งและดำเนินการโดยตัวประมวลผลที่หนึ่ง เพื่อส่งข้อความเพื่อเข้ารหัสลับไว้ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร 2 5. ระบบในข้อถือสิทธิ 24 โดยที่เนื้อหาของข้อความจะถูกแปลงจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูป แบบที่สอง M\' ตามสูตรดังต่อไปนี้ M\' = *mod (P*Q) 2 6. ระบบในข้อถือสิทธิ 24 โดยที่แพทเทิร์นการเว้นช่วงสำหรับแยกเนื้อหาของข้อความจะขึ้นอยู่ กับจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สาม R และโมดูลัส K ตามสูตรดังต่อไปนี้ F(R) = R* mod(K) 2 7. ระบบในข้อถือสิทธิ 26 โดยที่เฟสการแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วงจะ ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การพัลส์เนื้อหาของข้อความให้เป็นแพคเก็ตที่โดดเด่นหลายอัน 2 8. ระบบในข้อถือสิทธิ 26 โดยที่เฟสการแยกเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วงจะ ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ การแทรกอักขระส่วนเกินเข้าไปยังเนื้อหาของข้อความเพื่อกระจายเนื้อหาของข้อความออกเป็น หลายกลุ่ม 2 9. ระบบในข้อถือสิทธิ 24 โดยที่แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มจะขึ้นอยู่กับโมดูลัสความลับ J และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สี่ S ตามสูตรดังต่อไปนี้ G(S) = S*mod (J) 3 0. ระบบในข้อถือสิทธิ 24 ซึ่งยังมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ โมดูลถอดรหัสลับที่มีส่วนที่เป็นตัวประมวลผลที่สอง, หน่วยความจำที่สองที่ต่ออยู่กับตัว ประมวลผลที่สอง และอินเตอร์เฟสเครือข่ายที่สองที่ต่ออยู่กับเครือข่ายการสื่อสาร, ตัวประมวลผลที่สอง และหน่วยความจำที่สอง ตรรกะที่ใช้สื่อสารตัวที่สองที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่สองและดำเนินการโดยตัวประมวลผล ที่สองเพื่อรับข้อความที่เข้ารหัสลับไว้ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร ตรรกะที่ใช้ถอดรหัสลับแบบสุ่มที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่สองและดำเนินการโดยตัว ประมวลผลที่สองเพื่อถอดรหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่ม ตรรกะที่ใช้รวมเป็นหน่วยเดียวที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่สองและดำเนินการโดยตัวประมวล ผลที่สองเพื่อบรรจุเนื้อหาของข้อความที่ถูกแยกลงไปในข้อความที่รวมเป็นหน่วยเดียว และ ตรรกะที่ใช้แปลงตัวที่สองที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำที่สองและดำเนินการโดยตัวประมวลผลที่ สองเพื่อแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่สอง M\' กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M 3
1. ระบบในข้อถือสิทธิ 30 โดยที่ตรรกะที่ใช้แปลงตัวที่สองจะคำนวณรหัสที่เป็นกุญแจที่ใช้ถอด รหัสลับที่เป็นความลับ D โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จัก E, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับ ที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง Q ตามสูตรดังต่อไปนี้ D*E = 1*mod ((P-1)*(Q-1) และ แปลงเนื้อหาของข้อความในรูปแบบที่สอง M\' ให้กลับไปเป็นรูปแบบที่หนึ่ง M โดยใช้รหัสที่เป็น กุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับที่เป็นความลับ D ที่คำนวณไว้ตามสูตรดังต่อไปนี้ M = (M\')D * mod (P*Q) 3
2. ระบบสำหรับเข้ารหัสและถอดรหัสลับข้อความ ซึ่งมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ กลไกแปลงสำหรับแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่หนึ่ง M เป็นรูปแบบที่สอง M\' โดยขึ้น อยู่กับรหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จัก E, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็น ความลับที่สอง Q กลไกแยกสำหรับเนื้อหาของข้อความตามแพทเทิร์นการเว้นช่วง โดยที่แพทเทิร์นการเว้นช่วง จะขึ้นอยู่กับจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สาม R และรหัสที่เป็นกุญแจเข้ารหัสลับที่รู้จักที่สอง K กลไกเข้ารหัสลับแบบสุ่มสำหรับการเข้ารหัสลับเนื้อหาของข้อความแบบสุ่มตามแพทเทิร์นการเข้า รหัสลับแบบสุ่ม โดยที่แพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มจะขึ้นอยู่กับจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สี่ S และโมดูลัสความลับ J กลไกถอดรหัสลับแบบสุ่มสำหรับคำนวณแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่มและกระจายข้อความ ที่เข้ารหัสลับไว้เพื่อผันกลับแพทเทิร์นการเข้ารหัสลับแบบสุ่ม กลไกสำหรับรวมเป็นหน่วยเดียวสำหรับคำนวณแพทเทิร์นการเว้นช่วงและกระจายข้อความที่เข้า รหัสลับไว้เพื่อบรรจุเนื้อหาของข้อความลงไปในข้อความที่รวมเป็นหน่วยเดียว และ กลไกแปลงตัวที่สองสำหรับแปลงเนื้อหาของข้อความจากรูปแบบที่สอง M\' เป็นรูปแบบที่หนึ่ง M โดยขึ้นอยู่กับรหัสที่เป็นกุญแจที่ใช้ถอดรหัสลับที่เป็นความลับ D, จำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่หนึ่ง P และจำนวนเฉพาะที่เป็นความลับที่สอง Q
TH601000786A 2006-02-23 ระบบและวิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อมูลแบบสามเฟส TH45427B (th)

Publications (3)

Publication Number Publication Date
TH82207B TH82207B (th) 2007-01-14
TH82207A TH82207A (th) 2007-01-14
TH45427B true TH45427B (th) 2015-08-06

Family

ID=

Similar Documents

Publication Publication Date Title
US10057052B2 (en) Data encryption cipher using rotating ports
Abood et al. Investigation of cryptography algorithms used for security and privacy protection in smart grid
KR20220012851A (ko) 대칭 키 암호화/교환을 위한 양자 내성 암호화 및 진보된 암호화 및 키 교환(aeke) 방법
JP2011120051A5 (th)
CN103580851A (zh) 信息加密及解密方法
CN106992871A (zh) 一种面向多群组的广播加密方法
Suguna et al. A study on symmetric and asymmetric key encryption algorithms
CN109005027A (zh) 一种随机数据加解密法、装置及系统
EP3131230B1 (en) Encryption method, program, and system
JP2009088641A (ja) 送受信方法、通信システムおよび送信装置
RU2459367C2 (ru) Способ формирования переменного ключа для блочного шифрования и передачи шифрованных данных
EP2904731A1 (en) Method and device for digital data blocks encryption and decryption
CN102271043B (zh) 数据传输保护方法
JP4703805B2 (ja) 暗号化装置、暗号化方法、復号化装置、復号化方法および通信システム
DE602004007160D1 (de) Sicheres kryptographisches kommunikationssystem mit kem-dem
CN104735094A (zh) 基于信息分离的数据安全传输系统及方法
CN112770140B (zh) 陈氏定理和rsa深度结合的流加密方法和系统
KR101126024B1 (ko) 3 단계 데이터 암호화 시스템 및 방법
JP2008532075A5 (th)
KR100864092B1 (ko) 블록암호의 블록 체이닝 모드를 사용한 패킷 암호화 방법,이를 이용한 패킷 암/복호화 서비스 제공 방법
TH45427B (th) ระบบและวิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อมูลแบบสามเฟส
TH82207A (th) ระบบและวิธีการสำหรับเข้ารหัสลับข้อมูลแบบสามเฟส
KR100388059B1 (ko) 비대칭키 암호 알고리즘을 이용한 데이터 암호화 시스템및 그 방법
Prasanthi et al. Hybrid approach for securing the IoT devices
KR20100099694A (ko) 보네-프랜크린 방식을 이용한 공개키 생성 방법