TH14772A - " การทำกรดซัลฟูริคขึ้นใหม่ จากซัลเฟตที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-(เมทธิลไธโอ) บิวทีริค " - Google Patents

Abstract

ขบวนการสำหรับการเตรียมกรดซัลฟูริคโดยการเผาส่วน ประกอบที่ออกซิไดซ์ได้ของสารละลายป้อนเข้าที่ได้มาเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ ของการเตรียม HMBA โดยการไฮโดรลิซิสของ HMBA จะได้ก๊าซสัน ดาปที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ทำก๊าซสันดาปให้เย็นเพื่อควบแน่นน้ำ และ กรดซัลฟูริค แล้วผสมกับแหล่งของออกซิเจน เพื่อทำเป็นก๊าซป้อนเข้า ที่มีอยู่อย่างน้อยที่สุดประมาณ 0.9 โมล ออกซิเจน/โมลซัลเฟอร์ได ออกไซด์ ให้ก๊าซป้อนเข้านี้ไหลผ่านไปบนแคทาลิสท์เพื่อเปลี่ยน SO2 ไปเป็น SO3 ที่อุณหภูมิที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจดูดซึม SO3 ลงในกรดซัลฟูริค เข้มข้น เพื่อทำกรดซัลฟูริคเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำกลับมาใช้ใหม่ และใช้ได้ ในการไฮโดรลิซิส HMBN เพื่อเตรียม HMBA สามารถทำขบวน การนี้ได้ในระบบปิด ซึ่งใช้แอมโมเนียมไบซัลเฟตที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ ในการผลิต HMBA เป็นแหล่งของซัลเฟอร์ เพื่อทำกรดซัลฟูริคที่ใช้ ในการไฮโดรลิซิสของ HMBA ไปเป็น HMBA ได้

Claims (7)

1. กระบวนการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค ประเภทสารป้อน ในโรงงาน ซึ่งกระบวนการนั้นนำเอากรดซัลฟูริคกลับที่นำกลับมาใช้ใหม่ จากกรดที่ถูกใช้ไปใน โรงงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว กระบวนการนี้ประกอบด้วย การไฮโดรไลซ์ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล ด้วย กรดซัลฟูริค ซื่ง ก่อให้เกิดกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และผลิตภัณฑ์พลอยได้ ที่ถูกเลือกมาจากกลุ่มซื่ง ประกอบด้วย แอมโมเนียมซัลเฟต แอมโมเนียมไบซัลเฟต กรดซัลฟูริค และสารผสมเหล่านั้น การนำเข้าสู่เขตการสันดาป ของหน่วยของกรดที่กลับคืนมาดังกล่าว สารผสมที่จะ ป้อนเข้าประกอบด้วยสารละลายซัลเฟตป้อนเข้าที่มีแหล่งของซัลเฟตเป็นองค์ประกอบของ ผลิตภัณฑ์พลอยได้ดังกล่าว การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงและองค์ประกอบที่ถูกออกซไดซ์ได้ของสารละลายป้อน เข้าดังกล่าวในเขตการสันดาปด้วยก๊าซ ซึ่งมีออกซิเจน เพื่อผลิตสารสันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ ไดออกไซ์ คาร์บอนไดออกไซ์ ไนโตรเจน และไอระเหยของน้ำ ในระยะแรกสารละลายป้อน เข้าดังกล่าวเข้าสัมผัสกับเปลวไฟรีดิวซิ่งในเขตการสันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนไตร์ล และเอมีน อื่น ๆ ที่ถูกปลดปล่อยจากสารละลายจะถูกออกซิไดซ์ ก่อให้เกิดก๊าซไนโตรเจน และออกไซด์อื่น ของไนโตรเจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน, ที่ซึ่งก่อให้เกิดบางส่วจนของก๊าซสันดาปที่ปลอด ออกไซด์ของไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ ก๊าซสันดาปเป็นบางส่วนดังกล่าวนี้ถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่ มีออกซิเจน เพื่อออกซิเจนไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาญและคาร์บอนมอนออกไซด์ที่อยู่ในก๊าซ สันดาปบางส่วน, ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว การทำให้เย็นลงของก๊าซสันดาปดังกล่าว เพื่อควบแน่นน้ำและกรดซัลฟูริคที่เกิด ขึ้นให้อยู่ในวัฏภาคของเหลวที่ประกอบด้วยกรดอ่อนซัลฟูริค การแยกกรดอ่อนซัลฟูริคจากก๊าซสันดาปที่เย็น การนำออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่างน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสท์เพื่อการแปรเปลี่ยนซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น จากนั้นนำก๊าซที่ผ่านแคทาลิสท์ ดังกล่าวไปสัมผัสกับกรดซัลฟูริคเข้มข้นเพื่อการดูดซับซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และก่อให้เกิดกรดซัล ฟูริค การนำกลับมาใช้ใหม่ของกรดซัลฟูริคที่เกิดขึ้น โดยการดูดซับดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน โรงงานดังกล่าว สำหรับหการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และ การสัมผัสของกรดซัลฟูริคที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว กับ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิล ไธโอบีวทีโรไนไตร์ล เพื่อเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ชนิดที่ใช้ในอาหารสัตว์ 2. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูก ผ่านเข้าไปในหม้อต้มความร้อนของเสีย เพื่อก่อให้เกิดไอน้ำโดยการถ่ายเทความร้อนจากก๊าซ สันดาป 3. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 2 โดยที่ไอน้ำที่เกิดขึ้นโดยการถ่าย เทความร้อนจากก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกใช้ในกระบวนการความร้อนในโรงงานดังกล่าวเพื่อการ ผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค 4. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 2 โดยที่ไอน้ำที่เกิดขึ้นในหม้อต้ม ความร้อนของเสียดังกล่าวถูกใช้เพื่อเป็นแหล่งความร้อนในการผลิตสารละลายกรด 2-ไฮดรอกซี-4- เมททิลไธโอบีวทีริค เข้มข้น จากสารไฮไดรไลเซทดังกล่าว 5. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่น้ำที่ถูกควบแน่นที่ใช้ใน การทำให้ก๊าซสันดาปดังกล่าวเย็นลง ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการโดรงงานเพื่อการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค 6. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารผสมป้อนเข้าประกอบ ด้วย ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ถึง ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของแอมโมเนียมไบซัลเฟต, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ของกรดซัลฟูริค, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดย น้ำหนัก ของแอมโมเนียมซัลเฟต, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของกรด 2-ไฮดรอก ซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของ เมทธิลเมอร์แคปแทน, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของได เมทธิลซัลไฟด์, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ของไดเมทธิลได ซัลไฟด์, มากว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของ HCN 7. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1โดยที่ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูก สัมผัสกับของเหลวชะล้างที่ละลายในน้ำ เพื่อทำให้เย็นลงในระดับหนึ่ง และเพื่อกำจัดอนุภาคปน เปื้อนจากก๊าซ และก๊าซดังกล่าวถูกทำให้เย็นลงไปอีกหลังจากสัมผัสกับของเหลวชะล้างดังกล่าว 8. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 7 โดยก่อนที่ก๊าซจะถูกผ่านไปยัง แคทาลิสท์ดังกล่าว ก๊าซที่ถูกทำให้เย็นลงไปอีกนั้นถูกนำไปผ่านเครื่องตกตะกอนไฟฟ้าสถิต เพื่อ กำจัดอนุภาคปนเปื้อนที่มีอยู่อีก 9. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 7 โดยที่ก่อนที่ก๊าซจะถูกผ่านไปยัง แคทาลิสท์ดังกล่าว ก๊าซที่เย็นลงจะถูกนำไปสัมผัสกับกรดซัลฟูริคเข้มข้นเพื่อกำจัดไอระเหยของน้ำ 1 0. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 7 โดยที่ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกนำ ไปสัมผัสกับของเหลวชะล้างที่ชะล้างที่ละลายในน้ำ ในเจทชะล้างย้อนกลับ 1 1. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 10 โดยที่ก่อนที่ก๊าซจะถูกผ่านไป ยังแคทาลิสท์ดังกล่าว ก๊าซที่เย็นจะถูกนำไปสัมผัสกับของเหลวชะล้างที่ละลายในน้ำชนิดที่สอง ใน เจทชะล้างย้อนกลับตัวที่สอง 1 2. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 7 ก่อนการเข้าสัมผัสกับขงเหลว ชะล้างที่ละลายน้ำ, ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกทำให้เย็นโดยปราศจากการควบแน่นโดยการเกิดของ ไอน้ำที่ซึ่งความร้อนถูกถ่ายเทจากก๊าซสันดาปในหม้อต้มความร้อนของเสีย 1 3. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล ถูกไฮโดรไลซ์ด้วยกรดซัลฟูริคเพื่อ ผลิตไฮโดรไลเซท ซื่งมี กรด2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และ แอมโมเนียมไบซัลเฟต สารละลายไฮโดรไลเซทถูกสัมผัสด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกับน้ำ จำนวนมาก ในระบบสกัดแบบของเหลว/ของเหลว เพื่อผลิตสารสกัดที่ประกอบด้วย กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และแรฟฟิเนตที่มี แอมโมเนียมไบซัลเฟต,และ สารละลายที่ป้อนเข้าที่มีแอมโมเนียมไบซัลเฟตจากแรฟฟิเนตดังกล่าว 1 4. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 13 โดยที่แรฟฟิเนตดังกล่าวถูกแยก ออกเพื่อเอาเรซิดิวของตัวทำละลายออกไป, แรฟฟิเนตส่วนล่างถูกทำให้เข้มข้นโดยการระเหย และ สารละลายป้อนเข้าดังกล่าวจะประกอบด้วยสารเข้มข้นที่เป็นผลมาจากการระเหยนั้น 1 5. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 14 โดยที่สารเข้มข้นดังกล่าว ประกบด้วยประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของ แอมโมเนียมไบ ซัลเฟต และสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวประกอบด้วยสารเข้มข้นดังกล่าวเป็นหลัก 1 6.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 14 โดยที่สารละลายป้อนเข้า ประกอบด้วยสารผสมของสารเข้มข้นดังกล่าวและคอนเดนเสทที่ได้มาจากการแยกของสารระเหย ของสารประกอบซัลเฟอร์ในขณะไฮโดรไลซิสดังกล่าว หรือจากไฮโดรไลเซทดังกล่าว 1 7. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 16 โดยที่สารเข้มข้นดังกล่าว ประกอบด้วยระหว่างประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของ แอมโมเนียมไบซัลเฟต และสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวประกอบด้วยระหว่างประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของ แอมโมเนียมไบซัลเฟต 1 8. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 14 โดยที่น้ำที่ถูกนำออกไปในการ ทำสารเข้มข้นของส่วนล่างของแรฟฟิเนตดังกล่าวถูกนำไปใช้ใหม่และถูกใช้เป็นน้ำในกระบวนการ เตรียมกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค โดยการไฮโดรไลซิส 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธ โอบีวทีโรไนไตร์ล 1 9. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 14 ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกทำให้ เย็นลงโดยปราศจากการควบแน่นโดยการเกิดของไอน้ำที่ซึ่งความร้อนถูกถ่ายนเทจากก๊าซสันดาป ดังกล่าว 2 0.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 19 โดยที่ไอน้ำที่เกิดขึ้นโดยการ ถ่ายเทความร้อนจากก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกใช้เพื่อการทำให้แรฟฟิเนตส่วนล่างดังกล่าวให้เข้มข้น 2 1.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 19 โดยที่, ก่อนนำกลับมาใหม่ ในขั้นตอนการสกัด, ตัวทำละลายดังกล่าวถูกกลั่นเพื่อแยกสารระเหยปนเปื้อนออกไป, และสาร ระเหยทีค่เกิดจากการกลั่นของตัวทำลายดังกล่าวถูกนำไปที่บริเวณการสันดาปดังกล่าว ซึ่งที่เป็น การเตรียมแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อการสันดาปในเขตดังกล่าว 2 2. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 13 โดยที่สารสกัดที่ได้จากการ สกัดดังกล่าวถูกกลั่นเพื่อแยกตัวทำละลายและเพื่อผลิตสารละลายน้ำที่เข้มข้นของ กรด 2-ไฮดรอก ซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และตัวทำละลายดังกล่าวนั้นถูกนำมาใช้ใหม่ในขั้นตอนการสกัด และถูก นำไปสัมผัสกับไฮโดรไลเซทอื่นเพื่อการสกัด กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ต่อไป 2 3.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 13 โดยที่แรฟฟิเนทดังกล่าวถูกแยก ออกเพื่อเอาเรซิดิวของตัวทำละลายออกไปและสารละลยป้อนเข้านั้นประกอบด้วยส่วนล่างของ แรฟฟิเนทที่ไม่เข้มข้น 2 4.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่ 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธ โอบีวทีโรไนไตร์ล ถูกไฮโดรไลซ์ด้วยกรดซัลฟูริคเพื่อผลิตไฮโดรไลเซท ซึ่งมี กรด 2-ไฮดรอกซี-4- เมทธิลไธโอบีวทีริค และ แอมโมเนียมไบซัลเฟต ไฮโดรไลเซทดังกล่าวถูกทำให้เป็นกลางด้วยแอมโมเนียม และถูกตั้งทิ้งไว้เพื่อให้ แยกกันเป็นวัฏภาคอีนทรีย์ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบิวทีริค ดังกล่าว และวัฏภาคน้ำซึ่งประกอบด้วยแอมโมเนียมซัลเฟต สารละลายป้อนเข้าดังกล่าวประกอบไปด้วยแอมโมเนียมซัลเฟต จากวัฏภาคน้ำ ดังกล่าว 2 5.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 24 โดยวัฏภาคน้ำถูกทำให้เข้มข้น โดยการระเหย และสารละลายป้อนเข้าประกอบด้วยสารเข้มข้นที่เป็นผลมาจากการระเหยนั้น 2 6.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 25 โดยที่สารเข้มข้นประกอบด้วย ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของ แอมโมเนียมซัลเฟต และสาร ละลายป้อนเข้าดังกล่าวประกอบด้วยสารเข้มข้นดังกล่าวเป็นหลัก 2 7.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 25 โดยที่สารละลายป้อนเข้า ประกอบด้วยสารผสมของสารเข้มข้นดังกล่าวและคอนเดนเสทที่ได้มาจากการแยกของสารระเหย ของสารประกอบซัลเฟอร์ในขณะไฮโดรไลซิสหรือจากไฮโดรไลเซทดังกล่าว 2 8.กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 27 โดยที่สารผสมป้อนเข้า ประกอบด้วย ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ถึง ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักของแอมโมเนียมไบ ซัลฟต, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักของกรดซัลฟูริค หรือ ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักของแอมโมเนียมซัลเฟล, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักของ HMBA, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำ หนักของเมทธิเมอร็แคปแทน, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของไดเมทธิลซัลไฟด์, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ของได เมทธิลไดซัลไฟด์, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักของ HCN 2 9. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารละลายป้อนเข้าซัลเฟต ประกอบด้วย 3-(เมทิลไธโอ)-โพรพิโอนัลดีไฮด์ 3 0. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารละลายป้อนเข้าซัลเฟต ประกอบด้วย HCN 3 1. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารละลายป้อนเข้าซัลเฟต ประกอบด้วย 2-ไฮดรอกซี-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล 3 2. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารละลายป้อนเข้าซัลเฟต ประกอบด้วย แคทาลิสท์เอมีนอินทรีย์เพื่อการแปรเปลี่ยนของ 3-(เมทิลไธโอ)-โพรพิโอนัลดีไฮด์ ไปเป็น 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล 3 3. กระบวนการผลิต กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ประเภทสารป้อน ในโรงงาน ซึ่งกระบวนการยั้นนำเอากรดซัลฟูริคกลับมาใช้ใหม่ จากกรดที่ถูกใช้ไปในอุตสาห กรรมที่เกี่ยวข้องดังกล่าว กระบวนการนี้ประกอบด้วย การไฮโดรไลซ์ 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีโรไนไตร์ล ด้วยกรดซัลฟูริค ซึ่ง ก่อให้เกิดกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟต การนำเข้าสู่เขตการสันดาป ของหน่วยของกรดที่กลับคืนมาดังกล่าว สารผสมที่จะ ป้อนเข้าประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟต การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงและ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ที่มีอยู่ใน ผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟตดังกล่าวในเขตการสันดาปด้วยก๊าซซึ่งมีออกซิเจน เพื่อผลิต ก๊าซสันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ไดร์ออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และไอระเหย ของน้ำ ในระยะแรกสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวเข้าสัมผัสกับเปลวไฟริดิวซิ่งในเขตการสันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนไตร์ล และเอมีนอื่นๆที่ถูกปลดปล่อยจากสารละลายจะถูกออกซิไดซ์ ก่อให้ เกิดก๊าซไนโตรเจน และออกไซด์อื่นของไนโตรเจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน, ที่ซึ่งก่อให้เกิด บางส่วนของก๊าซสันดาปที่ปลอดออกไซด์ของไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ ก๊าซสันดาปเป็นบ่างส่วน ดังกล่าวนี้ถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่มีออกซิเจน เพื่อออกซิไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาญและ คาร์บอนมอนออกไซด์ที่อยู่ในก๊าซสันดาปบางล่วน, ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว การทำให้เย็นลงของก๊าซสันดาปดังกล่าว เพื่อควบแน่นน้ำและกรดซัลฟูริคที่เกิด ขึ้นอยู่ในวัฏภาคของเหลวที่ประกอบด้วยกรดอ่อนซัลฟูริค การแยกกรดอ่อนซัลฟูริคจากก๊าซสันดกาปที่เย็น การนำออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่างน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสท์เพื่อการแปรเปลี่ยนซัลเฟอร์ไดอกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น จากนั้นนำก๊าซที่ผ่าน แคทา ลิสท์ดังกล่าวไปสัมผัสกับกรดซัลฟูริคเข้มข้นเพื่อการดูดซับซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และก่อให้เกิด กรดซัลฟูริค การนำกลับมาใช้ใหม่ของกรดซัลฟูริคที่เกิดขึ้น โดยการดูดซับดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน โรงงานดังกกล่าว สำหรับการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และ การสัมผัสของกรดซัลฟูริคที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว กับ 2-ไดรอกซี-4-เมททิล ไธโอบิวทีโรไนไตร์ล เพื่อเตรียม กรด2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค 3 4. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 33 โดยที่ระหว่างประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ ของความร้อนจากการสันดาปเกิดจากการสันดาปของ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค 3 5. กระบวนการเตรียม ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ การนำสารผสมป้อนเข้าที่ประกอบด้วย สารละลายป้อนเข้าซัลเฟตเข้าสู่เขตการ สันดาปโดยที่เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ด้วยก๊าซที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ, สารละลายป้อนเข้าซัล เฟตดังกล่าวประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธ โอบีวทีริค โดยการไฮโดรไลซิสของ 2-ไฮตรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล ด้วยกรดซัลฟูริค เพื่อผลิตสารละลาย ไฮโดรไลเซทที่ประกอบไปด้วย กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และ แหล่งของซัลเฟตที่เลือกมาจากกลุ่ม แอมโมเนียมซักเฟต, แอมโมเนียมไบซัลเฟต, กรดซัลฟูริค และ ส่วนผสมของสารเหล่านี้ ,สารละลายป้อนเข้าซัลเฟตประกอบด้วยแหล่งซัลเฟตดังกล่าว, สารผสม ป้อนเข้ายังประกอบด้วยไอระเหยของสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์ซึ่งถูกขับออกจากกระบวนการ เตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ดังกล่าว, ไอระเหยของสารประกอบซัลเฟอร์ อินทรีย์ดังกล่าวประกอบด้วยตัวนำของกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค หรือ ผลิตภัณฑ์ พลอยได้จากการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค หรือตัวนำของมัน, องค์ประกอบ ที่ถูกออกซิไดซ์ได้ของสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวจะถูกเผาในเขตสันดาปดังกล่าวเพื่อผลิตก๊าซ สันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และไอระเหยของ น้ำ, ในระยะแรกการละลายป้อนเข้าซัลเฟตดังกล่าวจะเข้าสัมผัสกับเปลวไฟรีดิวซิ่งในเขตการ สันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนโตร์ล และเอมีนอื่นๆที่ถูกปลอดปล่อยจากสารละลายจะถูออกซิไดซ์ ก่อให้เกิดก๊าซออกซิเจน และออกไซด์อื่นของไนโตรเจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน ที่ซึ่งก่อ ให้เกิดบางส่วนของก๊าซสันดาปที่ปลอดออกไซด์ของไนโตรเจน, ก๊าซสันดาปบางส่วนดังกล่าวนี้ ถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่มีออกซเจน เพื่อออกซิไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาญและคาร์บอนมอน น็อกไซด์ที่อยู่ในก๊าซสันดาปบางส่วน ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว การทำให้เย็นลงของก๊าซสันดาปดังกล่าว เพื่อควบแน่นน้ำและกรดซัลฟูริคให้อยู่ ในวัฏภาคของเหลวที่ประกอบด้วยกรดอ่อนซัลฟูริค การแยกกรดอ่อนซัลฟูริคจากก๊าซสันดาปที่เย็น การนำออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่างน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสท์เพื่อการเปลื่ยนแปลงซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น 3 6. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 35 โดยที่สารประกอบซัลเฟอร์ อินทรีย์ดังกล่าวถูกพัดพาออกในระหว่างการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค โดย การแยกระหว่างการไฮโดรไลซิสดังกล่าว หรือจากสารละลายไฮโดรไลเซทดังกล่าว 3 7. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 36 โดยที่การเตรียม กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ประกอบด้วย การสัมผัสของสารละลายไฮโดรไลเซทดังกล่าวด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ที่ไม่เป็น เนื้อเดียวกับน้ำ จำนวนมาก ในระบบสกัดแบบของเหลว/ของเหลว เพื่อผลิตสารสกัดที่ประกอบด้วย กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และเรฟฟิเนตที่มี แอมโมเนียมไบซัลเฟต, และ การแยกตัวทำละลายจากสารที่สกัดได้ดังกล่าวและจากแรฟฟิเนตดังกล่าว และ การแยกสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์จากตัวทำละลายดังกล่าว, สารผสมป้อนเข้าดังกล่าวจะถูกนำ เข้าสู่เขตการสันดาปดังกล่าวที่ประกอบด้วยสารละลายน้ำที่มีซัลเฟตของแรฟฟิเนตดังกล่าว และ สารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์จะถูกแยกจากตัวทำละลายดังกล่าว 3 8. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 35 โดยที่การเตรียม กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ต่อไป ประกอบด้วย การแยกวัฏภาคน้ำที่มีเรซิดิวของตัวทำละลาย จากตัวทำละลายที่นำกลับคืนมา ดังกล่าว การแยกเรซิดิวของตัวทำละลายดังกล่าว จากวัฏภาคน้ำดังกล่าว และการเอาสาร ประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์ออกจากเรซิดิวของตัวทำละลายดังกล่าว, สารผสมป้อนเข้าดังกล่าวที่ถูก นำเข้าสู่เขตการสันดาปดังกล่าวต่อไปจะประกอบด้วยสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์ที่ถูกจำกัดออก จากเรซิดิวของตัวทำละลายดังกล่าว 3 9. กระบวนการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ประเภทสาร ป้อนในโรงงาน ซึ่งกระบวนการนั้นนำเอากรดซัลฟูริคกลับมาใช้ใหม่ จากกรดที่ถูกใช้ไปในโรงงาน ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว กระบวนการนี้ประกอบด้วย การไฮโดรไลซ์ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล ด้วย กรดซัลฟูริค ซึ่ง ก่อให้เกิดกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และผลิตภัณฑ์พลอยได้ ที่ถูกเลือกมาจากกลุ่มซึ่ง ประกอบด้วย แอมโมเนียมซัลเฟต แอมโมเนียมไบซัลเฟต กรดซุลฟูริค และสารผสมเหล่านั้น การนำเข้าสู่เขตการสันดาป ของหน่วยของกรดที่กลับคืนมาดังกล่าว สารผสมที่จะ ป้อนเข้าประกอบด้วยสารละลายซัลเฟตป้อนเข้าที่มีแหล่งของซัลเฟตเป็นองค์ประกอบของผลิต ภัณฑ์พลอยได้ดังกล่าว การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงและองค์ประกอบที่ถูกออกซิไดซ์ของสารละลายป้อน เข้าดังกล่าวในเขตการสันดาปด้วยก๊าซซึ่งมีออกซิเจน เพื่อผลิตก๊าซสันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และไอระเหยของน้ำ ในระยะแรกสารละลายป้อน เข้าดังกล่าวสัมผัสกับเปลวไฟรีดิวซิ่งในเขตการสันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนไตร์ล และเอมีน อื่นๆ ที่ถูกปลอดปล่อยจากสารละลายจะถูกออกซิไดซ์ ก่อให้เกิดก๊าซไนโตรเจน และออกไซด์อื่น ของไนโตรเจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน, ที่ซึ่งก่อให้เกิดบางส่วนของก๊าซสันดาปที่ปลอด ออกไซด์ของไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ ก๊าซสันดาปเป็นบางส่วนดังกล่าวนี้จะถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่ มีออกซิเจน เพื่อออกซิไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาญและคาร์บอนมอนออกไซด์ที่อยู่ในก๊าซ สันดาปบางส่วน, ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว การนำออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่างน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสท์เพื่อการแปลงเปลี่ยนซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น จากนั้น นำก๊าซที่ผ่านแคทาลิสท์ดังกล่าวไปสัมผัสกับกรดซัลฟูริคเพื่อการดูดซับ ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และก่อให้เกิดกรดซัลฟูริค การนำกลับมาใช้ใหม่ของกรดซัลฟูริคที่เกิดขึ้น โดยการดูดซับดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน โรงงานดังกล่าว สำหรับการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค การเอาน้ำในปริมาณที่พอเพียงออกจากระบบ เพื่อทำให้ความแรงของกรดซัลฟูริค ที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว มากกว่าประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก โดยคิดจากกาารปลอดสาร อินทรีย์เป็นหลัก, และ การสัมผัสของกรดซัลฟูริคที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว กับ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิล ไธโอบีวทีโรไนไตร์ล เพื่อเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค ชนิดที่ใช้ในอาหารสัตว์ 4 0. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 39 โดยที่สารละลายป้อนเข้า ซัลเฟตดังกล่าว ประกอบด้วยอย่างน้อย หนึ่งสารประกอบที่เลือกมาจากกลุ่มที่มี 3-(เมทธิลไธโอ)- โพรพินัลดีไฮด์, HCN, 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีโรไนไตร์ล, และ เอมีนอินทรีย์แคทา ลิสท์ เป็นองค์ประกอบ เพื่อการเปลี่ยน 3-(เมทธิลไธโอ)-โพรพินัลดีไฮด์ ไปเป็น 2-ไฮดรอกซี-4- เมทธิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล 4 1. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 1 โดยที่สารผสมป้อนเข้า ประกอบด้วย ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ถึง ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของแอมโมเนียมไบ ซัลเฟต, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของกรดซัลฟูริค, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของแอมโมเนียมซัลเฟต, ไม่เกิน ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดย น้ำหนัก ของเมทธิลเมอร็แคปแทน, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของไดเมทธิลซัลไฟด์, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ของได เมทธิลไดซัลไฟด์, มากกว่า 0 เปอร์เซ็นต์จนถึง ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก ของ HCN 4 2. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 39 โดยที่ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีโรไนไตร์ล ถูกไฮโดรไลซ์ด้วยกรดซัลฟูริคเพื่อ ผลิตไฮโดรไลเซท ซึ่งมี กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และ แอมโมเนียมไบซัลเฟต สารละลายไฮโดรไลเซทถูกสัมผัสด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกับน้ำ จำนวนมาก ในระบบสกัดแบบของเหลว/ของเหลว เพื่อผลิตสารสกัดที่ประกอบด้วย กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และแรฟฟิเนตที่มี แอมโมเนียมไบซัลเฟต, และ สารละลายป้อนเข้าที่มีแอมโมเนียมไบซัลเฟตจากแรฟฟิเนตดังกล่าว 4 3. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 42 โดยที่แรฟฟิเนตดังกล่าวถูกแยก ออก เพื่อเอาเรซิดิวของตัวทำละลายออกไป, แรฟฟิเนตส่วนล่างถูกทำให้เข้มข้นโดยการระเหย และ สารละลายป้อนเข้าดังกล่าวจะประกอบด้วยสารเข้มข้นที่เป็นผลมาจากการระเหยนั้น 4 4. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 43 โดยที่น้ำที่ถูกนำออกไปใน การนำสารเข้มข้นของส่วนล่างของแรฟฟิเนตดังกล่าวถูกนำไปใช้ใหม่และถูกใช้เป็นน้ำในกระบวน การเตรียมกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค โดยการไฮโดรไลซิสของ 2-ไฮดรอกซี-4-เมท ทิลไธโอบิวทีโรไนไตร์ล 4 5. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 43 โดยที่ก๊าซสันดาปดังกล่าวถูก ทำให้เย็นลงโดยปราศจากการควบแน่นในหม้อต้มความร้อนของเสียโดยการเกิดของไอน้ำที่ซึ่ง ความร้อนถูกถ่ายเทจากก๊าซสันดาปดังกล่าว 4 6. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 45 โดยที่ไอน้ำที่เกิดขึ้นโดยการ ถ่ายเทความร้อนจากก๊าซสันดาปดังกล่าวถูกใช้ในกระบวนการความร้อนในโรงงานดังกล่าวเพื่อการ ผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค 4 7. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 45 โดยที่ไอน้ำที่เกิดขึ้นในหม้อ ต้มความร้อนของเสียดังกล่าวถูกใช้เพื่อเป็นแหล่งความร้อนในการผลิตสารละลายกรด 2-ไฮดรอก ซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค เข้มข้น จากสารไฮโดรไลเซทดังกล่าว 4 8. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 42 โดยที่แรฟฟิเนตดังกล่าวถูก แยกออก เพื่อเอาเรซิดิวของตัวทำละลายออกไป และสารละลายป้อนเข้านั้นประกอบด้วยส่วนล่าง ของแรฟฟิเนตที่ไม่เข้มข้น 4 9. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 42 โดยที่สารสกัดที่ได้จากการ สกัดดังกล่าวถูกกลั่นเพื่อแยกตัวทำละลายและเพื่อผลิตสารละลายน้ำที่เข้มข้นของ กรด 2-ไฮดรอก ซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค, และตัวทำละลายดังกล่าวนั้นถูกนำมาใช้ใหม่ในขั้นตอนการสกัด และถูก นำไปสัมผัสกับไฮโดรไลเซทอื่นเพื่อการสกัด กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ต่อไป 5 0. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 39 โดยที่ 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีโรไนไตร์ล ถูกไฮโดรไลซ์ด้วยกรดซัลฟูริค เพื่อ ผลิตไฮโดรไลเซท ซึ่งมี กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และ แอมโมเนียมไบซัลเฟต ไฮโดรไลเซทดังกล่าวถูกทำให้เป็นกลางด้วยแอมโมเนีย และถูกตั้งทิ้งไว้เพื่อให้ แยกกันเป็นวัฏภาคอินทรีย์ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ดังกล่าว และวัฏภาคน้ำซึ่งประกอบด้วยแอมโมเนียมซัลเฟต สารละลายป้อนเข้าดังกล่าวประกอบไปด้วยแอมโมเนียมซัลเฟต จากวัฏภาคน้ำ ดังกล่าว 5

1. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 50 โดยวัฏภาคน้ำถูกทำให้ เข้มข้นโดยการระเหย และสารละลายป้อนเข้าประกอบด้วยสารเข้มข้นที่เป็นผลมาจากการระเหย นั้น 5

2. กระบวนการเตรียม กรดซัลฟูริค ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ การนำสารผสมป้อนเข้าที่ประกอบด้วย สารละลายป้อนเข้าซัลเฟตเข้าสู่การ สันดาปโดยที่เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ด้วยก๊าซที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ, สารละลายป้อนเข้าซัล เฟตดังกล่าวประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธ โอบีวทีริค โดยการไฮโดรไลซิสของ 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีโรไนไตร์ล ด้วยกรดซัลฟูริค เพื่อผลิตสารละลาย ไฮโดรไลเซทที่ประกอบด้วย กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และ แหล่งของซัลเฟตที่เลือกมาจากกลุ่ม แอมโมเนียมซัลเฟต, แอมโมเนียมไบซัลเฟต, กรดซัลฟูริค และ ส่วนผสมของสารเหล่านี้, สารละลายป้อนเข้าซัลเฟตประกอบด้วยแหล่งซัลเฟตดังกล่าว, สารผสม ป้อนเข้ายังประกอบด้วยไอระเหยของสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์ซึ่งถูกขับออกจากกระบวนการ เตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค ดังกล่าว, ไอระเหยของสารประกอบซัลเฟอร์ อินทรีย์ดังกล่าวประกอบด้วยตัวนำของกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค หรือ ผลิตภัณฑ์ พลอยได้จากการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค หรือตัวนำของมัน, องค์ประกอบ ที่ถูกออกซิไดซ์ได้ของสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวจะถูกเผาในเขตสันดาปดังกล่าวเพื่อผลิตก๊าซ สันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และไอระเหยของ น้ำ, ในระยะแรกสารละลายป้อนเข้าซัลเฟตดังกล่าวจะเข้าสัมผัสกับเปลวไฟรีดิวซิ่งในเขตการ สันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนไตร์ล และเอมีนอื่นๆที่ถูกปลอดปล่อยจากสารละลายจะถูกออกซิไดซ์ ก่อให้เกิดก๊าซออกซิเจน และออกไซด์อื่นของไนโตรเจนจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน ที่ซึ่งก่อ ให้เกิดบางส่วนของก๊าซสันดาปที่ปลอดออกไซด์ของไนโตรเจน, ก๊าซสันดาปบางส่วนดังกล่าวนี้ ถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่มีออกซิเจน เพื่อออกซไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาณและคาร์บอนมอน น็อกไซด์ที่อยู่ในก๊าซสันดาปบางอย่างส่วน ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว การนำออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่างน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสล์เพื่อการเปลื่อนแปลงซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น, และ ต่อจากนั้น จะเป็นการนำก๊าซที่ผ่านเหนือแคทาลิสท์ดังกล่าวไปสัมผัสกับกรดซัลฟู ริคดังกล่าวเพื่อการดูดซับของ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และการเกิดของกรดซัลฟูริค 5

3. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 52 โดยที่สารประกอบซัลเฟอร์ อินทรีย์ดังกล่าวถูกพัดพาออกในระหว่างการเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค โดย การแยกระหว่างการไฮโดรไลซิสดังกล่าว หรือจากสารละลายไฮโดรไลเซทดังกล่าว 5

4. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 53 โดยที่การเตรียม กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมททิลไธโอบีวทีริค ประกอบด้วย การสัมผัสของสารละลายไฮโดรไลเซทดังกล่าวด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ที่ไม่เป็น เนื้อเดียวกับน้ำ จำนวนมาก ในระบบสกัดแบบของเหลว/ของเหลว เพื่อผลิตสารสกัดที่ประกอบด้วย กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค และแรฟฟิเนตที่มี แอมโมเนียมไบซัลเฟต การแยกตัวทำละลายจากสารที่สกัดได้ดังกล่าวและจากแรฟฟิเนตดังกล่าว และ การแยกสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์จากตัวทำละลายดังกล่าว, สารผสมป้อนเข้าดังกล่าวจะถูกนำ เข้าสู่เขตการสันดาปที่ประกอบด้วยสารละลายน้ำที่มีซัลเฟตของแรฟฟิเนตดังกล่าว และ สารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์จะถูกแยกจากตัวทำละลายดังกล่าว 5

5. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 54 โดยที่การเตรียม กรด 2-ไฮ ดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค ต่อไป ประกอบด้วย การแยกวัฏภาคน้ำที่มีเรซิดิวของตัวทำละลาย จากตัวทำละลายที่นำกลับคืนมา ดังกล่าว การแยกเรซิดิวของตัวทำละลายดังกล่าว จากวัฏภาคน้ำดังกล่าว และ การเอาสารประกอบซัลเฟอร์อินทรีย์ออกจากเรซิดิวของตัวทำละลายดังกล่าว, สาร ผสมป้อนเข้าดังกล่าวที่ถูกนำเข้าสู่เขตการสันดาปดังกล่าวต่อไปจะประกอบด้วยสารประกอบซัล เฟอร์อินทรีย์ที่ถูกกำจัดออกจากเรซิดิวของดังตัวทำละลายดังกล่าว 5

6. กระบวนการผลิต กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค ประเภทสาร ป้อนในโรงงาน ซึ่งกระบวนการนั้นนำเอากรดซัลฟูริคกลับมาใช้ใหม่ จากกรดที่ถูกใช้ไปในโรงงาน ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว กระบวนการนี้ประกอบด้วย การไฮโดรไลซ์ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวโรไนไตร์ล ด้วย กรดซัลฟูริค ซึ่ง ก่อให้เกิดกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค และผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟต การนำเข้าสู่เขตการสันดาป ของหน่วยของกรดที่กลับคืนมาดังกล่าว สารผสมที่จะ ป้อนเข้าประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟต การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงและ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิลไธโอบิวทีริค ที่มีอยู่ใน ผลิตภัณฑ์พลอยได้สารละลายซัลเฟตดังกล่าวในเขตการสันดาปด้วยก๊าซซึ่งมีออกซิเจน เพื่อผลิต ก๊าซสันดาปที่ประกอบด้วย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และไอระเหย ของน้ำ ในระยะแรกสารละลายป้อนเข้าดังกล่าวเข้าผสมกับเปลวไฟรีดิวซิ่งในเขตการสันดาป โดยที่แอมโมเนีย, ไนไตร์ล และเอมีนอื่นๆที่ถูกปลอดปล่อยจากสสารละลายที่ถูกออกซิไดซ์ ก่อให้ เกิดก๊าซไนโตรเจน และออกไซด์อื่นของไนโตรเจนถูกรีดิวซ์ไปเป็นก๊าซไนโตรเจน, ที่ซึ่งก่อให้เกิด บางส่วนของก๊าซสันดาปที่ปลอดออกไซด์ของไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ ก๊าซสันดาปเป็นบางส่วน ดังกล่าวที่ถูกนำไปสัมผัสกับก๊าซที่มีออกซิเจน เพื่อออกซิไดซ์เชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาผลาญและ คาร์บอนมอนออกไซด์ที่อยู่ในก๊าซสันดาปบางส่วน ที่ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซสันดาปดังกล่าว, การนำ ออกซิเจนเข้าสู่ก๊าซสันดาปเพื่อผลิตก๊าซป้อนเข้าที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอย่าน้อยประมาณ 0.9 โมลของออกซิเจน ต่อโมลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ การผ่านก๊าซป้อนเข้า เข้าสู่แคทาลิสเพื่อการแปรเปลี่ยนซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไป เป็นซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนนั้น จากนั้น นำก๊าซที่ผ่าน แคทาลิสท์ดังกล่าวไปสัมผัสกับกรดซัลฟูริคเข้มข้น เพื่อการ ดูดซับซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และก่อให้เกิดกรดซัลฟูริค การนำกลับมาใช้ใหม่ของกรดซัลฟูริคที่เกิดขึ้น โดยการดูดซับดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน โรงงานดังกล่าว สำหรับการผลิตกรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค การเอาน้ำในปริมาณที่พอเพียงออกจากระบบ เพื่อทำให้ความแรงของกรดซัลฟูริค ที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว มากกว่าประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก โดยการคิดจากการปลอดสาร อินทรีย์เป็นหลัก, และ การสัมผัสของกรดซัลฟูริคที่นำกลับมาใช้ใหม่ดังกล่าว กับ 2-ไฮดรอกซี-4-เมททิล ไธโอบิวโรไนไตร์ล เพื่อเตรียม กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค 5

7. กระบวนการดังที่กำหนดขึ้นในข้อถือสิทธิ 56 โดยที่ระหว่างประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ ของความร้อนจากการสันดาปเกิดจากการสันดาปของ กรด 2-ไฮดรอกซี-4-เมทธิลไธโอบีวทีริค